Ras's Blog

Archive for October 2009

ไม่ได้คิดว่าจะไปดูคอนเสิร์ตนี้นะ เห็นมานานแล้ว แต่พอพี่สาวเห็น บอกอยากดู ก็จัดให้ในทันที

จุดประกาย คอนเสิร์ต ซีรีส์ เค้าว่า เป็นการแสดงดนตรีที่เน้นคนคุณภาพ ให้ได้สัมผัสกับศิลปะอย่างแท้จริง มิได้เน้นความบันเทิงเป็นหลักอย่างเช่นคอนเสิร์ตทั่วไป (จริงอ่ะ) ครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 35 แล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เราเคยดู เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยดูสักครั้ง

แสดง ณ หอเล็ก ศูนย์วัฒนธรรม บัตรที่ซื้อก็ราคา 500 บาท ที่เล็ก ดูไกลสุด ก็ยังอบอุ่นอยู่ แถมยังมีจอให้ดูอีกตั้ง 2 จอแนะ ลงทุนจริงๆ เวลาเริ่มแสดงตามบัตร 17.00 น. มีขึ้น น.18+ ด้วยนะ เพราะชื่อตอนคือ Eromantic ตอนเพลงรักจากคนเลว สุเมธแย้งตลอด ไม่ใช่ผมนะครับ แต่เพื่อนๆ รอบข้าง เพื่อนนักดนตรีบอกว่า เจ้าชู้ทั้งคู่นั่นแหละ เหอ เหอ เหอ

นักดนตรี นักร้องเต็มเวทีหอเล็ก แทบไม่มีที่จะให้เดินเลยมั้งนะ 7 ชีวิต สุเมธ ปั๋ง มือเปียโน อ.นุ รองคณบดีศิลปากร มือเบส โดม หโยดม ผู้สอนปั๋งเล่นกีตาร์ มือเป่าแซ็กซ์ ปิติ เกยูรพันธ์ (สามีรัดเกล้านะ) น้อย พรชัย มือกลอง วันนี้เห็นแม่เพิ่งเสีย ขอให้ทุกคนไว้อาลัยให้ด้วย สปิริตทำงานแรงกล้าจริง และสุดท้าย หนุ่มทีโบน มือเครื่องเคาะ เครื่องตีทั้งหลาย แนะนำนักดนตรีอยู่ 2 รอบ ช่วงเริ่ม และ ช่วงท้าย มีอาจารย์มหาลัยอยู่ด้วยนะ

เวทีก็อุตส่าห์มีฉากกะเค้าด้วย ลายใต้ทะเล เป็นแผ่นสีขาวขนาดเท่าแผ่นไม้หนึ่งแผ่น วางเรียงๆ กันอยู่ มีลายเส้นเป็นลวดลายสัตว์ใต้ทะเล ทั้งปลาหมึก ที่ดูเผินๆ คล้ายเดอะปั๋ง ตามคำบอกเล่าของสุเมธ ดูแล้วเป็นส่วนจมูกกับหนวด มีรูปปลากะเบน และปลาต่างๆ อีกด้วย ก้อสวยดีนะ

เปิดกันมาก็เล่นเพลงบรรเลงกันก่อนหนึ่งเพลง พี่ปั๋งให้ข้อมุลว่า เป็นเพลงแรกที่หัดเล่นจริงจัง เพลงอะไรไม่รู้นะ แต่เป็นของ เอิร์ล คลูห์ ต่อด้วยเพลงดังๆ ในอัลบั้ม แจกัน, กาลครั้งหนึ่ง…ความรัก, รักไม่รู้ดับ (เพลงเก่าเอามาทำใหม่แต่ไม่ดัง สู้เพลงที่ทำใหม่กว่าไม่ได้ เพลงโฆษณาของธนาคารน่ะ), จากนั้นเข้าช่วงเพลงสุนทราภรณ์ รักเอาบุญ, ขอให้เหมือนเดิม ช่วงนี้เป็นเพลงของสุเมธเลย เค้าให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ถ้าแกรมมี่ต้องการทำเพลง 3 แนวนี้ แล้วไม่เรียกเค้า มีโกรธ นั่นคือ เพลงสุทราภรณ์ เพลงพระราชนิพนธ์ และ เพลงดิ อิมพอสสิเบิ้ล เออ พี่เก่งค่ะ

จากนั้น สุเมธบอกว่า เพลงนี้ของพี่ปั๋งเลย กับเพลง รู้ว่าสายเกินไป…เพิ่งจะได้รู้ว่าฉันเคยมีสิ่งที่สำคัญ ไม่แน่ใจชื่อเพลง ใครรู้ช่วยบอกหน่อย เพิ่มเติมอีกด้วยว่า เพลงนี้ พี่ปั๋งใช้ได้ไปตลอดชีวิต โห จบข่าวเลย

ต่อกันด้วยเพลงเศร้าที่สุดของสุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง ในเพลง ไม่เสียใจที่รักเธอ สนุกกับเพลงเปรียบเทียบในแบบฉบับของสุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง ในเพลงนกกระเต็นเห็นพระจันทร์ คือ ถ้าเป็นแบบชาวบ้านทั่วไปก็ หมามองเครื่องบินนะ จากนั้นปล่อยให้พี่ปั๋งได้โชว์เสียงกันบ้าง กับเพลงภาษาฝรั่ง เข้าใจว่า ชื่อเพลง are you lonesome tonight? ดูเนื้อกันเห็นๆ ไปเลย พอไม่ได้ถือกีตาร์ ขาดความมั่นใจไปเลยนะคะ

สุเมธมาร้องเดี่ยวบ้าง คนเดียวจริงๆ กับกีตาร์คู่ใจ เล่นอยู่ตัวเดียว (ของพี่ปั๋ง มีกีตาร์หลายตัว เปลี่ยนไปมา มีแอบบ่น stage ด้วย ว่าจะเอากีตาร์เค้าไปทำไม บ้างก็ ถอดแจ็คออกทำไมนะ) กับเพลง ที่ขอบน้ำชนขอบฟ้า จริงๆ แล้วตามคิวต้องร้องเพลง ลม แต่ไม่ร้องซะงั้น ตอนหลังถึงเฉลยว่า ถ้าร้องเพลงลม ป่านนี้คงหลับกันไปแล้ว พูดอย่างนี้เลยอยากฟังเลย ต่อด้วย เพลงลูกทุ่งที่เค้าแต่งเอง มหัศ จอ รอ หรร การันต์ ยอ ก็อ่านได้ว่า มหัศจรรย์ นั่นแหละ ฟังดูลูกทุ่งๆ มากๆ เล่นคำสุดยอด แต่แปลไม่ค่อยออกหรอกนะ พี่ปั๋งออกมาร่วมแจมกี่ตาร์ จากนั้นก็ ขอเพลงเป็นการส่วนตัวอีกหนึ่งเพลงในแนวเดียวกัน ที่มาของเพลงนี้ คือ รถติดแล้วหันไปเห็น รถขายคอหมูย่าง อยู่ข้างๆ รถหมูยอ (มีด้วยเหรอ) ยังไงก็ตาม ก็เลยได้ประโยคเด็ดมาว่า คอหมูย่างข้างหมูยอ สุดยอดมากๆ เพลงนี้ น่ารัก และ ขำดี พ่อค้าหมูย่างบอกว่า พี่ไม่ต้ม ไม่ตุ๋น ไม่ทอด ไม่นึ่ง ไม่… หรอก เพราะพี่เป็นแต่ย่างงงงงงงง

จากนั้นก็เริ่มเข้าตามสคริปต์ว่า เราทำบุญร่วมกันมา มีบุพเพสันนิวาศร่วมกัน จึงได้มาเจอกัน กับเพลง บุพเพสันนิวาส ต่อด้วย โยกเยก, เธอ ช่วงนี้แนะนำนักดนตรีอีกครั้ง ชื่อเพลงสั้น แต่เล่นกันซะยาวเลย กว่าจะจบเพลงได้

เปลี่ยนบรรยากาศกับเพลงประกอบภาพยนตร์บ้าง ในเรื่อง เมืองนี้โกนแล้วบานฉ่ำ นึกออกไหมว่าเรื่องอะไร Notting Hill แสดงโดย จู เลย โรเบิร์ต (โปรดอ่านตามการเว้นวรรค อิอิ) ให้แปลก็ ไม่มี ก้อเพราะโกน บานฉ่ำ ก็เพราะจูเลียเล่นไง ว่าแล้วก็ร้องเพลง She ในภาคภาษาไทย ชี ประมาณหลงรักชี เลยจะมาเป็นตาเถร สร้างความประทับใจได้ทุกครั้งที่ฟัง โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่นักร้อง เริ่มรั่วเพราะน้ำสีเหลืองได้ที่ หน้าแดงก่ำเชียว และยิ่งเฮฮากันสุดๆ กับเพลง เย็บจักร ที่คงไม่ต้องอธิบายแต่ขอให้อ่านเนื้อเพลงข้างล่างนะ อ่านแบบคนจีนพูดไม่ชัด แล้วนึกถึงลีลาของสุเมธที่รั่วมากกกกกกกกกกก สนุกจริงๆ

เย็บจักร
อั๊วเป็นคนจีนที่มาหากินอยู่ในเมืองไทย อั๋วมีเมียรักไฉไลลูกสาวด้วยกัน2 คน
อีสวยทั้งคู่อีหนูหน้ามล ยังไม่มีผัวสักคน หนุ่มๆติดแจ
ลูกสาวคนโต สวยโก้ใครๆก็รัก อั๋วอาจให้มันเรียนเย็บจักร อยากให้มันเย็บเก่งเหมือนแม
ลูกอั๋วนั้นเจ๊ง เย็บเก่งลูกค้าติดแจ อยากให้เย็บเก่งเหมือนแม่ อั๊วจึงได้หัดเย็บแม่มัน
ลูกสาวคนเล็ก อั๋วยังให้เย็บไม่ได้เพราะตัวมันยังไม่ใหญ่ อั๋วก็หนักใจเหมือนกัน
อีถีบจักรไม่ไหว อั๋วเลยไม่ได้หัดเย็บให้มัน ไว้รออีกหน่อยเถอะนั้น อั๋วจะหัดให้มันเย็บซิกแซก
เย็บเก่งเย็บแน่ ต้องยกให้แม่ของมัน เมียอั๋วเย็บได้ทั้งวัน แม่มันเย็บสะบั้นหั่นแหลก
เย็บซ้ายเย็บขวาเย็บหลังเย็บหน้าเย็บผ้าซิกแซก เมียอั๋วเย็บท่าแปลกๆ อีเย็บแหลก เย็บได้ทั้งคืน…
http://www.ijigg.com/songs/V2FD7DFP0

ไง อ่านแล้ว เห็นภาพไหม อิอิ ต่อด้วยเพลง วันนี้…ฉันมีเธอ ถ้าไม่ร้องเพลงนี้ ก็จบไม่ได้ล่ะ อีกเพลงก็เหมือนกัน พรานล่อเนื้อ ปิดท้ายจริงๆ ด้วย ใจเอย ตอนแรกทำทีเหมือนว่า เชิญคนร้องตัวจริงมาด้วย นักร้อง นักแสดง หญิง มาร้องให้ครั้งเดียวจริงๆ พี่หนุ่ม ทีโบน บอกว่า เจอ เจอ มาช่าด้วย ด้วยลิ้นที่บ่งบอกว่า เมาแล้วล่ะ มีพูดถึงมิยาบิด้วย นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่น ขวัญใจสุเมธ แอนด์ เดอะปั๋งเขาล่ะ รำลากันไปด้วยเพลงซึ้งๆ พี่ปั๋งฝากบอกไว้ว่า อย่าลืมนะครับ คืนนี้ แดงเดือด ลิเวอร์พูล แมนยู ณ ตอนนี้รุ้ผลแล้ว แมนยูชนะ 2-0 จ้า

งานนี้ไปดูกัน สาว สาว สาว เพิ่มด้วย น้องใหม่อีกหนึ่ง ขานี้ ซื้อมาดูเองต่างหาก ได้ที่นั่งแถวหน้ากว่าเราอีก เหอ เหอ แต่ของเราโซนกลางไง ของน้องเค้าริมสุด

