Ras's Blog

Archive for May 2016

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เขาคีนาบาลู รัฐซาบา เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERAภาพแรกในสนามบินโคตาคีนาบาลูระหว่างรอกระเป๋าที่นานมาก

 

 

เห็นภาพ อ่านรีวิวเขาคีนาบาลูมาก็หลายปี จนวันนึงก็รู้สึกว่า ไปปีนดีกว่า หลังจากปีก่อนๆ ไปทริปผจญภัยประมาณนึง รวมรวบสมาชิก พี่สาวทั้งสองคนบอกไปด้วย จริงดิ ลองส่งข่าวบอกเพื่อนๆ ก็ไปด้วย อ่าจริงดิ เราไม่ได้หลอกนะ เราส่งรีวิวไปให้ท่านอ่านแล้ว เพื่อนมาบอกทีหลังว่า เห็นพี่สาวยังไป เค้าเลยคิดว่า เค้าก็ไปได้ ตบท้ายด้วยครอบครัวนักเดินป่าอีกหนึ่งครอบครัว ยิ่งใกล้วัน แต่ละคนยิ่งโอดโอย อยากจะเทกันเหลือเกิน แต่จ่ายตังค์ค่าตั๋วกันไปแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ทยอยจ่ายค่ามัดจำทริปไปแล้ว และไม่มีเหตุอื่นใดให้ขอยกเลิก สรุป ก็ไปกัน 10 ชีวิตจ้า ในอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 11 – 50
เขาคีนาบาลู ตั้งอยู่ในรัฐซาบา เกาะบอร์เนียวที่มีอยู่ 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซียและ บรูไน เป็นเกาะที่มีกิจกรรมทางธรรมชาติให้เลือกทำหลากหลายมาก ทั้งทางทะเล ภูเขา น้ำตก แม่น้ำ เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บิน 2 ต่อ มูลค่า 4173 บาท ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋า จาก กทม – กัวลาลัมเปอร์, กัวลาลัมเปอร์ – โคตาคีนาบาลู บินระหว่างประเทศ 2 ชั่วโมง บินภายใน 2 ชั่วโมงครึ่งได้ วันแรกและวันกลับ คือ วันแห่งการเดินทาง บินๆกันทั้งวัน

ภาพจากที่พัก ที่ที่เราจะปีนขึ้นไป
ทริปนี้เราจองแพคเกจปีนเขา 3 วัน 2 คืน กับ Mountain Trail ค่าแพคเกจ คนละ 1470 RM เค้าให้จ่ายล่วงหน้าจากเมืองไทยไปเลยนะ ตัดบัตรเครดิตได้ พักแบบ Dorm ทั้งหมดนะ คือ ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ค้าง 1 คืนที่ตีนเขา ความสูงประมาณ 1800 เมตร เพื่อปรับสภาพก่อน กว่าจะถึงที่พักคืนแรก ก็ร่วม 3 ทุ่ม ไปทานอาหารเย็นในห้องอาหารไม่ทัน ได้อาหารกล่องกันตั้งแต่มื้อแรกเลย ดีที่ได้ไก่ย่างแสนอร่อยระหว่างทางมารองท้องกัน แจกยา Diamox (สนับสนุนโดยน้ำ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ สั่งซื้อให้แล้วยังจ่ายให้ด้วย เดี๋ยวที่เหลือจะส่งต่อให้เจเพื่อทริปปีนภูเขาฟูจิต่อไป) สำหรับแก้แพ้ความสูงกันไปคนละครึ่งเม็ดทุกคน นอน นอน นอน
จริงๆ เราป็น 3 วัน 2 คืนแบบรวบรับ โปรแกรมเต็มๆ เค้าจะรับตอนเช้า พามาทานเข้ากลางวันที่ Ranau บ่ายๆ มีเวลาเต็มที่ๆ Kinabalu Park นอกจากนี้ก็มีแบบ 2 วัน 1 คืนด้วย คือ ออกจาโคตาคีนาบาลูแต่เช้า เพื่อมาปีนเลย แต่จะไม่ได้ปรับสภาพร่างกายเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นเลือกมานอนใกล้ๆ เขาจะดีกว่า เพื่อร่างกายจะได้พร้อมสำหรับอากาศด้วย