ดนตรีสนุก เพราะ นักร้องเสียงดี รั่วกันบ้าง ทะลึ่งกันบ้าง ขำกันเองบ้าง ผวนหน้าตายบ้าง (ผีจับหงส์) แต่ก็ฮาดี

ผลงาน
อัลบั้ม สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง
อัลบั้ม บังกะโล
อัลบั้ม แกรมมี่ โกลด์ ซีรีส์ สุนทราภรณ์ ชุด 5 (เฉพาะสุเมธ)
อัลบั้ม กาลครั้งหนึ่ง…ความรัก
อัลบั้ม แกลอรี่ คลาสสิค (รวมเพลงฮิต)
อัลบั้ม แกลอรี่ ป๊อป (รวมเพลงฮิต)
อัลบั้ม โต๊ะเดิม
อัลบั้ม Good old days 1 (เฉพาะสุเมธ)
อัลบั้ม Good old days 2 (เฉพาะสุเมธ)

สนุกสนานสมคำเล่าลือ การแสดงอันแสนอ่อนช้อยของเหล่าบัลเล่ต์ผู้หญิง นักเต้นบัลเล่ต์ชายกลุ่มนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ชายก็ทำได้ อ่อนหวาน และนุ่มนวล แม้ว่า ช่วงขาอาจจะยาวเกินไป จะฟาดคู่เต้นได้ หรือ ความสูงที่แตกต่างของผู้แสดงเป็นชาย และเป็นหญิง ก็ดูแปลกตาดี ปนสงสารฝ่ายชาย ที่ตัวเล็กนิดเดียว ต้องมารับน้ำหนักฝ่ายหญิง

อีกอย่าง ดูแล้วได้ข้อสรุปว่า ไม่ว่า จะชายหรือหญิง ก็เต้นเหมือนกัน ยิ่งต้อนเต้นหมู่ แค่ชุดเท่านั้นที่เป็นตัวบ่งบอก สุดยอดมากๆ ทั้งลีลา ท่าทาง แบบสวยงาม และชวนขบขัน เรียกเสียงหัวเราะก็จริง แต่การเต้นก็ยากเอาการนะ

สุดๆ กับ Swan Lake แล้ว ในลีลาซอยเท้าแบบออริจินอล ยังมีท่าจิก ผงกหัวของเหล่าหงส์ทั้งหลายอีก ดูเวอร์ชั่นนี่แล้วก็เออ สมจริงนะ ได้ฮากลิ้งกับ Dying Swan ซึ่งควรจะต้องเป็นตอนที่เศร้ามากกกกกกกกกก ตอนเต้นก็อินดีอยู่หรอก แถมขนยังปลิวว่อนกระจายทั่วเวทีประหนึ่งขนหลุดออกจากร่างกาย บินไป บินมา บินไป บินมา บินนานแล้ว มีจิกตาไปทางนักดนตรี ประมาณว่า จบได้แล้ว จะตายจริงๆ แล้ว

มุขแพรวพราว ส่งมาเป็นระยะ ดูแล้วเพลินจริงๆ ชอบ ชอบ ชอบ

ณ ศูนย์วัฒนธรรม ผู้ร่วมขบวนการ ครอบครัว และ พี่ปุ้ม

Info from Thaiticketmajor
เลส์ บัลเลต์ ทรอคาเดโร เดอ มอนติ คาร์โล (Les Ballets Trockadero De Monte Carlo) นิวยอร์ก
• วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม เวลา 19.30 น.
การแสดง : Swan Lake Act II, Pas de Deux, Vivaldi Suite, Dying Swan และ Majisimas

เลส์ บัลเลต์ ทรอคาเดโร เดอ มอนติ คาร์โล ซึ่งยังมีอีกชื่อที่เรียกกัน คือ “เดอะ ทร็อกส์” เป็นคณะบัลเลต์ที่ประกอบด้วยนักบัลเลต์ชายล้วน เสนอการแสดงทั้งบัลเลต์คลาสสิกและระบำร่วมสมัย การแสดงของพวกเขาได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ชมทั่วโลก บัตรเข้าชมการแสดงที่ขายหมดคือเครื่องยืนยันถึงความเชี่ยวชาญในเทคนิคบัลเลต์คลาสสิกของพวกเขา (แม้ในยามทำท่าจิกเท้าแบบนักบัลเลต์หญิง) รวมไปถึงการแสดงล้อเลียนอย่างสนุกสนานร่าเริง จนถึงการแสดงเชิงตลกขบขัน

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการชมบัลเลต์ที่สนุกสนานที่สุดในชีวิตของคุณ เมื่อได้เห็นภาพนักบัลเลต์ชายเต้นเป็นเจ้าหญิงหงส์ด้วยท่วงท่าอันชดช้อย ดูอรชรอ้อนแอ้น ลีลายามพวกเขาเป็นนางฟ้าบนผืนน้ำ และหญิงสาวยุควิคตอเรีย ไม่เพียงเท่านั้น ความเชี่ยวชาญในเทคนิคการเต้นของพวกเขายังจะสร้างความประทับใจไม่ได้น้อยไปกว่ากัน และจะทำให้คุณๆ เดินออกจากโรงละครพร้อมกับการยอมรับและความรักที่มีต่อเดอะ ทร็อกส์ สำหรับมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติครั้งนี้

การรวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งของกลุ่มวงดนตรีมากผีมือ The Innocent ที่มีสมาชิกเปลี่ยนไปมา ก่อนจะมาลงตัวที่ ชาตรี คงสุวรรณ, สายชล ระดมกิจ, พีรสันต์ จวบสมัย และ เสนีย์ ฉัตรวิชัย ศิลปินกลุ่มนี้รวมตัวกันตั้งแต่ปี 2522 ทำให้สงสัยว่า จะรู้จักเพลงของพวกเค้าสักกี่เพลง ปรากฏ เยอะอยู่ เพราะอัลบั้มที่ดังๆ ยังคงมีเพลงดัง ที่เปิดอยู่จนถึงทุกวันนี้ และยังถูกนำกลับมาร้องใหม่โดยนักร้องรุ่นใหม่อีกหลายเพลง หลายครั้ง

ฉากมีลักษณะป็นอวกาศหน่อยๆ มีโคม มีโดมวงกลม อยู่เหนือเวที 4 โดม จอมอนิตเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ทำหน้าทั้งจอฉายขนาดใหญ่ และยังแยกตัวออกมาเล่นสีสันได้อีกด้วย ก็เป็นวิธีการที่เกือบทุกคอนเสิร์ตใช้กันในปัจจบันนี้ ที่สุดยอดคือ การเล่นแสง สี สวยมากกกกกกกกก เห็นแล้วประทับใจจริงๆ ประกอบกับ VRT ที่คิดแล้วคิดอีก สำหรับแต่ละเพลง หลายๆ เพลง ประหนึ่งเป็น MV เลยทีเดียว เรื่องระบบเสียงก็หายห่วง Mr. Music ไม่ทำให้เสียชื่อ เล่นเสียงระบบเซอราวด์กันทั้งฮอล์ล ลำโพงแขวนเต็มเฮอล์ลเลย

เปิดตัวมากับเพลง บรรเลง 26.00 น. พร้อมกับหน้าปัดนาฬิกาขนาดใหญ่ ดูแล้วเก๋จริงๆ ดนตรีแน่นมากๆ กลอง 2 ชุด มือกีตาร์เพียบ เครื่องเป่าอีก 3 คน มือเครื่องเคาะอีกหนึ่งคน คอรัสหนุ่มและสาวเสริมทีม เปียโนอีก 2 ชุด ยังไม่นับของนักดนตรีรับเชิญที่คอยมาแจมในเพลงต่างๆ ด้วยนะ เรียกได้ว่า ฟังดนตรีกันอิ่มมากๆ เลย แม้บางครั้งอาจรู้สึกว่า แน่นไปไหมเนี่ย เหอ เหอ

เปิดตัวกับเพลงสุดฮิต เพียงกระซิบ ในรูปแบบนุ่มๆ ไม่ร็อคจ๋าอย่างที่ Black Head นำมาทำ ต่อด้วยฝันและใฝ่ ก่อนพี่โอมจะส่งต่อให้กับคุณสายชล ในเพลงทางหนึ่งซึ่งหวัง ก่อนเปิตตัวหนึ่ง จักรวาล เพื่อเล่นเปียโนเปิดเพลงสักวัน เล่นได้พลิ้ว กินใจ รับกับแสงสีที่ดูหวาน ซึ้ง แต่ก็เศร้าได้เป็นอย่างดี มาเสริมทัพด้วย โก้ Mr. Saxman จากนั้นปรับอารมณ์กับเพลงแนวคันทรี เรียบเรียงดนตรีซะแน่นปึกเลย ในเพลง ขายหัวเราะ ต่อด้วยเสียงรถไฟ วีทีอาร์ประหนึ่งว่า อยู่บรถไฟ กำลังท่องเที่ยว มุ่งไปสู่ ไทรโยค ในเพลง มนต์ไทรโยค เริ่มต้นจากกรุงเทพ ไปจบที่สถานีไทรโยคเลย

มาฟังกับเพลงเพื่อสังคมกันบ้าง เพลงบอกแล้ว กับวีทีอาร์ที่กล่าวถึง การแข่งมอเตอร์ไซค์บนถนน อันนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้ และเพลง เมืองอะไร บอกกล่าวถึงปัญหาสังคม ทั้งการชิงทรัพย์ การข่มขืนกระทำชำเรา ภาพมันบอกอย่างนั้นเลย

มาย้อนรำลึกถึง The Innocent ในสมัยแรกเริ่ม ที่เป็นวงโฟล์คซอง สมาชิกเพียง 3 คน ในเพลง รักไม่รู้ดับ นักร้องนำเสียงหวานเชียว ชื่ออะไรอ่ะ ต่อด้วยโชว์อิเลคโทนจากคุณเสนีย์ ที่บอกว่า เข้ามาที่วงนี้เพราะคิดว่าจะได้เล่นอิเลคโทน แต่กลายเป็นว่ามาเล่นเบสจ้า แล้วก็เลยไม่ได้เล่นอิเลคโทนมานับแต่นั้น กับเพลง ลองคิดดู

ช่วงต่อไป เป็นเพลงที่คิดว่าจะไม่เล่น แต่แล้วก็ให้โหวตมาว่า เพลงที่คิดจะไม่เล่นนั้นอยากฟังเพลงอะไรมากที่สุด 555 ก็ได้มาดังต่อไปนี้ เพลงแรกคืนก่อน เนื้อประมาณว่า ฝันเก่งนัก เรื่องความรักไม่เป็นเหมือนอย่างในฝัน ด้วยเสียงคุณสายชล เพลงต่อมา จะเอายังไง ร้องโดย ชาตรี พี่โอมาบอกว่า เพลงนี้เขียนเนื้อซะน่ารัก ผมเลยไม่ค่อยกล้าร้อง จากนั้น คุณสายชล เชิญวง Begins มารวมร้องเป็นคอรัส ให้กับเพลง รักคืออะไร ยังไม่พอ คุณบอย โกสิยพงศ์ ป็อด โมเดิร์นด็อก นพ พรชำนิ บอย ตรัย และลิปตา ก็ออกมาร่วมร้องด้วย แสดงความยิ่งใหญ่ ของคุณสายชลแห่ง love is ได้เป็นอย่างเดียว แต่แหม ร่วมร้องเพลงเดียวเอง เสียดายของจริงๆ

ช่วงนี้เป็นช่วงเพลงสนุกๆ แบบดิสโก้หน่อยๆ จัดเป็นชุดใหญ่ เริ่มด้วยเสียงจากแม่กลอง อยู่หอ สาว’86 มีเนื้อเพลงว่า เลิศซะแมนแตนด้วย ก็ฉันมันไม่ดีเอง ต่อด้วยเพลงตอบหน่อยนะ จากนั้น คุณต้น แมคอินทอช ขึ้นมาร่วมแจม ทั้งตีกลอง ทั้งร้องเพลง ในเพลง ใจสยิว ว่าแต่ ทรงผมคุณต้น ทรงเดียวกับที่เคยเห็นตามปกเทปเลยค่ะ ต่อด้วยจิ๊บ ร.ด. และสมาชิกวงพลอยบางคน ในเพลง จิ๊บ ร.ด. สุดยอดกว่านั้น สาว สาว สาว จ้า แต่ไม่ครบหรอกนะ ขาดคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ส่งพี่แหม่ม กับพี่ปุ้มมาเต้น โดยจิ๊บ ร.ด. มาเป็นพี่แอมให้ในเพลงรักคือฝันไป อิอิ ร่วมแจมทุกคนในเพลงสอบตก เพลงสุดท้ายนี่ สนุกจริงๆ

ปรับเปลี่ยนอารมณ์กันสักนิดด้วยเปียโนของคุณหนึ่ง ให้ซาบซึ้งตรึงใจ ส่งเข้าเพลง เพียงครึ่งใจ เหวี่ยงอารมณ์กับอีกครั้งกับ Beat Box ของ หนึ่ง ETC และสมาชิกวง ETC มาร่วมเล่นในเพลง เรื่องมันใหญ่ และ มือที่สาม แล้วก็เพลง เรื่องมันใหญ่ โชว์ดนตรีกันสุดๆ เสียงร้องก็ประสานบอกความเป็นวงมากๆ ไม่ได้ให้ใครเด่นกว่าใคร แม้กล้องจะแอบจับพี่โอมมากกว่าก็ตาม อิอิ

สำเนียงเสียงกีตาร์แบบสเปน ไล่เรียงตามเส้นสาย นิ้วพริ้วไหวของเต้ย อินคา สร้างอารมณ์เพลงมากๆ ส่งเข้าเพลงเห็นใจกันหน่อย โห กะจะฆ่ากันด้วยเสียงดนตรีเลยนะเนี่ย ดิ อินโนเซนต์ ปรับอารมณ์กันอีกครั้ง ด้วยจังหวะมัน กับเปียโนสีขาว ของนายโต๋ ในเพลง 14-16-18 (วัยบริสุทธิ์) โต๋เล่นได้แข็งแรงมากๆ ร้องด้วย แต่อย่างที่บอก มันกลมกลืนกันไปหมด ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร จากนั้นแนะนำนักดนตรี มาจากหลากหลายที่ ที่แน่ๆ มีฝีมือทุกคน สนุกกันต่อกับเพลง เสียเวลาเปล่า คล้ายๆ จะเป็นเพลงปิด แต่ไม่หรอก รอให้คนดูเรียกร้องไง ยังขาดเพลงเด็ดไปอีกตั้ง 2 เพลง มาแล้ว มาแล้ว

เสียงเปียโนนำขึ้นมาก่อน กับเพลงเพราะเธอหรือเปล่า และเพลงสุดท้าย ฝากรัก ที่ทุกคนพยายามคิดว่าจะนำเสนอยังไงดี ให้เป็นที่ประทับใจ ว่าแล้ว ด้วยรัก อยากฝากไว้ ในเสียงของ อาต้อย เศรษฐา ก็เรียกเสียงจากคนดูได้เป็นอย่างดี ต้นฉบับเสียงคือ คุณอุ้ย วรสิทธิ์ แต่เจ้าตัวไม่ได้มา หลังจากนั้นนักร้องนักดนตรีทุกคนออกมาร่วมร้องเพลงนี้ด้วยกัน ปิดท้ายด้วยความสุข กับวงดนตรีรุ่นเดอะอีกหนึ่งวง จริงๆ แอบคิดว่าจะปิดด้วย เพียงกระซิบอีกครั้งซะอีก

บัตรราคา 1200 บาท จ่าย 1080 บาท มากับพี่สาวจ้า งานนี้มีดีวีดให้สั่งจองในงานเหมือนเช่นเคย แต่เค้าบอกว่า ไม่มีวางขายทั่วไป ถ้ามีนะ …. ฮึ่มมมมมมมม จ่ายไป 399 บาท แถมไปอีกบาท เพราะเค้าไม่มีตังค์ทอน

Info from Total Reservation
ดิ อินโนเซ้นท์ (The Innocent) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2522 เริ่มจากการเป็นเพียง
วงดนตรีโฟล์คซอง 3 ชิ้น และเปลี่ยนสภาพเป็นวง String Combo ในเวลาต่อมา

จากอัลบั้มแรกซึ่งใช้ชื่อชุดว่า “รักไม่รู้ดับ” วางจำหน่ายในเดือน กันยายน 2523 ตามมาด้วยงานเพลงชุดที่ 2 “บางปะกง” ในเดือนมิถุนายน 2524 ทั้งสองชุดแนวทางยังคงเป็นดนตรีโฟล์คซองเพื่อชีวิต

หลังจากนั้น มีการปรับแนวดนตรีของ “ดิ อินโนเซ้นท์” ใหม่ในงานเพลงในชุดที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักเรียน ชื่ออัลบั้ม “ขวัญใจนักเรียน” ในปลายปี 2524 มีเพลง “สอบตก” และ “เสียงจากแม่กลอง” ได้รับความนิยมอย่างมากจนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ

หลังจากชุดนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนสมาชิกบางส่วนเพิ่มเติม จนกลายเป็นสมาชิกหลัก 4 คน จนถึงยุคสุดท้าย ประกอบด้วย

พีรสันติ จวบสมัย Keyboards / คีย์บอร์ด

สายชล ระดมกิจ Rhythm Guitar / ร้องนำ

ชาตรี คงสุวรรณ Lead Guitar / กีต้าร์

เสนีย์ ฉัตรวิชัย Bass Guitar / เบส

ทั้งหมดเข้ามาร่วมกันทำงานเพลงชุดใหม่ อัลบั้มที่ 4 “อยู่หอ” ที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้
“ดิ อินโนเซ้นท์” เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงในวงกว้าง มีเพลงฮิตเช่น “อยู่หอ , มนต์ไทรโยค”

ปี 2526 ออกอัลบั้มที่ 5 “เพียงกระซิบ” เมื่อ เมษายน 2526 มีเพลงติดตลาดอย่างเพียงกระซิบ
เป็นเพลงฮิต

ปี 2526-2528 ยังมีการทำเพลงให้ห้องอัดเสียงอย่างสม่ำเสมอ โดยทยอยออกงาน อัลบั้มที่ 6 ใช้ชื่อชุดว่า “รักคืออะไร” (ปี 2527) และตามมาด้วย อัลบั้มที่ 7 “โลกใบเก่า” (ปี 2528) ทั้งสองอัลบั้ม มีเพลงฮิตติดหูคนฟัง อย่างเช่น รักคืออะไร,สักวัน,ทางหนึ่งซึ่งหวัง,เพียงครึ่งใจ ฯลฯ ซึ่งในเวลานั้น ถือเป็นยุคทอง ที่มีเพลงติดตลาดอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้นในปี 2529 ออกอัลบั้มที่ 8 ชื่อ “ครั้งนี้ ของพี่กับน้อง” มีเพลงฮิต ติดหูมาจนถึงปัจจุบันหลายเพลง เช่น เพลงฝันและใฝ่, ฝากรัก, ดาราทีวี และ มือที่สาม โดยเฉพาะเพลงมือที่สาม เป็นที่ฮือฮากันมากในหมู่คนรักดนตรี

และในปี 2532 ได้วางอัลบั้มที่ 9 “10 นาฬิกา” ซึ่งงานเพลงต่างๆในอัลบั้มนี้ ได้รับความนิยมหลายต่อหลายเพลง อาทิเช่น เห็นใจกันหน่อย, ขายหัวเราะ,เพราะเธอหรือเปล่า,บอกแล้ว,เสียเวลาเปล่า หรือแม้กระทั่งเพลงบรรเลงอย่าง 26.00 น.

หลังจาก “อัลบั้ม 10 นาฬิกา” ซึ่งถือเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของวง สมาชิกแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกัน
ไปทำงานของตนเอง

ชาตรี คงสุวรรณ เข้าห้องอัดเสียง บันทึกเสียง และ Produce เพลงให้กับสังกัด แกรมมี่

พีรสันติ จวบสมัย เป็นนักแต่งเพลงอยู่เบื้องหลังงานของศิลปินต่างๆ

สายชล ระดมกิจ ร่วมงานกับค่ายเบเกอรี่ ของบอยด์ โกสิยพงศ์ ซึ่งปัจจุบันคือ เลิฟอิส (Love is)

เสนีย์ ฉัตรวิชัย ก็หันไปทำธุรกิจส่วนตัว และยังคงเล่นดนตรีอยู่สม่ำเสมอ

อีกหนึ่งงาน กับ International Dance Festival กับบัลเล่ห์ที่แสดงโดยชาวจีน ดูแปลกไปอีกแบบ แต่งกายแบบยุโรป ผิวขาว ตาดำ ผมดำ เต้นได้แข็งแรง และอ่อนช้อยได้ในขณะเดียวกั

ตัวเรื่องก็พอเข้าใจนะ ผู้ชายคนหนึ่ง รักกับผู้หญิง กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่กลับได้พบกับนางไม้ ตอนแรกก็นึกว่าตัวเองฝัน แต่นางไม้ก็ยังคงออกมาให้เห็นเป็นระยะๆๆ จนในที่สุดก็ติดตามนางไม้ไป หนีงานแต่งงานไปเลย ขณะเดียวกัน หมอดูยิปซีก็เข้ามาทำนายดวง บอกว่า หญิงสาวจะไม่ได้แต่งงานกับชายหนุ่ม หากแต่แต่งกับเพื่อนของชายหนุ่ม ซึ่งหลงรักหญิงสาวอยู่ ซึ่งก็เป็นจริงตามคำทำนาย แต่ให้บทบาทกับตัวหมอดูยิปซี คล้ายกับเป็นผู้ชักจุงให้ชายหนุ่มติดตามนางไม้ แล้วทิ้งแฟนสาวของตัวเองที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ ตัวแม่หมอเองด้วยซ้ำที่บอกให้เพื่อนชายหนุ่มบอกหญิงสาวว่า ไม่เจอ ทั้งๆ ที่ก็เห็นหมวกหล่นอยู่ จึงหยุดการตามหา ซ้ำแม่หมอหรอแม่มดดี ก็ยังให้ผ้าสีชมพูกับชายหนุ่มไว้จับนางไม้ พอจับได้คล้องด้วยผ้า ปีกก็หลุด แล้วก็เสียชีวิต พอชายหนุ่มกลับเข้าไปในเมือง ก็มีงานแต่งงานของเพื่อนตนกับอดีตแฟนสาว

ตัวเนื้อเรื่องน่าสนใจ ไม่จบแบบเทพนิยาย และรู้สึกสมควรกับความเสียใจที่ชายหนุ่มควรได้รับ โลเลดีนัก อิอิ ลีลาของนักเต้นพลิ้วไหวมาก ใช้คนเยอะ ตามแบบฉบับบัลเล่ห์ ล้นเวทีเลยมั้ง ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ดูได้ เพลินๆ

หลังจบการแสดง ได้เจอนักแสดงหญิงด้วย ขาววววววววววววววววววววววจริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ครั้งนี้ไปถึงสาย โดนไล่ให้นั่งชั่น 3 เลย แงงงงงง แต่วิวก็ดีนะ เห็นเวทีชัดมากๆๆๆ พระเทพเสด็จด้วย อีกอย่าง เพิ่งรู้นั่งรถใต้ดินขึ้นมา มีรถจากศูนย์วัฒนธรรมจอดให้บริการด้วย ที่เคยมาไม่เห็นเคยมี แต่ก็ดีนะ รถใหม่ดี จากสยามนิรมิตรก็มี
ผู้ร่วมขบวนการ พี่ๆ และตัวเอง

ข้อมูลจาก Thaiticketmajor
ลา ซิลฟิด (La Sylphide) บัลเลต์ 2 องก์ ฉบับของ ออกุสต์ บูร์นงวิลล์ (August Bournonville)
แสดงโดย: คณะซี่ยงไฮ้ บัลเลต์ (Shanghai Ballet)
ออกแบบท่าเต้น: ฌอง ปอล กราวิเยร์ (Jean Paul Gravier)
ผู้ประพันธ์: บารอนแฮร์มัน เซเวอริน โลเวนโฮลด์ (Baron Herman Severin Lovenskjold)
นำเสนอโดย: เครือเจริญโภคภัณฑ์