ตื่นเช้ามาถึงพึ่งรับรู้กันว่า เฮ้ย ที่พักเราสวยนะ ข้างนอกก็วิวดี ห้องนั่งเล่น ระเบียง น่าใช้เวลามาก ออกไปถ่ายรูปกับยอดเขาคีนาบาลูที่เรากำลังจะเดินขึ้นไปกัน ท่ามกลางอากาศที่สดใส ฟ้าเปิด ทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ เป็นมื้อแรกและมื้อเดียวในแพคเกจที่ทานที่นี่โดยไม่ต้องห่อเป็นข้าวกล่อง
จัดการกับกระเป๋าที่จะฝากไว้ที่ที่พัก (ใบละ 12 RM) พยายามรวมกระเป๋าไว้ด้วยกันนะ ลดค่าใช้จ่าย ส่วนกระเป๋าที่จะให้ลูกหาบช่วยหาบขึ้นไปให้ คิดกิโลละ 10 RM เหมา 10 โล ขาละ 65 RM (จะ 8 โล ก็รวมๆราคานี้แหละ) ไปกลับ 130 RM จ่ายไป 390 RM 28 กิโล สำหรับ 6 คน เฉลี่ยคนละ 5 กิโลอาจดูแพงนะ แต่ถ้าใครแบกไม่ไหว ก็ให้เค้าไปเถอะค่ะ เอาตัวเองให้รอดก่อน
Jasmat คนขับรถและผู้ดูแลเราก็มาจัดการเรื่องไกด์ เรื่องการปีนให้ ส่งตัวเราให้ไกด์ประจำกลุ่มสำหรับปีนเขา มีอยู่ 3 คน จริงๆ แล้ว ปัจจุบันข้อกำหนดใหม่ 5 ต่อ 1 คน แต่เรามีเด็กด้วย เค้าบอกว่าต้องมีคนประกบ แต่เอาเข้าจริง เด็กๆ สบายๆ ต้องไปประกบผู้ใหญ่แทน พร้อมแล้วก็นั่งรถไปยัง Timpohon Gate มีบรรยายเส้นทางเล็กน้อย พร้อมแจ้งทราบว่า ขากลับ ต้องกลับลงมาให้ถึงภายใน 4 โมงเย็น มิฉะนั้นจะเสียค่าปรับ 15 RM ต่อ ชั่วโมง ต่อไกด์ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเท็จจริงแค่ไหน แต่เราก็ลงกันมาแบบครือๆ เกินนิดๆ หน่อยๆ เลทสุดก็ สี่โมงครึ่ง ก็ไม่ได้ต้องจ่ายอะไร ยังไม่ทันจะขึ้นเล่าขากลับซะแล้ว
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ไกด์หลักของเรา คอยเดินๆ ไปๆ มาๆ หลักดูกลุ่มหน้า
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทางเดินช่วงแรกๆ ไม้เท้าพร้อมตั้งแต่เริ่ม
เราเริ่มเดินขึ้นกันตอน 9.45 น. มีน้องคนไทยที่มาเดี่ยว นั่งรถมาด้วยกัน แยกขึ้นไปก่อน น้องดูฟิตมาก แล้วจะมาเฉลยว่าน้องขึ้นถึงที่พักกี่โมง เราถึงกี่โมง ระหว่างทางขึ้น จากจุดเริ่มต้นถึงที่พัก ระยะทาง 6 กิโลเมตร มีป้ายบอกระยะทุกๆ 500 เมตร มีที่พักเป็นระยะๆ ในระยะ 700-1.3 กิโล แต่ละที่พักระหว่างทาง คือ เป้าหมายของเรา ช่วง 2 กมแรก ก็ยังชิวๆ ไปได้เรื่อยๆ ทางยังธรรมดา เป็นทางดินแดง สลับหินบ้างเล็กน้อย ป่าชื้น ป่าเฟิร์น 3-4 กม ถัดมาบันไดสารพัดแบบเริ่มมีให้เห็น ทั้งบันไดธรรมชาติ บันไดหิน บันไดคนสร้างบางส่วน บันไดคนสร้างล้วนๆ ช่วงนี้ตองเดินนำลิ่วๆ เกาะกลุ่มหน้า และ อยู่กับพี่กุ้ง ก่อนจะค่อยๆ ถอยมาอยู่ด้วยกันต่อไป ฮึบๆๆๆ เราค่อยๆ ก้าวขึ้นไปอย่างเชื่องช้า