ลา ซิลฟิด เป็นบัลเลต์เรื่องเยี่ยมที่สุดจากยุคบัลเลต์โรแมนติก ในช่วงศตวรรษที่ 19 และเป็นการแสดงชุดที่สองของคณะเซี่ยงไฮ้ บัลเลต์ ในมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติครั้งนี้ ลา ซิลฟิด ชุดนี้เป็นการนำบัลเลต์ฉบับดั้งเดิมของออกุสต์ บูร์นงวิลล์ มาทำใหม่เมื่อ พ.ศ. 2545 โดยมีฌอง ปอล กราวิเยร์ ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบท่าเต้น ฌอง ปอล เคยได้รับรางวัล National Order of Arts and Letters award จากฝรั่งเศส และยังเป็นอดีตผู้กำกับของคณะบัลเลต์ เนชันนัล ดู ริน (Ballet National du Rhin) อีกด้วย

คณะเซี่ยงไฮ้ บัลเลต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะคณะบัลเลต์ที่มีพลังของภูมิภาคแถบนี้ ได้รับการยกย่องในฐานะที่ช่วยยกระดับรูปแบบของบัลเลต์คลาสสิก พวกเขามีผลงานการแสดงบัลเลต์คลาสสิกในรูปแบบที่ทันสมัย อีกทั้งยังมีผลงานจำนวนมากที่มีส่วนผสมผสานจากวัฒนธรรมจีน เช่น บัลเลต์ชุด A Sigh of Love, The Butterfly Lovers

บัลเลต์โรแมนติกเรื่องลา ซิลฟิด มีเค้าโครงจากเทพนิยายของ ชาร์ลส์ โนดิเยร์ (Charles Nodier) เป็นเรื่องราวของ เจมส์ หนุ่มน้อยชาวสก็อต ผู้ตกหลุมรักกับซิลฟิดที่ไม่มีตัวตน จนถึงขั้นทอดทิ้งเอฟฟี เจ้าสาวของเขากลางงานแต่งงานเพื่อติดตามซิลฟิด เขาทำท่าราวกับว่าซิลฟิดมีชีวิตจริงๆ เจมส์ใช้ผ้าคลุมวิเศษจับเธอไว้ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาแตะที่บ่าของเธอ ซิลฟิดก็เสียชีวิตในอ้อมแขนของเขา เจมส์ถูกทิ้งให้รำพึงรำพันอย่างเดียวดายในการสูญเสียความรักที่เลื่อนลอยและความหมายของรักที่แท้จริงของเขา

เร่ขายฝัน เฉลียง เดอะมิวสิคัล ผลิตโดย work point และ โต๊ะกลม ร่วมกับ ทรู แฟนตาเชีย ตอนแรก ไม่คิดว่าจะไปดู แต่แล้ว ก็นึก อืมม ตอนดูชายกลาง แล้วชอบนะ เรื่องนี้ก็น่าจะทำได้ดี (เหตุผลจริงๆ เพราะคำว่าเฉลียงต่างหาก ทำให้พี่สาวตัดสินใจดูอย่างง่ายดาย)

The Legend of เร่ขายฝัน เฉลียง เดอะ มิวสิคัล บอกเล่าเรื่องราวของ 2 เมืองที่ต่างกันสุดขั้ว เมืองหนึ่งชื่อว่า เมืองตรรกะ ทุกอย่างต้องมีเหตุ มีผล ไม่รู้จักอารมณ์ เป็นเรื่องของความเหมาะสม แต่ เมื่อเหตุและผลทุกอย่างเท่ากัน ให้ใช้ดุลยพินิจเป็นตัวตัดสินได้ (อืม แล้วดุลยพินิจเนี่ย ก็หมายถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ใช่หรือไม่) อีกเมืองหนึ่ง คือ เมืองเอกเขนก ชื่อเมืองก็บ่งบอกถึงความสบายๆ เรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้เคร่งเครียด การประชุม ก็เรื่อง จะเปลี่ยนชื่อเจ้าสมเสร็จเป็นชื่ออะไรดี ฟังแล้วมันแปลกๆ ให้ชื่อ วรนุชดีมะ (คุ้นๆ ไหมคะ คนไทยทั้งหลาย) ใครอยากทำอะไร ชอบทำอะไรก็ทำไป จะได้โทษใครไม่ได้ด้วย เพราะเลือกเอง เรื่องราวมาวุ่นวายเมื่อ มีคนของอีกเมืองหนึ่ง ได้มาเจอกัน

เรื่องเปิดที่พิพิธภัณฑ์ เด็กหญิง เด็กชาย มาหาข้อมูลทำรายงาน อ่านข้อมุลเรื่อง ชิ้นส่วนเครื่องบินถูกกบฏนำไปใช้เพื่อหลบหนี อยู่ๆ ก็มีลุงนิรนามเข้ามาถามว่าสนใจจะฟังเรื่องเล่าไหม เด็กชายว่า ไม่ฟังเรื่องจินตนาการ แต่เด็กหญิงจะฟัง ว่าแล้ว ลุงนิรนามจึงเล่า เรื่องมันเกิดขึ้น ก็เพราะไฟดับในเมืองตรรกะทำให้สภาตามหาสาเหตุ ไล่เลียงไปจากช่างไฟ ร้านอาหาร เด็กเสริฟ ไปจนเด็กล้างจาน ที่ไม่ได้มาทำหน้าที่ตน เพราะมัวแต่ไปวาดรูป ตามไปจนเจอผู้สอนวาดรูปนั่นคือ ชายตาบอด ผู้เป็นต้นเหตุของไฟดับ จึงมีการประชุมเกิดขึ้นเพื่อลงโทษชายตาบอด และได้รู้ว่า ชายผู้นี้ไม่ใช่พลเมืองของตน จึงมีการส่งคนไปสำรวจเมืองของชายตาบอด ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเมืองตรรกะได้

ประธานสภาห้าสิบ หาสิบ เล่นโดย ญานี ปราโมทย์ เล่นได้ ห้าสิบ ห้าสิบจริงๆ คอยไม่แน่ใจอยุ่ตลอดเวลา ส่งผลให้ ท่าแสนเก้า รองประธานอันดับสองต้องคอยกระตุ้น สุดท้ายส่งท่านพันหนึ่ง ว่าทีประธานสภาคนต่อไป ผู้ซึ่งมีผลประเมินประสิทธิภาพเท่ากับท่านแสนเก้าทุกอย่าง แต่ด้วยดุลยพินิจของท่านห้าสิบห้าสิบจึงได้เป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งไปสำรวจดินแดนนี้

พันหนึ่ง มีคู่หมั้นแล้ว คือ 3.14 หรือ พายอาร์ ลูกสาวของท่านประธานห้าสิบห้าสิบ พายอาร์เป็นหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกผิดกับชาวเมืองตรรกะทั่วไป เธอไม่ต้องการให้พันหนึ่งไปทำหน้าที่นี้เพราะรู้สึกว่า เธออาจจะต้องสูญเสียชายผู้เป็นที่รักไป ถึงขนาดจะคุยกับผู้เป็นพ่อให้ แต่พันหนึ่งก็ยังคงยึดหน้าที่ของตน ทั้งยังฝาก 3.14 ไว้กับ แสนเก้า หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ในช่วงแรกนี้ เห็นชัดเจนถึงบุคคลิกอันขึงขัง เต็มไปด้วยเหตุผลของพันหนึ่ง แม้แต่ท่ากอดยังเป็นจังหวะแข็งๆ ไม่มีความนุ่มนวลเลย เหล่าทหารที่ติดตาม ก็เป็นลูกคู่เสริมให้กับแสนเก้าได้น่ารักน่าชัง พูดถึงความเหมาะสมของพันหนึ่ง คอยเป็นลูกคู่ที่แข็งขัน ตบท้ายด้วย ท่าของห้าสาว wonder girls ในท่อนที่ว่า ไม่มีใครเหมาะสม เท่าท่านพันหนึ่ง แปะ แปะ แปะ อิอิ ทำไปได้ จะว่าไปเมืองนี้ก็ทำให้นึกถึงประเทศจีนนะ ความขึงขังของทหารขณะกำลังเดินสวนสนามลอยมาเลย

เปิดตัวเมือง เอกเขนก ท่านผู้นำยับยับ และเหล่าชาวบ้าน ลูกสาวผู้แข็งแรงปุย ปุย พระจันทร์ สาวนน้อย แสนหวาน และชนะลม เพื่อนหนุ่มของทั้งคู่ ร้องรำ ทำเพลง กันอย่างสนุกสนาน ให้เห็นภาพถึงความสบายๆ และบรรยากาศบ้านเมืองที่แสนจะเป็นธรรมชาติ บ้านของชาวบ้านอยู่ตามต้นไม้ มีเฉลียงด้วย

พระจันทร์ แอบอ่านหนังสือกลอนของขนะลมแล้วแซวว่าเขียนให้ใครน้า ว่าแล้วก็ บอกปุยปุย เพื่อนสาว ว่า ชนะลมเขียนกลอนถึงเธอแนะ ปุยปุย ผู้หลงรักชนะลมอยู่แล้ว เขินอาย รีบไปคว้าสมุดจดกลอนมาอ่าน ..มีสองปุย ปุย ปุยปุย ปุย จะสดสวยเพราะเรามอง… 555 เออ มีปุยปุย เขียนถึงปุยๆ จริงด้วย ชอบช่วงปุยปุยจีบชนะลม หรือ ชนะยมของปุยปุยเป็นที่สุด ในเพลง ถ้าโลกนี้มีเราเพียงสองคน ฝ่ายปุยปุย ก็หวานเต็มที่ เข้าหาสุดชีวิต ขณะที่ชนะลมก็หลบเต็มที่ เพลงเดียวกัน ได้สองความหมายจริงๆ สุดยอด ช่างเลือกเพลง แบ่งท่อนจริงๆ ช่วงนี้ปุยปุย หรือ สาวมิ้นท์ เล่นได้น่ารัก น่าหยิก น่าหยอกมากๆ เกิดค่ะ เกิด

เครื่องบินของพันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุร่วงลงมาชนเฉลียงบ้านของพระจันทร์พัง เครื่องมือสื่อสารติดต่อไม่ได้ จึงต้องติดอยู่ที่นี่ แต่ชาวบ้านก็ให้ความเอื้อเฟื้อเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็มักจะโต้เถียงกับพระจันทร์ด้วยเหตุผล ในเพลง อื่นๆ อีกมากมาย ที่พระจันทร์แสดงให้เห็นว่า ยังมีอีกหลายเหตุผล อีกหลายสิ่งที่จะอธิบายเหตุการณ์หนึ่งๆ ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบเดียว ดูเหมือนพันหนึ่งจะค่อยๆ รับรู้มากๆ ขึ้น แม้จะยังคงไม่เห็นด้วยกับการใช้คน หรือ วิถีชีวิตที่ไม่เต็มประสิทธิภาพก็ตาม จนในที่สุดก็กลมกลืน และเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อชาวบ้านมาช่วยกันซ่อมเฉลียงของบ้านพระจันทร์ โดยที่ไม่มีอะไรตอบแทน แต่ยังขาดกังหัน เฉลียงของบ้านพระจันทร์มีกังหัน แต่ไม้หมดแล้ว ชาวบ้านหันไปเห็นใบพัดเครื่องบินจึงจะหยิบมาใช้ พันหนึ่งรึบบอกว่า ไม่……ได้ใช้แล้วเอาไปใช้ได้ จุดเริ่มต้นของการแบ่งปัน ที่ยับยับพยายามอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ

ขณะเดียวกันที่เมืองตรรกะยังคงมีความพยามยามในการตามหาตัวพันหนึ่ง พายอาร์ได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของแสนเก้าที่วางแผนให้เครื่องยนต์ของพันหนึ่งมีปัญหา และได้รับรู้ถึงความรู้สึกกดดันของแสนเก้า และความต้องการครอบครองทุกอย่างที่เค้าควรจะได้ ทั้งตำแหน่ง ทั้งตัว 3.14 เองก็ตาม กับเพลง อยู่ที่ใคร ร้องโดยแสนเก้า หรือ นายต้อล หนุ่มหน้ามน แห่ง af4 ที่ดูดุเดือดได้ที่ทีเดียว

เปิดฉากสอง กับ กิจกรรมการจับนกของชาวบ้าน จะจับนกก็ต้องทำตัวให้เหมือนนก ว่าแล้วก็เดินแบบนก คนเชิดนก เชิดได้น่ารักดีนะ

พระจันทร์ออกมานั่งอยู่หน้าเฉลียง และได้พบกับพันหนึ่งซึ่งนอนไม่หลับ ยานอนหลับหมดเลยจึงพูดคุยกัน ถามถึงสาเหตุว่าทำไมพระจันทร์ต้องมาทั่เฉลียงนี่ทุกคืน จึงได้รู้ว่า มานั่งรอพ่อ ตามที่พ่อบอกไว้ แล้วก็ย้อนไปในวันนั้น ผู้เป็นพ่อเล่นโดย บอย เอเอฟ 3 สลับกับนายตี๋ พยายามนึกภาพนายตี๋อยู่นะ เล่นกับเด็กซะด้วย ก็น่ารักดีนะ วันที่เราดูเป็นบอย เอเอฟ 3 กับเพลง กล่อมลูก พ่อจะสอน เจ้าเอาไหม ให้นับดาว และบอกให้ลูกรอ พ่อสัญญาว่าจะ จับหิ่งห้อยมาฝาก ย้อนกลับมาในปัจจุบัน พันหนึ่งหลับ เอนตัวลงมาจนหนุนตักพระจันทร์ ชนะลมเดินมาเห็นเข้า ถึงกับผงะแล้วจะเดินจากไป แต่มาปะทะกับปุยปุยที่ตามมาพอดี ทำให้ปุยปุยรู้ว่าชนะลม แอบหลงรักพระจันทร์อยู่ จึงสงสัยว่า ทำไมถึงไม่บอก ในเพลง ไม่เคยคิดถาม เพียงสั้นๆ กับท่อนของชนะลม ต่อด้วย ยังมี ของมิ้นท์ ฉากนี้ เล่นแสง เล่นจังหวะกันน่าดู วิ่งมาหยุดท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องเพียงดวงเดียว กับ อีกคน ที่ยืนอยู่ ณ อีกจุดหนึ่งของเวที ดูเศร้าจัง

เรื่องคล้ายๆ ทุกผ่ายจะอยู่กันไปได้ด้วยความสงบสุข แต่แล้ววิทยุในเครื่องบินก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนได้รุ้ว่า พันหนึ่งถุกส่งมาเพื่ออะไร และขอให้พันหนึ่ง ยืนยันพิกัด เพื่อจะส่งทหารมาทำลายเมืองศัตรูซะ ชนะลมและชาวบ้านจึงไล่ให้พันหนึ่งกลับไป พระจันทร์เข้ามาเห็นขณะที่กำลังไล่ พระจันทร์ไม่เชื่อ วิ่งตามพันหนึ่งไป ชนะลมก็ตามไปด้วย พันหนึ่งไม่ปฏิเสธบอกว่า เป้นหน้าที่ พระจันทร์เสียใจมาก คิดว่าทุกอย่างที่พันหนึ่งทำเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด จึงบอกให้พันหนึ่งกลับไป พันหนึ่งพยายามจะเข้ามาอธิบาย แต่ชนะลมก็ลุกขึ้นมาปะทะ มาไล่ แล้วก็ถูกยิงล้มลง เพราะทหารที่ถูกส่งมาเข้าใจว่า มีโอกาสที่ท่านพันหนึ่งจะถูกทำร้ายถึง 92 เปอร์เซนต์ พันหนึ่งจะเข้าไปช่วย แต่พระจันทร์ไม่ยอมรับ ไล่ให้กลับไป พันหนึ่งจำต้องกลับ ปล่อยให้ชนะลมอยู่กับพระจันทร์ในวาระสุดท้ายของชิวีต กับ ไม่คิดถาม (ต่อ) ซีนนี้ได้อารมณ์เศร้ามาก นัท ฉากนี้นายทำได้ ปุยปุยวิ่งตามมารับรู้ถึงการจากไป

พันหนึ่งกลับไปยังเมืองตรรกะ พร้อมด้วยอารมณ์และความรู้สึก สามารถโต้ตอบกับพายอาร์ตามที่พายอาร์ต้องการ และยอมรับว่า ตนรู้สึกดี แต่ไมได้รัก พายอาร์ดีใจที่ได้รับรุ้ความรู้สึกที่แท้จริง มาในเพลง คำไม่รัก ที่ผู้กำกับเค้าบอกว่า เป็นภาคต่อของเพลง ไม่คิดถาม ประมาณว่า รับรุ้ว่าคำไม่รักจากเธอ แต่ฉันก็ยังดีใจทีเธอพูดออกมา ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยังรักเธอ เออ เอากะเขาสิ เนื้อเพลงนี้

พันหนึ่งเข้าไปรายงานต่อสภา เล่าทุกอย่าง ตามความรู้สึกของตน ตามความเป็นจริง แต่สภากลับมองว่า ไร้สาระ ขอแต่เนื้อหา และลงมติว่า เมืองนี้เป็นอันตรายต่อเมืองตรรกะ เพราะสามารถเปลี่ยนท่านพันหนึ่งให้กลายมาเป็นเช่นนี้ได้ แต่ประธานห้าสิบยังให้โอกาส โดยแสนเก้าเสนอให้พันหนึ่งลงมือประหารชายตาบอดด้วยตนเอง พันหนึ่งมีโอกาสได้พบกับชายตาบอด แล้วได้รับของที่ชายตาบอดต้องการฝากไปให้ยังคนที่เมืองเอกเขนก สุดท้ายก็ได้รุ้ว่า ชายผู้นี้คือพ่อของพระจันทร์ เขาจึงพยายามช่วย ด้วยการหันปืนไปทางอื่น แต่ปืนไม่มีลูก ถึงอย่างนั้นก็สู้กับทหารด้วยมือเปล่า และพยายามจะพาชายตาบอดไปด้วย แต่แสนเก้าเข้าขัดขวาง อีกทั้งชายตาบอดไม่ไป ไล่ให้พันหนึ่งไปคนเดียว พร้อมกับย้ำว่า ส่งของฝากให้ด้วย

อย่าขังความจริงที่เห็น อย่าขังความงาม กับเพลงหิ่งห้อย โดยชายตาบอด ทำเอาเงียบกริบ น้ำตาซึมกันทั้งโรงละคร ชายตาบอด พยายามเปิดใจแสนเก้า ให้รู้ว่า เค้าเองก็มีความฝัน แม้จะเรียกว่าอย่างอื่นก็ตาม มีอารมณ์ มีความรู้สึก แสนเก้าโดนกดดัน จึงลั่นปืนยิงใส่ชายตาบอดตาย อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือชายตาบอดของพันหนึ่ง ส่งผลให้ท่านประธานห้าสิบห้าสิบเลือกให้แสนเก้าเป็นประธานคนต่อไป มีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว แสนเก้าจึงตัดสินใจส่งทหารไปทำลายเมืองเอกเขนก พร้อมทั้งเร่งรัดการแต่งงานของตนกับ 3.14 แม้อดีตท่านประธานจะขอร้องให้ทบทวนการตัดสินใจก็ไม่ฟัง

พันหนึ่งหนีกลับไปเตือนชาวเมืองเอกเขนกให้รีบหนีไป พร้อมนำของฝากมาให้กับพระจันทร์ ปุยปุย ไม่หนี ขออยู่ที่นี่ เพราะชนะลม ฝากป่าแห่งนี้ไว้กับตน ยับยับ ก็ยืนยัน ถ้าจะต้องเลือกที่ตายก็ขอตายที่นี่ เช่นเดียวกันกับทุกคน ต่างคนจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำในสิ่งที่ตนอยากทำ (ทำไม ไม่ทำหลุมหลบภัยล่ะ ไม่เข้าใจ อย่างน้อยอาจมีคนรอด) พันหนึ่งก็ยินดีอยู่ด้วยกับทุกคน

ท่านแสนเก้า ท่านประธาน… ท่านประธาน กรุณายืนยันคำสั่งทิ้งระเบิดครัผผม ……………………..……………………..……………………..……………………..…………………… ทิ้งระเบิด
พร้อมกับข่าวที่ว่า มีผู้พบเห็น 3.14 ออกเดินทางไปยังเส้นทางเมืองเอกเขนกตั้งแต่เมื่อวาน

สุดท้าย แสนเก้า ก็ไม่เหลือใคร ทั้งคนที่ตนรัก และเพื่อน เมืองตรรกะก็ยังคงดำเนินต่อไป ตามครรลองของคนเมือง

ลุงนิรนามเล่าเรื่องจบ เด็กทั้งสองก็วิ่งไป ล้อกันเรื่องชื่อ เด็กหญิงให้เรียกชื่อตน ไม่ใช้ตัวเลข ล้อด้วยว่า ยายชื่อพายอาร์ ลุงนิรนามได้ยินก็ชะงัก เดินไปเห็นของที่เด้กหญิงลืมไว้ เป็นกล่องเพลง ที่แสนเก้าเคยให้ไว้กับพายอาร์ ตามคำขอนั่นเอง เพราะฉะนั้น ลุงนิรนามก็คือ…..

เพลงหลายๆ เพลงของเฉลียงได้รับการเรียบเรียงใหม่ ฟังเพลินเหมาะกับรูปแบบละครเวที แม้ว่าพอมาร้องคนเดียว บางเพลง อาจดูเงียบไปนิดก็ตาม ฉากสวยงาม เครื่องแต่งกายผ่าน การแสดง เสียงร้อง ใช้ได้เลย นักแสดงรุ่นใหญ่ทำเสียน้ำตา รุ่นเล็กก็มีอารมณ์ซึมๆบ้าง หมั่นเขี้ยวบ้าง ดีกว่าที่คาดไว้เยอะ

ผู้ร่วมขบวนการ ครอบครัว และ น้องใหม่ บัตรราคา 800 บาทจ้า เก่งมะ ซื้อแต่เนิ่นๆ เลย เกือบไปเหมือนกัน
มีซีดีให้สั่งซื้อด้วย ถ้ามีซีดีเมื่อไหร่ คงจะบอกเล่าเพลงที่นำมาร้องได้มากกว่านี้ แต่เท่านี้ก็ได้เนื้อหาแล้วเนอะ

ลำดับเหตุการณ์ (นำมาจากใบปลิวจ้า)
องค์ 1 เหตุ
ฉาก 1 เรื่องตลก?
ฉาก 2 ปรากฏการณ์ ณ ตรรกะนคร
ฉาก 3 ประชุมสภากับคนตาบอด
ฉาก 4 เธอกับฉันกับคนอื่นๆ
ฉาก 5 พอสายตาแสนงามของเธอสานมา
ฉาก 6 ถูกโฉลกเธอ
ฉาก 7 ทำสบาย สบาย ทำหัวใจเอกเขนก
ฉาก 8 ถ้าโลกนี้มีเราเพียงสองคน
ฉาก 9 อื่นๆ อีกมากมาย
ฉาก 10 กับจะมีห่วงใยมาให้เธอ
ฉาก 11 เรื่องราวบนแผ่นไม้
ฉาก 12 อยู่ที่ใคร

องค์ 2 ผล
ฉาก 13 กุ๊กกุ๊ก กุ๊กกุ๊ก กุ๊กกุ๊ก
ฉาก 14 พ่อจะสอน เจ้าเอาไหม ให้นับดาว
ฉาก 15 สนุกสุขสม หัวใจหงายคว่ำ
ฉาก 16 เลิกบังเลิกอำพราง
ฉาก 17 เคยคิด เคยรังเกียจฉันหรือเปล่า
ฉาก 18 คำไม่รัก
ฉาก 19 เกิดสงครามพันครั้ง
ฉาก 20 อย่าขังความจริง ไม่เห็น อย่าขังความงาม
ฉาก 21 ฝากเอาไว้
ฉาก 22 โลกยังสวยเสมอ
ฉาก 23 เด็กน้อยนอนหลับสบายนอนยิ้มละไม

สุชาติ ชวางกูร ผู้ชายคนนี้ เคยได้ยินชื่อ รู้ว่าเค้าคือเจ้าของเพลง เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป และ ใจรัก ที่มีศิลปินรุ่นหลังนำมาร้องใหม่จนคุ้นหู แต่ไม่เคยได้ยินจากเจ้าตัวจริงๆ เมื่อมีคนชวนให้ไปดู แบบกระเป๋าไม่แฟบ ก็ยินดี รีบออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้าไปดูทันที Hall 2 เมืองทองธานี คือจุดเป้าหมาย งานนี้มีแจกพระด้วย แต่ไม่ได้ ก็นะ ตังค์ก็ไม่เสีย ของก็ไม่ต้องได้สิ