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จุดพักที่กมแรก ทุกคนยังพร้อมและสดใส
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

น้ำหนักบนหลัง คือ 13 กม นะคะ คุณพ่อยอดมนุษย์แบกกระเป๋าเสื้อผ้าให้ทั้งครอบครัว
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ดินสไลด์จากแผ่นดินไหวเมื่อปี 2015
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มีป้ายบอกระยะทุกๆ 500 เมตร พร้อมกำกับความสูงจากระดับน้ำทะเล
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ป่ามอส ป่าเฟิร์น ป่าช่วงแรกๆ ของการเดินทาง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทางเดินหิน คุ้นๆ เหมือนทางเดินไปน้ำตกไหมเอ่ย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เงยมองบนกันบ้างนะ เฟิร์นๆๆๆๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

น้องกระรอก รอรับเราอยู่ที่จุดพัก กมที่ 3
จุดพักทานข้าว ทั่วๆ ไปมักจะหยุดพักกันที่ กมที่ 3 หรือ กมที่ 4 เราเริ่มหลุดจากเพื่อนร่วมกลุ่มกันแถวๆ นี้นี่แหละ เราหยุดทานที่ กม 3 กับ พี่กั้ง ปุ้ย โน๊ต ตอง เห็นพี่กุ้งแวบๆ คุยกันแป๊บๆ เชื่อไหมว่า พี่เราเดินนำ อะนะ ก็กลุ่มหลังถ่ายภาพเยอะ เหรอออออออ ข่าวว่า การถ่ายภาพคือข้ออ้างที่ดีสำหรับการพัก มาเจอพร้อมหน้ากันอีกครั้งที่ กม 4 เค้าบอกว่า รอเรากันนานมากกก เจอได้แป็บนึง เค้าก็เดินไปต่อกัน ผ่านเมฆ ผ่านหมอก เหมือนอยู่ในเมืองลับแลเลย
มีเพื่อนคล้ายจะเป็นลมช่วงแถวๆ นี้ และบางคนดูท้อถอยจากอาการบาดเจ็บที่ขาด้วย ทั้งตะคริว ทั้งเจ็บ ถึงขั้นถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าไม่ไปต่อ จะมีที่นอนตรงไหนได้ไหม เค้าว่านอนตรงจุดพักได้ แต่จะไม่มีอะไรกิน สำรวจเสบียงใหญ่เลย แต่สุดท้ายก็เดินขึ้นมา เราเองก็มีเป็นตะคริวเป็นระยะๆๆ ต้องยืด ต้องคลายอยู่เรื่อยๆ ยานวด ยาทาแก้ปวดเมื่อยสำคัญมากๆ จะสูตรไหนก็ขนกันมาละกัน แนะนำแบบฉีดพ่นที่นักกีฬาใช้ด้วย ดูน่าจะแรงดี ได้ผลเร็ว เพราะเพื่อนที่ท้อๆ เจอเข้าไปชุดใหญ่ ก็ก้าวต่อไปได้ แต่จริงๆ เค้าเจอทุกแบบ ไม่แน่ใจว่าดีขึ้นเพราะอะไรเหมือนกัน ไม้เท้าก็สำคัญ แม้เราจะไม่ได้ใช้ ส่งมอบให้พี่จันทร์ไปด้วยความตั้งใจ เพราะไม่คิดจะใช้ขาขึ้นอยู่แล้ว แต่ทุกคนที่ใช้บอกว่า มันช่วยมากกกกกกก ขนมเพิ่มพลังงานก็ต้องพร้อมนะ หยุดเป็นกิน แต่เราไม่ค่อยได้กินหรอก ดื่มน้ำอย่างเดียว แล้วก็ซัดซูชิที่พกมาจากเมืองไทย ฮือฮากันใหญ่ มาได้ในสถาพที่ยังดูดีด้วย อิอิ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทางเลือก
ของจริงเริ่มกันจากจุดนี้แหละ ทางลาดชันที่เพิ่มขึ้น บันไดหรือทางลาดชันตลอดแนว ถ้าไกด์บอกว่า เดี๋ยวเจอทางลาด จะเชื่อก็ได้นะ มันเจอ จริงๆ แต่แค่ไม่กี่ก้าวหรอก จงก้าวขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุด มีคนเค้าบอกว่า การปีนเขา ให้เดินด้วยจังหวะของตัวเอง อย่าไปเร่ง อย่าไปแข่งกับใคร ปรัชญามาอีกเยอะ พร้อมคำถามในใจกันว่า มาทำอะไรกันที่นี่นะ เงยหน้า ขึ้นมองทางข้างหน้า และ หยุดพัก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ก้าวเริ่มสูงและยาวมากขึ้น หมอกเต็มไปหมด มีน้ำหยดบ้างเป็นระยะ ไม่ใช่ฝนนะเออ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จุดนี้ ฮูโก้บอกแล้วบอกอีกว่าอีก 20 เมตรก็ถึงจุดพักแล้ว แต่ไม่มีใครขยับจ้า ตรงนี้วิวสวยค่ะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เริ่มเดินเหนือเขา ไม้เริ่มแปลกตา
กมที่ 5 ความสวยงาม ความแปลกของพืชพรรณ ไม้ทรงแปลกตา มีไลเคนปกคลุม พร้อมกับฟ้าที่เริ่มเปิดให้เราได้เห็นฟ้าใสๆ กันบ้าง ตรงนั้นก็สวย ตรงนี้ก็สวย 555 หยุดกันเป็นว่าเล่นจ้า แล้วยกกล้องขึ้นถ่ายรูปไหม ยกน้อยมาก ความสูงมากกว่า 3 พันเมตรแล้วนะตอนนี้ หายใจกันดีๆ เข้า ออก เข้า ออก ลึกๆ ทุกคนยกให้ความพยายามถ่ายรูปของพี่กั้งมาก รูปส่วนมาก รูปคนก็มาจากกล้องพี่สาวนี่แหละ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

รูปนี้อยู่ในกล้องเรา คนอื่นถ่ายให้จ้า หุหุ
เดินลุยกันต่อไปเรื่อยๆ ได้เห็นยอดเขาของเทือกเขาบริเวณนี้แล้ว มีสีที่แปลกตาคล้ายมีแร่ธาตุ มีความวาวๆ อยู่ ระหว่างทาง มีความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อกลางปี 2015 เป็นระยะๆ คุยกับไกด์ เค้าก็บอกว่า จนตอนนี้เค้าก็ยังมีอาการหลอนๆ กลัวๆ กันอยู่บ้าง ถึงแล้วจ้า หลังจากโดนไกด์กดดันอยู่ตลอดทางว่าให้เดินมา เดินมา อีก 10 นาทีถึง อีก 10 นาทีถึง ถึงไหนฟะ ในที่สุดก็ถึงจริงๆ เรากะปุ้ยก็ขึ้นไปบนที่พัก Laban Rata ดีใจมากที่ได้พักที่นี่ เป็นที่พักหลัก ยังมีหลังเล็กหลังน้อยอีกหลายหลังต้องเดินไปอีก แต่ ณ ตอนนี้ จะอีก 1 เมตร ก็มีค่ามาก เปิดประตูเข้าไป กลุ่มแรกยิ้มรับเลย มาถึงกันซะที เราถึงตอน 17.00 น. 7 ชั่วโมง 15 นาที และเฉลยเวลาของน้องที่ออกมาพร้อมกัน น้องเค้าถึงที่นี่ตอน 13.30 จ้า จะรีบไปไหนคะ ไม่ถ่ายรูปเลยเหรอ ไกด์เค้ายังชมให้ฟังว่า ฟิตมากกกกก จากนั้นที่เหลือของกลุ่มก็ทยอยกันเข้ามา ทานข้าวเย็นกันด้วยความเหนื่อยอ่อน อาหารอร่อยนะ กินได้ดีเลย แต่ขอประเดิมด้วยผลไม้ก่อน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Stairs to Heaven แต่บางคนบอก The Way to Hell
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

นั่งพักชมวิวค่าาาา
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ถึงแล้วที่พักเรา Hooray!!