เวทีเต็มพื้นที่ห้องด้านกว้าง ฉากหลังเป็นสีขาว ใช้แสงเล่นสีสัน ชื่อคอนติดตัวหญ่าย พร้อมจอ 3 จอ ดีนะ ห้องแค่นี้ มี 3 จอ งานคอนบางงานเล่น อินดอร์ มีอยู่จอเดียวตรงกลาง ไม่เห็นใจคนดูด้านข้างบ้างเลย (อิอิ มีบ่น)

เปิดตัวมาก็ส่งเพลงเด็ดมาก่อนเลย ในเพลง เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ด้วยเสียงที่นุ่ม ทุ้ม ดูสุภาพ นุ่มนวล ชวนฝัน แบบหนุ่มใหญ่ ตามมาด้วยเพลงเร็วอีก 2 เพลงที่เดาชื่อเพลงเป็น ทำไม ทำไมคิดถึงเธอ และโลกหมุน ก่อนจะส่งเพลงที่เค้าว่านิยมอีกสองเพลง คือ ด้วยรัก และดวงฤดี จากนั้นขอให้คนดูช่วยกันร้องท่อน ลัล ลัล ลัล ลา ในเพลง ฝากรักมากับเสียงเพลง ต่อด้วยสายธาร, เกิดเป็นความรัก งานนี้ต้น สุชาติ ได้ประกาศตามหานักเขียนเพลง นักแต่งเพลงที่แต่งเพลงให้เค้า แต่ไม่อาจตามหาตัวได้ ใครรู้จักช่วยบอกด้วยนะคร้าบบบบบ

จากนั้น มาถึงหนังที่ประทับใจ ไปจนถึงตัวเพลง กับหนังเรื่องรักแห่งสยาม และ กันและกัน ร้องได้ใจทีเดียว โดยมีคิวมาร่วมโชว์ด้วย (ตกใจมาก เพราะวันนี้ก็มีคอนของ โมเดิร์น ด็อกที่คิวต้องไปเล่นด้วย) ต่อด้วยโชว์ของคิว ในเพลง ฤดูที่ฉันเหงา แล้วก็บอกว่า ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปงาน Modern Dog ต่อ ต้นส่งความหวานซึ้งต่อด้วยเพลงดั่งเม็ดทราย, ภวังค์รัก, คืนนี้มีเพียงดาว,รักไม่เคย,แล้วจะเก็บดอกไม้ให้เธอ เพลงนี้เดินลงมาแจกกุหลาบขาวให้กับผู้ชม ก็ได้รับการกอด รัด ฟัด เหวี่ยง ถ่ายรูปคู่กันไป และทำให้รูว่ามีศิลปินทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้อง มาให้กำลังใจกันมากมาย มีวงชาตรีด้วย ใครนำดอกไม้มาให้ก็มอบกันช่วงนี้เยอะมาก รวมทั้งช่อดอกลิลลี่ช่อใหญ่ของคนที่อยู่ด้านหลังเราด้วย ส่งกลิ่นดีเหลือเกิน แต่ที่ขำคือ พี่ตู่ นันทิดา ซึ่งนั่งอยู่หน้าเราไป 2 แถวก็ตั้งใจจะให้แต่ช่อลิลลี่ช่อยักษ์แซงหน้าไปก่อน พี่ตู่เลยยังไม่กล้าให้ของตนด้วย ขนาดที่เล็กกว่า เหอ เหอ เหอ

ขึ้นมาร้องต่อกับเพลงบ้านเรา และเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเจ้าของเพลงก็มาด้วย ระหว่างที่ร้อง ได้ยินเสียงฮือฮาก็คิดแล้วว่า ตัวจริงต้องมา มา 2 คนด้วย ทั้งเศรษฐาและวินัยเลย ขึ้นมาบนเวทีด้วยเลย พี่ต้นก็เลยจัดให้อีกหลายเพลง ทั้งชื่นรัก และ ทะเลไม่เคยหลับ ฟังตัวจริงร้องไป ทำท่าซูอกไป แต่เสียงเศรษฐาเค้าก็แน่จริงๆ นั่นแหละ

กลับมาเข้าเพลงของตัวเองต่อ กับเพลงเหงาใจ, จูบนั้นฉันรักเธอ, ดอกไม้ เขียนโดยคุณจิรนันท์ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเป็นเพลงชาวค่ายมาตลอดเหมือนกัน ที่ร้องว่า ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน, ศิลปินรับเชิญท่านต่อมา คุณน้อย จันทนีย์ อุนากูล มาร่วมกันร้องเพลง สายชล ก่อนยกเวทีให้ร้อง ลองรัก ซึ่งพีน้อยบอกว่า เจ้าของเรื่องนี้ ก็อยู่ในคอนเสิร์ตด้วย จากนั้นร้องคู่กับพี่ต้นอีกครั้งในเพลง Way Back To Love เพราะมากกกกก เสียงใสได้อีกค่ะ

พี่ต้นร้องเพล come what may พร้อมเปิดตัวแขกรับเชิญท่านต่อไป สาว เสียงดี จากเมืองนอก เจเน็ต เขียว สังเกตได้ว่า ปฏิกริยาคนดูนิ่ง เงียบ อาจจะเพราะไม่รู้จัก และจำไม่ได้ จนเริ่มพูดคุยนั่นแหละ ถึงได้มีเสียงกันมากขึ้น เสียงเจเน็ตดีจริงๆ แฮะ เข้มดีจัง เจ็เน็ตบอกว่า มาคอนเสิร์ตพี่ต้นก็พร้อมถวายตัวให้เลย ขอเปลี่ยนชื่อทันทีเป็น เขียว สนิท ศิษย์ สุชาติ ชวางกูร ก่อนจะแสดงเพลงถนัดของตัวเอง ข้าวนอกนา และ เกลียดคนสวย ปิดด้วยเพลงลูกทุ่งที่ร้องว่า หาใหม่ก็ได้โว๊ย (ไม่รู้จักอ่ะ) ได้ทิปไปหลายตังค์นะ

จากนั้นดึงเอกชัย ศรีวิชัย ที่มาดู ขึ้นมาร่วมแจมบนเวที พูดคุยกันซะซึ้งเลย ก่อนจะมาสนุกกันในเพลง หน่มนาข้าว สาวนาเกลือ แบ่งเนื้อร้องฝ่ายชายกันบนเวทีนั่นแหละ ขำ เอกชัยเล่นเจเน็ตเยอะที่เดียว มีการหยุดร้องบอกว่าร้องท่อนต่อไปไม่ได้ เพราะขัดกับความรู้สึก ท่อนที่ว่า พี่มาเจอะคนงาม คนงาม 555 กว่าจะจบ เล่นเอาพี่ต้นยืนหัวเราอยู่ตรงนั้นแหละ ร้องจบ มีคนดูเอาทิปมาให้ เจเน็ตให้ระบุเลยว่าให้ใคร ปรากฏให้กันทั้ง 3 คน ก็กราบงามๆ รับไป ไม่พอ พี่ต้นยังสนุกอยู่ ขอให้พี่เอกร้องเพลง หมากัดขา ต่อด้วย หนุกดี พี่เอกจะเดินกลับ เจเน็ตถามขึ้น พี่จะเอาแบ็งค์พันกลับไปทำไม เอกชัยเลยต้องย้อนกลับมา พร้อมยื่นตังค์ให้ เพราะเป็นผู้ใหญ่กว่าหรอกนะ ถึงให้ เสร็จแล้วเจเน็ตก็หันมาทางพี่ต้น พร้อมถามว่า เมื่อกี้พี่เอกทำอะไรไว้เป็นตัวอย่างที่ดีคะ ว่าแล้ว พี่ต้นก็ควักแบ็งค์พันให้เจเน็ตไป เหอ เหอ เหอ

ลุยกับช่วงลูกทุ่งของ ต้น สุชาติ ชวางกูร แดนเซอร์ส้มแสบตาพอกับเสื้อพี่ต้นเลย เปลี่ยนลุคไปเลย ในเพลง สาละวัน, ฉันรักคนยิ้มแป้น, จ้ำม้ำ, รักจางที่บางปะกง, ปูไข่ไก่หลง ปิดท้ายด้วย เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป หักอารมณ์กันน่าดู จังหวะนี้เห็นเจ้าหน้าที่มาพูดคุยกับคนข้างหลัง โดยมานั่งๆ ข้างๆ เรา ก็นึกในใจว่าจะบอกเรื่องพี่ตู่ยังไม่ได้มอบดอกไม้ดีไหม แล้วเจ้าหน้าที่ก็เดินไป แต่สักพักก็มาใหม่เลยจัดให้พี่ตู่ ชื้ไปข้างขน้าพร้อมบอกว่า พี่ตู่ นันทิดานั่งอยู่ข้างหน้าคะ ยังหาจังหวะมอบดอกไม้ให้ไม่ได้ ลองไปถามดูนะคะ อิอิ คุยไปคุยมา พี่ตู่ก็เดินออกไปเมื่อไกล้จะจบเพลง แต่ว่า พี่ต้นก็เดินหายเข้าไปหลังเวทีเรียบร้อยเหมือนกัน จังวหวะเดียวกับที่นันทิดาเดินถึงหน้าเวที กล้องแพนมาแล้วด้วย คอรัสวิ่งเข้าไปตามแต่ก็ไม่ทัน คาดว่าคงเปลี่ยนเสื้อผ้า จ๋อยเลย จังหวะนี้พลาด แต่ได้จังหวะที่ดีกว่าเมื่อ

พี่ต้นกลับออกมาอีกครั้งในชุดขาว ประหนึ่งเจ้าชายในเพลง All I ask of you พี่ตู่ขึ้นไปมอบดอกไม้ให้กอดกัน จูบกัน แสดงความรักของเพื่อนสนิทกัน จังหวะนี้สวยมากกกกกก ปิดท้ายด้วยเพลงใจรัก ให้ได้ซึ้งกัน ตามคิวต้องจบแล้ว แต่พี่ต้นขอให้ทุกคนช่วยกันลุกขึ้นยืนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยเสียงอันก้องกังวาล ก็จบขลังไปอีกแบบ

งานนี้มีขายของ ขายกิจกรรมของพี่ต้นด้วย สนใจ ซีดีรวมเพลง แต่จะมาพร้อมกับ Pocket Book ที่จะออกวางขายนะสิ ก็เลยยังไม่สนใจ ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันบัตร ให้ได้มาชมศิลปินรุ่นเดอะที่มีคุณภาพอีกหนึ่งคนค่ะ

มีเรื่องน่าตื่นเต้นก่อนเข้างานด้วย กำลังเดินเข้าคอน รับซองใส่บัตร ย้ำ รับซองใส่บัตร แต่ไม่มีบัตรคร้าบ มันหายยยยยย ปายยยย หนายยยยยย ดีนะ Total Reservation ให้ print ใหม่ได้ ไม่ต้องถาม หรือ ขอ หรือ โวยให้มากเรื่อง เสียค่าธรรมเนียมเท่านั้น และดีที่เจ้าของบัตรจำหมายเลขได้ ก็ดีไป ว่าแล้ว ก็ก้าวเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้ด้วยความสบายใจที่ให้หัวใจได้ออกกำลังกายแล้ว

ก่อนหน้านี้ก็มีคุณป้าคนนึงมาถามว่า ต้องการบัตรไหม พอดีเพื่อนป้าติดธุระ เลยจะยกบัตรให้ ใจดีจริงๆ เราก็ขอบคุณเป็นการใหญ่ ไม่คิดว่า จะเป็นลางให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เราทั้งคู่ยังมองหาคุณป้าด้วยซ้ำ เมื่อรู้ว่าบัตรหายยยยย

ครั้งแรกที่ได้ดู Modern Dog คือ ตอนอยู่ ปีหนึ่ง ณ บร.4 ในงานเชียร์ของมหาวิทยาลัย ตอนนั้น ติ๋ม บุษบา ก่อน ดังกระหึ่มทั่วทุกที่ เวลาผ่านไป ตอนนี้ Modern Dog มีอัลบั้มมา 5 อัลบั้ม กับสมาชิก 3 คน (เดิม 4) ทำงานมาเป็นปีที่ 15 แล้ว มาฟังคอนเสิร์ตของพวกเขาอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ และวัยที่แตกต่าง

สามหน่มปรากฏขึ้นบนเวที เปิดมากๆ ไม่มีอะไรบดบังสายตา มองไปเห็นเก้าอี้ของ indoor stadium หัวหมาก มีโปรเจคเตอร์หนึ่งจออยู่ตรงกลาง พร้อมกราฟฟิคช่วงล่าง อยู่ในชุดหล่อ เปิดมาด้วยเพลง เพลงนี้ชื่ออะไร ให้เดาก็เป็นเพลง ลอยไป ลอยมา เพราะอะไร เพราะทั้งเพลงมีเนื้อร้องเท่านี้ เท่านั้น ตามมาด้วยเพลงชีวิต, บางสิ่ง, ทุเรียน, โดยมีนักดนตรีมือเบส หรือ สมาชิกคนที่ 4 ในอดีตมาร่วมเล่นด้วย ช่วงนี้มีสุกี้มาร่วมแจมด้วย ในฐานะโปรดิวเซอร์ พร้อมกับเค้ก มาร่วมสุขสันต์วันเกิด Modern Dog ครบ 15 ปี ให้คนทั้งฮอล์ลช่วยกันร้อง แล้วศิลปินก็เป่าเค้ก

ป๊อด: แล้วพรุ่งนี้จะมีเค้กอีกไหมเนี่ย
สุกี้: ไม่มีแล้ว มีรอบเดียว
ป็อด: ถ้ามีใครถามว่า รอบวันศุกร์กับรอบวันเสาร์ต่างกันยังไงก็ รอบวันศุกร์มีเค้ก รอบวันเสาร์ไม่มีเค้กนะ
คนดูคนหนึ่ง: จะเอาไหม เดี๋ยวซี้อให้
คนฟัง: อิอิ ชอบใจ

กลับออกมาอีกครั้งในชุดสีส้มสะท้อนแสง ออกมาร้องเพลง นิยาย (ว่าแต่ ชุด กับเพลง มันเข้ากันตรงไหนเหรอ) น่ารักสุดๆ ก็ที่มีรถไฟฟ้า พร้อมกับ ฮิปโปสีชมพู ออกมาเต้นไปเต้นมา แล้วก็มีรูปหัวใจสลับกับกล่องรูปรถไฟฟ้า มาเล่นบนเวที ดูสวยดี เหมือนมีรถไฟฟ้าแล่นอยู่จริง แล้วมี สาวฮิปโป มายืนให้หนุ่มแพนด้าจีบ ถึงแม้จะจีบไม่ติด เดินคอตกกลับไป เมื่อจบเพลง BTS ก็ตาม ต่อด้วยเพลง วันสุดท้าย

หายตัวไป กลับมาในชุดที่คุ้นตา เสื้อลายผ้าขาวม้า กับเพลง animal ร้องอยู่แค่ an ni mal ทั้งเพลง อิอิ คิดดู ถ้าร้องเป็นภาษาไทย จะเป็นยังไงน้า จากนั้น เครื่องเล่นซิงคริไนเซอร์ เขียนถูกหรือเปล่าเนี่ย ก็ออกมาประชันกัน 3 ตัว โดย ป็อด โดม ปกร ลัม และ เจ มณฑล จิรา ในเพลง รูปไม่หล่า กรี๊ดดดดดด เชื่อเค้าเลย เจน่ารักมากกกกกกก โดมก็ออกลีลาเหลือหลาย ก็ฉันมัน รูปไม่หล่อ รูปไม่หล่อ จากเจ และ โดม เหอ เหอ เหอ

กันและกัน โดย ป๊อด และ คิว ร่วมกัน แจมต่อในเพลง ฉันยังคงหายใจ ที่คิวก็ร้องในอัลบั้มด้วย มีลูกบอลยัง 3 ลูก มีหน้าสมาชิโมเดิร์น ด๊อก มาให้คนดูเล่นด้วย เล่นกันไปมา จนเบื่อ เพราะเล่นกันหลายเพลง ก็เลยส่งคืนด้วยการ ดันไปหน้าเวที ให้รูว่า ไม่เล่นแล้วนะ

ป๊อด: ไม่เล่นกันแล้วเหรอ ส่งคืนมาเนี่ย โอเค งั้นฝากไว้ที่โป้งก่อน (ว่าแล้วก็ค่อยๆ เก็บ พอมาถึงลูกของตัวเองที่แฟบก็บอกว่า) พรุ่งนี้ ลูกนี้จะต้องเต็ม นี่คือ อีกหนึ่งความแตกต่างของคอนเสิร์ตวันศุกร์และวันเสาร์ เหอ เหอ เหอ

ลุยต่อกับเพลง ขอ ต่อด้วย เงินล้าน ที่ได้แสตมป์มาร่วมแจม และเป็นคนแต่งเพลงนี้ด้วย ขณะที่เงินล้านกำลังเล่น ก็มีแบงค์โปรยปรายมาจากเบื้องบน พยายามจะหยิบจะคว้า แต่ก็ไม่ได้ พอหันไปหาพี่กั้ง มันลอยมาหาถึง 2 ใบ เพื่อนที่ไปด้วยก็คว้าไม่ได้ เลยแบ่งกันไป พี่เราโชคดีจริงๆ ไม่ต้องคว้าเลย เมื่อตอนไปดูอัสนี วสัน ก็ได้ปิ๊กมาด้วยการโดนคว้างใส่หัวทีเดียว อิอิ ปิดท้ายด้วยแดดส่อง

เปลี่ยนเวทีเล่น Modern Dog หายไป ไปเล่นอยู่ตรงกลางฮอล์เลย ด้วยอะคูสติกกีตาร์ มีพี่ก้อ Groove Rider มาร่วมแจม พร้อมกับไฟพวงๆๆๆ และ ไฟแขวนกับไม้มะม่วง มีคนถือไปมา น่าฉงฉานคนถือจริงๆ ฟังเพลงสบายๆ ซึ้งๆ กับนักร้องที่ร้องสบายๆ เหมือนกัน แทบจะนอนร้องเลย ในเพลงแสงจันทร์, ขอบคุณ และผ่าน จากนั้นเปิดตัวแขกรับเชิญอีกหนึ่งคน เดาได้เลย มาตอนนี้ ต้องปาล์มมี่เท่านั้น ในเพลง สิ่งที่ไม่เคยบอก มาเพลงเดียว อยู่

กลับมา ณ เวทีหลัก กับโชว์มายากล เอามาทำไมนะ อ๋อ เป็นมายากลตู้ คนเข้าไป แล้วก็เสียบๆๆๆๆ เปิดมากลายเป็น กอล์ฟ Fucking Hero ในเพลง เกือก ปรับซะเป็น กอล์ฟมากๆ มันส์ดี รองเท้ามันดีแต่ไม่พอดีเท้าเรา อ่ะ หนุกดีเพลงนี้

ภาพ VTR ขึ้นมาเป็นสีน้ำบนกระดาษแล้วมีกระดาษใสวางอยู่ใช้นิ้วเลื่อนไปมา สร้างเป็นงานศิลปะ ประกอบกับเพลง Happiness is ที่ได้ กิตติ กีตาร์ ปืนมาร่วมบรรเลง ประชันกับเมธีด้วย สุดยอดทั้งคู่ แต่เพื่อนบอกว่า รู้สึก กีตาร์ปืนจะช้าลงนะ เอาน่า ก็สูงวัยอยู่ ยังได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว พร้อมแจมต่อในเพลง มานี ทำให้ดนตรีเต็มที่มากๆ

ลุยกันต่อกับเพลงติ๋ม กำลังมันส์ๆ อยู่ๆ ก็เงียบ Michale ตั๋งออกมา พร้อมเต้น MJ กับเพลง ติ๋มนั่นแหละ ป็อดเราก็เล่นด้วย เดิน Moon Walk ซะเลย ก่อนที่ Michale ตั๋งจะเอนตัวท้าทายแรงโน้มถ่วงโลกส่งไมค์ต่อในระยะ 35 องศาจากพื้นดิน ส่งแขก แล้วต่อด้วยบุษบา ก่อนจะมาซึ้งกันบ้างกับเพลง เสน่หาและก่อน ปิดท้ายคอนเสิร์ต

ไฟยังมืดอยู่ คนก็ยืนรอสิ VTR มาแล้ว เป็นตัวการ์ตูน 3 หนุ่ม น่ารักเชียว ถามว่า
สนุกมั๊ย เสียงเบาจัง ดังอีก งอน ดังอีก จนคนดูบางคนตะโกนบอก เลิกงอนได้แล้ว อิอิ
ลุย ลุย ลุย ที่ยืนเหลือน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อมีกลุ่มชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ข้างหน้า เต้น กระโดดแบบไม่สนข้างหลัง แถมยังมีคนข้างหลังที่ก็มันส์ไม่แพ้กัน รู้สึกเหมือนกำลังเต้นอยู่ในผับ ใช้พื้นที่อันน้อยนิดให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ต้องคอยระวังเท้าตัวเองด้วย โดนเหยียบไปหลายทีทีเดียว เฮ้อ แต่ก็สนุกนะ เวตาล และ ตาสว่าง

แต่บางคนว่า มันไม่อิ่ม ดุเหมือนเก็บพลังงานไว้ อีกอย่างงานนี้เปลี่ยนชุดบ่อยทีเดียว แถมยังหยุดในแต่ละเพลงค่อนข้างนาน ด้วยว่าเปลี่ยนตัวนักดนตรีมาเสริมบ้าง ศิลปินเปลี่ยนกีตาร์ เปลี่ยนเครื่องดนตรีเล่นบ้าง ถ้าแก้ไขให้มันลื่นไหลกว่านี้ได้จะเยี่ยมมาก ขอบคุณทุกเพลง แต่ก็เข้าใจนะ เพราะเชิญคนนู้นคนนี่มาเยอะนิ

สมาชิกเยอะ เพราะมากับเพื่อนที่ทำงานพี่กั้งด้วย และเพื่อนตัวเองอีกหนึ่งคน ที่ขำคือ วันนี้มีคนโทรมาถามว่ามีบัตรเหลือเหรอ จะไปด้วย เหอ เหอ เหอ คือว่า คอนเล่นไปเมื่อวานอ่ะ ช้าไปแค่ 24 ชั่วโมงเอง แล้วก็ไม่มีบัตรของวันนี้ด้วย

ถ้ามีเพลงไหนผิด หรือ ขาด หรือ เกิน อิอิ ก็ช่วยบอกกันได้นะ งง เบลอ บ้างเหมือนกัน เพราะไม่รู้จักชื่อเพลงหลายเพลงเลยอ่ะ

บัตรยืน ราคาเต็ม 1500 ลด 15 % จ้า
2 ต.ค. อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก

5 อัลบั้มของ Modern Dog
1994 โมเดิร์นด็อก(เสิรมสุขภาพ)
1997 คาเฟ่
2001 Love me Love my life
2004 แดดส่อง
2008 ทิงนองนอย

คอนเสิร์ตครั้งที่ 12 กับครั้งที่ 3 ที่ได้ดู ครั้งขนศิลปินมากว่า 32 ชีวิต กับบทเพลง 93 เพลง ตามคำโปรย ไม่แน่ใจว่า ตอน Lost Love Song จะเยอะกว่านี้หรือเปล่า เพราะไม่ได้นับ แต่ครั้งนี้ก็เล่นไป 4 ชั่วโมงกว่า เกือบห้าได้ เริ่มตั้งแต่ เกือบทุ่ม จนถึง ห้าทุ่มครึ่งได้ โดยแบ่งคอนเสิร์ตออกเป็นช่วงต่างๆ ตามคอนเสปตั้นๆ

เวทีมีทางเดินเป็นทางโค้งประหนึ่งเวทีประกวด สองข้าง มีบันไดเป็นโซนซ้าย โซนขาว มีลิฟท์ขึ้นลงอยู่ 2 จุด กลางเวทีด้านบน และด้านซ้ายกลาง งานนี้ใช้เวทีทั่วถึงทีเดียว เพราะศิลปินเยอะมาก ก็โผล่กันขึ้นมาคนละจุด ศิลปินออกมาแต่ละครั้ง ชุดไม่ซ้ำกันเลย อยากเห็นที่เก็บเสื้อผ้าจังเลยค่ะ สงสัยจะเต็มเวทีเหมือนกัน