ท้องอิ่มก็เข้าห้องพัก ไม่ออกมาเดินเล่นหรือทำอะไรอีกเลย จัดการกับตัวเองเท่าที่ทำได้ น้ำอาบไม่ไหวจ้า เย็นมาก เลยเข้าไปเช็ดตัว แจกยาสำหรับคนที่ต้องการ แล้วก็นอนนนนนน ตั้งแต่ทุ่มกว่ากันนั่นแหละ เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นตีหนึ่งครึ่งนะ นอนหลับไหม ก็ไม่ค่อย ตื่นมาเรื่อยๆ เสียงเดินค่อนข้างดัง เข้าห้องน้ำกันสนุกสนาน ห้องพักเป็นเตียง 2 ชั้นนะ เราก็นอนชั้น 2 ตามเคย ขึ้นแล้ว ไม่ลงละจ้า
มีหนุ่มน้อยวัย 11 ของเรา มาป๊ะกับพี่สาวที่หน้าห้อง บอกน้ากั้งครับ โลกมาร์คหมุนขอยาหน่อยครับ ก็ตื่นกันทั้งห้องแหละ หยิบยาให้หลาน ชี้เป้าแล้วโยนมาให้เราหยิบ ส่งต่อกันต่อไป บอกแล้ว ขึ้นมาบนเตียงแล้ว ไม่ลงจ้า
ตีหนึ่งครึ่งก็ต้องลุก แต่ก็รู้สึกตัวกันมาสักพักแล้วล่ะ ตี 2 ทานข้าวเช้า ก็ทานข้าวต้มกับซีเรียล เพื่อนคว้ามาม่าต้มยำมากินละ ตีสองครึ่งไกด์ก็มามองๆ เรียกๆ ทุกคน ทั้งหมดเลยล่ะ ก็ทยอยกันออกไป ช่วงแรกเป็นบันไดต่อเนื่องยาวๆ เดินขึ้นกันอย่างช้าๆ ติดๆ ขัดๆ กันไปเรื่อยๆ ไฟฉายคาดหัวเปิดพร้อม เสื้อหนาวพร้อม ต้องบอกพร้อมเกินไปสำหรับจุดนี้ ช่วงแรกยังไม่หนาวขนาดนั้น เสื้อฟรีซ กะเสื้อกันลมสักตัวก็อยู่นะ นอกจากนั้น ใส่กระเป๋าไว้ก่อนก็ได้ ไว้หลุดพ้นช่วงป่า เริ่มอากาศโปร่งค่อยเอามาใส่เพิ่ม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ปีนขึ้นไปซะ ไกด์บอก
ระยะทาง 2 กิโลเมตรจากที่พักถึง South Peak ไกด์บอกว่า ต้องไปถึง Check Point ตอน ตีสี่ครึ่ง แต่อีกคนบอกตีห้า จะกี่โมงก็ตาม ตอนนี้เค้าบอกว่า เรายังทำเวลากันได้ดีอยู่ เงยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อถึงที่โล่ง ฟ้ายังสวย ดาวยังแจ่ม แต่มองจากที่พักตอนแรกจะเห็นทางช้างเผือกชัดกว่า แล้วเราก็เดินๆ ไต่ๆ จับเชือกกันไปเรื่อยๆ จนถึงจุด Check Point ทันเวลาไหนไม่รู้ คนเริ่มเดินห่างๆ ขาดๆ กันแล้ว ไม่เหมือนช่วงแรกๆที่เห็นไฟฉายต่อเนื่องกันเลย
ทั้งก่อนและหลังจุด Check Point เมื่อสว่างเราก็ถามตัวเองตลอดว่า ขึ้นกันมาได้ไง มันหินล้วนๆ ชันๆ มากกว่า 40 องศา มากกว่า 60 องศาก็มี ก้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ หยุดทุกๆ 10-20 ก้าวกันเลย แสงสว่างเริ่มมา ไฟฉายเราปิดกันไปแล้ว หันหลังไป เราอยู่เหนือเมฆ มองพื้นล่างเป็นป่าเขียว แนวเขา ขอบฟ้าสีชมพูแบบยามเช้า สวยมากกกกก นี่สินะ ผลตอบแทนของการปีนเขา สวยมากกกก ถามว่าคุ้มไหม 555 เอาเป็นว่า ก็สวยละกันค่ะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ณ South Peak
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ในที่สุดเราก็มาถึง South Peak ณ กมที่ 8 ทันแสงเช้า ถ่ายรูปกันพอประมาณ ไกด์ถามใครจะไปต่อไหม ยังมี Low’s Peak จุดสูงสุดของบริเวณนี้ด้วยระยะ 720 เมตร มันชื่อ Low’s Peak เพราะคนค้นพบคนแรกชื่อ Low จ้า เรา ปุ้ย ตองมองหน้ากันแล้วก็ตัดสินใจไปต่อ โดยมีไกด์วัยรุ่นชอบบอลชอบคุยโทรศัพท์เป็นผู้ตาม ใช่ผู้ตาม เธอปล่อยให้เราเดินนำกันไปก่อนเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ เดินชิวๆ ตามมาด้วยความรวดเร็ว เออ เดินเร็วเข้าไป กว่าจะถึงตีนเขาย่อมๆ ของ Low’s Peak ก็ร่วม 6 โมงครึ่ง ไกด์บอกเราต้องลงตอน 7 โมงนะ อะ เฮือกสุดท้าย ขึ้นก็ขึ้น ปุ้ยกะตองนำไปก่อนแล้ว เราก็ค่อยๆ กระดึ๊บตามไปอย่างเชื่องช้า และแล้ว เราสามคน เพื่อนสาว ร่วมสถาบันก็ทำสำเร็จ ร่วมด้วยกับฮูโก้และจัสมินลูกสาว สำเร็จ 5 คน เป็นตัวแทนกลุ่มไปโดยปริยาย ถ่ายรูป ไม่กี่แชะกับป้ายที่บอกจุดสูงสุด ขึ้นมาเพื่อป้ายนี้ วิวรอบข้างก็… สวยก็ได้ แต่ไม่เท่าแถว South Peak นะ ปุ้ยเผยความในใจถึงความมุมานะไปให้ถึง นั่นคือ ไม่มาอีกแล้วนะ ยังไงก็ต้องทำให้ได้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มุมนี้ถ่ายจาก Low’s Peak
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ปีนขึ้น Low Peak ขาขึ้นก็พยายามตามเชือกกันไป ขาลง ทางใครทางมันค่า
แล้วไกด์วัยรุ่นเราก็เดินขึ้นมาตาม บอกว่า 7 โมงแล้ว ลงมาได้แล้ว มาอย่างไว เราก็แป็บนึง ยังรอคิวอยู๋ อะขึ้นมาแล้วก็ถ่ายรูปให้หน่อย แต่เราเคยเห็นผลงานน้องแล้ว เลยเตือนไว้ว่า นางถ่ายรูปไม่ค่อยสวยนะ เช็ครูป ก็จริงๆ ด้วย กลุ่มสาวไทยอีกกลุ่มที่ถ่ายรูปกันอยู่บอกว่า เดี๋ยวให้ไกด์เค้าถ่ายให้ก็ได้ คนนี้ถ่ายสวย จริงๆด้วย ผิดกันเลย ไกด์เรางอนไปเลยจ้า 555 ขาลง เราใช้บริการไกด์วัยรุ่น จับมือ ก้าวลงไปอย่างรวดเร็วปานแพะภูเขา อารมณ์นึกถึงตอนปีนธารน้ำแข็งแล้วไกด์พาลงตามทางด้วยความเร็วเลย สนุกดี ชอบมากกก แต่ความสูงมัน 4000 เมตรนะคุณน้อง ระวังพี่หน่อยก็ดี เริ่มลงจากเขาร่วม 7 โมงครึ่งได้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