เปิดตัวออกมาด้วยเพลงที่มีคำว่าเพลงอยู่ในบทเพลง หมื่นล้านเพลง บิลลี่ ในมาดที่ยังคงเข้มอยู่ เพลงนี้น วิยะดา สวย สง่า ยิ้มหวาน แทนใจ ศิรศักดิ์ คนนี้ออกมาเสียงนุ่ม ยิ้มยังน่ารักได้ใจอยู่ ตามติดด้วย เพลงรัก แอน ธิติมา เอ็ม อรรถพล กับเพลงใจสั่งมา would you please โดยหนุ่มอ๊อฟ ปิดท้ายด้วยเพลงดีเจเสียงใสๆ กับเสียงของนันทิดา

ช่วงแม่ลูก Talk กับ ตู่นันทิดา และ อ๊อฟ ปองศักดิ์ มากล่าวต้อนรับเข้าสู่คอนเสิร์ต และเมาท์ถึงการแต่งหน้าแต่งตัวที่ยาวนานของนันทิดา และเหล่าบรรดาศิลปินทั้งหลา

ต่อด้วยช่วงดีวาส์ รุ่นใหญ่ ขอเพียงที่พักใจ มีล่า, ขอจันทร์ วิยะดา, วิมานดิน นันทิดา, อาจจะเป็นคนนี้ แหวน ฐิติมา, รู้ตัวรึเปล่า อุ๊, แค่เสียใจไม่พอ แอม ฟังกันเพลิน ด้วยลีลาของรุ่นใหญ่ สวยสง่า เสียงทรงพลัง มาต่อด้วย young divas ก้อนหินก้อนนั้น โรส, เปลือก ปนัดดา, ปล่อยมือ แอน, รักไม่ช่วยอะไร นัท, ไม่อยากทำให้ลำบากใจ อิน บูโดกัน, ปิดท้ายด้วย ทำไมเป้นคนแบบนี้ ของนิโคล เสียงสวยใส กันถ้วนหน้า

มาฟังเพลงจากชายหนุ่มเสียงดี มีความเท่ห์กันบ้าง เปิดด้วยศักดา ในเพลงหมากเกมนี้, ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร ศิรศักดิ์, เธอสวย จั๊ก ชวิน, เพิ่งเข้าใจ นาวิน ตาร์, ขอเรียกช่วงนี้ว่า โอ๊ย โอ๊ย ซีรี่ส์ เพราะนักร้องทุกคนแอบร้อง โอ๊ย โอ๊ย กันหมดเลย เหอ เหอ แอบเล่นมุข ต่อด้วย someone sitll missing แต่มีผู้รู้บอกว่า น่าจะใช้ people มากกว่า กับเพลงขีดเส้นใต้ ของกบ ทรงสิทธิ์, ขายคนหนึ่ง กับปีเตอร์ ด้วยมาดเท่ห์ รอยยิ้มกินใจสาวๆๆ, บิลลี่ ฝังไว้ในผืนดิน ปั่น ส่องกระจก,ต่อด้วย เพลงจาก New Generation เริ่มกันด้วยคนที่ไม่เข้าตา หนุ่มป๊อบ, คำถมที่ต้องตอบ อ๊อฟ, ที่ฉันเคยยืน น้ำชา, หมดเวลาแก้ตัว รุจ, ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง โอ๊ค สมิธ, ไม่มีใครรุ้ เป้ก, ปิดท้ายด้วยระยะปลอดภัยจากนายว่าน

One song is enough เพลงเดียวอยู่ ประมากว่า ร้องเพลงนี้เพลงเดียว หากินไปได้ตลอด กับ เดียวดายกลางสายลม นรีกระจ่าง, เติมใจให้กัน มัม ลาโคนิค, แค่ได้คิดถึง ญารินดา เพลงนี้ใช้ประกอบหนังหลายเรื่องเลยนะ, คิดถึงฉันไหม แท๊กซี่

มาคุยกันกับช่วง อา หลาน Talk ปั่น กับ ว่าน มาคุยย้อนหลังถึง ความเป็นนักร้องสมัยก่อน กับสมัยปัจจุบัน ว่านบอกว่า แฟนเพลง ใช้กับสมัยก่อน เดี๋ยวนี้เรียก แฟนคลับ มีป้ายไฟด้วย จากนั้นเชิญชวนให้ผุ้ชมพบกับศิลปินที่อายุมากที่สุด และ น้อยที่สุด ตุ๊ก วิยะด ในเพลง ปล่อยใจฝัน แบบ up beat หน่อย ปะทะกับ สาวยน้อย น้ำชา ในเพลงรักแท้ยังไง ทำดนตรีมาประสานกันใหม่ แรกๆ คล้ายๆ จะประชัน ช่วงหลังก็มาแสดงร่วมกัน เพลงเต้นๆ นี่ต้องยกให้เจ๊ตุ๊กแกจริงๆ เต้นน่ารักดี น้ำชาใส่เต็มที่ แต่ก็ยังแพ้ป้าเลย เหอ เหอ

ช่วงอบอ่น เปิดด้วยสาวร่างอวบนิดๆ อิน บูโดกัน ในเพลง ขอให้เหมือนเดิม, นัท สิ่งสำคัญ (ดา เอ็นโดรฟิน), อ็อฟ เล่าสู่กันฟัง (เบิร์ด), ปั่น รักยืนยง, ป็อบ โรส ร้องอยู่บำรุง แบบเพลงคู่, เรามีเรา ว่าน จากนั้นทุกคนขึ้นมาร้องเพลงนี้ร่วมกัน ช่วงนี้ใช้พื้นที่ด้านล่างให้เป็นประโยชน์ใกล้ชิดกับคนดูโซนแพง นักร้องเดินไปร้องข้างล่าง แล้วส่งต่อกันมาเรื่อยๆ จากขวาไปซ้ายเลย

เพลงหนังเพลงละคร มาให้ได้อินกันพร้อมกับภาพหนัง ภาพละครเลยทีเดียว มีชื่อหนัง ชื่อเพลงด้วย ดีจัง อิอิ เริ่มกันด้วย คนสุดท้าย จากละครเรื่อง กัลปังหา ร้องโดย นันทิดา ตามมาด้วย เธอผู้เดียว ละครมารยาริษยา ร้องโดย มีล่า มาลีวัลย์, รักเธอจนเหนื่อยหัวใจ เรื่องร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย โดยศิรศักดิ์, สิ้นสุดเสียที สวรรค์เบี่ยง โดยปนัดดา, ไม่แน่ใจ เงามรณะ โดยนิโคล ต่อด้วยอ๊อฟ ในเพลงจุดอ่อนของฉันอยู่ที่หัวใจ ปิดท้ายด้วยเพลงจากหนังเรื่อง เพื่อน กูรักมึงว่ะ ในเพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถาม โดยหนุ่มปีอบ

รักสามเศร้า เพลงช่วงนี้ก็โดนกันไปหลายดอก เพลงของคนที่ชอบเลข 3 หรือ 4 ก็ได้ เริ่มด้วยเจ้าแม่ตุ๊ก วิยะดา ในเพลงมุมหนึ่งในหัวใจ ปล่อยตัวปล่อยใจ นายรุจ, ปาฏิหารย์ กบ, แอม กลับตัวไม่ได้ ไปไม่ถึง, ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ ปนัดดา ปิดท้ายความลับ ของมัม โดยร้องเพลงไป มีการแสดงประกอบไปด้วย ก็ดูเพลินดี บางทีก็ไม่สังเกตหรอก แต่ภาพรวมสวยงามค่ะ

กบ และ แอม Talk แอมบอกว่า ผิดคนรึเปล่าเนี่ย กบ แล้วน่าจะคู่กับอึ่งมากกว่า มาเป็นแอมได้ไง แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในกรีนคอนเสิร์ต ก็เลยจะมาบอกเล่าให้กบ ในฐานะมือใหม่ มาเยือนเวทีเป้นครั้งที่ 2 เท่านั้นได้รับรุ้ถึงบรรยากาศของกรีนคอนเสิร์ตว่าเป็นยังไง ว่าแล้วก็ร้อง และยังคงยิ้ม คนดูตอบรับ ยิ้มทั้งน้ำตา แอมยิ้มร่า บอกว่า รอดแล้ว ใครเขียนสคริปเนี่ย ก้อนเนี่ย ลุ้นทุกครั้งที่พูด ว่าแล้ว กบก้อลองมั่ง น่าจะเจอกันมาตั้งนาน …. ก่อนที่เธอจะเป็นของใคร คนดุก็ช่วย นี่คือความน่ารักของคนดูกรีนคอนเสิร์ต เสียตังค์มาช่วยนักร้อง ร้องเพลง อิอิ

ช่วงเพลงของพี่เบิร์ด เมดเล่ย์โดย เป็ก อ๊อฟ ป๊อบ (มาได้ไง ไอซ์หายไป 555) ลุยกันเลย กับ บูมเมอแรง, คู่กัด, พริกขี้หนู สนุกกันประมาณนึง ให้ได้ยืดเส้นยืดสาย ก่อนตัดเข้าช่วงสุดเฮิร์ทในช่วง อกหัก เริ่มด้วย เงียบๆ คนเดียว โดยอุ๊ เสียงได้ใจมาก อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว,สงสารฉันหน่อย มีล่า, ไม่มีใคร นันทิดา, คำถามเดิม แอม, ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ศักดา, กุมภาพันธ์ ปีเตอร์ (ร้องได้ใจมาก), ฉันเหนื่อย จั๊ก เศร้าจัง ปิดด้วย เพลงแทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ อ๊อฟ
จบช่วงอกหักกันอย่างเลือดโชกทีเดียว

มาฟังเพลงสไตล์จิ๊กโก๋อกหักบ้าง ก็ไม่พ้นเพลงของไมโคร กับ อัสนี วสันต์หรอก แล้วก็จริง จัดชุดใหญ่มาเลยในเพลงบอกมาเลย ว่าน, เธอปันใจ อุ๊, ได้อย่างเสียอย่าง กบ แท๊กซี่, ใจโทรมๆ มัม (คิดว่าต้องมีเพลงนี้ในคอนตัวเองแน่เลย มัมโชว์แมน) ปิดท้ายด้วยปีเตอร์ หัวใจสะออน ร้องร่วมกันศิลปินในช่วงนี้ด้วย

ช่วง Yesterday Once More Talk นายเอ็ม ว่าน รุจ มาพูดคุยถึงคอนเสิร์ตตัวเอง ก่อนจะมาเล่นมุข คุยถึงพี่มัม ที่ร้อง ก่อนจะเห็นน้ำตากะเทย เอ็มบอกว่า เพราะพีมัมปล่อยให้ช้างน้อยเข้าป่าไปแล้ว จากนั้นส่งช่วงเข้าเพลง Dance บุษบา นิโคล, สนธยา ปั่น, สวัสดีความรัก แอม, เจ้าทุยอยู่ไหน ปีเตอร์ มีแอบสะดุดสายไฟด้วย แต่ก็ยังยิ้มสู้ร้องต่อไป, แหวน ยึกยัก, เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม บิลลี่, คนมันรัก ต้าร้อง อ๊อฟแจมด้วย ต่อด้วย น่ารักน่าเลิฟ ตาร์กับเป็กมาร่วมแจม, เป็ก ห้ามทิ้ง ร้องไป เต้นไป หน้าตายไป อิอิ โอ๊คร่วมแจม, โอ๊ค อย่าทำให้รัก, น้ำชา อยากร้องดังดัง, ป็อป จังหวะหัวใจ เพลงนี้ซ้อมมาแล้วจากคอนตัวเอง ก็เอามาใช้ซะ

ปิดท้ายกันด้วยเพลงแห่งความหมาย จากผู้ร่วมก่อตั้ง GMM พี่เต๋อของศิลปินทุกคน ในเพลง ตะกายดาว, ยิ่งสูงยิ่งหนาว และ คงจะมีสักวัน ร้องรวม วางคน วางการเดิน สลับไปมา อยู่กันเต็มเวที ดูอลังการดี

แสดง ณ Siam Paragon Hall วันที่ 27 09 09 ผู้ร่วมขบวนการ ตัวเองและพี่สาวทั้งสองคน



Categories