อีกมุมของ South Peak
ลงไปรอเพื่อนๆ ที่ที่มึร่มเงาหน่อย แดดมันแรงมากกกก ฟ้าใสมากกกก สวยมากกกก และเริ่มร้อนหน้าละ ขาลง ลงได้ค่อนข้างเร็ว พร้อมกับที่เคยบอกไปนั่นแหละว่า เราขึ้นกันมาได้ไง อ้อ ระหว่างขึ้นไป Low’s Peak เจอน้องกัปตัน คนเก่ง น้องบอกว่า น้องมาถึงคนแรกเลยจ้า ตอนตีห้า เหอๆๆๆ จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน มีแชะภาพให้กันด้วย น้องให้นามบัตรมา ส่งมอบให้เพื่อนตอง อย่าลืมส่งภาพให้น้องด้วยนะ วิวอย่างสวย ลงกันไปเรื่อยๆ เจอบันไดเพื่อนชอบมาก แต่หลังจากเหมือนขาจะพลิกไปนิด เริ่มไม่ชอบ ก็เดินๆ กันไปเรื่อยๆ จนถึงที่พักตอน 9.45 น. นานดีมะ เรียกได้ว่า เราลงจากยอดเขาเป็นกลุ่มเกือบสุดท้าย จนเจอเจ้าหน้าที่ที่คอยเช็คชื่อ เช็คคนลงจากยอดเขา เช็คเสร็จแล้ว ลงมาตัดหน้ากันเลย เจ้าหน้าที่ยังเตือนด้วยว่า เราลงกันมาค่อนข้างเลทให้รีบหน่อยเดี๋ยวไม่ทันกินข้าว ข้าวเช้าปิดตอน 10.30 น. อาหารเหมือนตอนตี 2 เด๊ะ เป็นคำขู่ที่ได้ผลนะ เค้าบอกว่า วันนี้มีคนขึ้นยอดเขาทั้งหมด 120 คน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทางขึ้น ทางลง ก็ทางเดียวกัน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เดินย่องๆ กันลงมา ไกด์ประกบจูงเดินลงเลยจ้า เร็วดี
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ยังไต่กันลงมาเรื่อย พร้อมคิดในใจว่า ขึ้นมาได้ไงฟระ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ทางทอดลงสู่ช่วงป่าไม้แปลกตา
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ืั้ที่พัก Laban Rata มุมจากด้านหลัง
ตอนแรกไกด์วางแผนว่า จะให้เริ่มลงตั้งแต่ 9.00 น. แต่กลุ่มเรายังไม่ถึงไง เลยต้องเลื่อน สรุปเริ่มลงตอน 10.45 น.จ้า ขาลง ลงได้เรื่อยๆ คล้ายๆ จะไม่ยากเท่าขาขึ้น แต่ขาก็เริ่มออกอาการกันทุกคน และทำเวลากันพอสมควรด้วยความที่ไม่อยากเสียค่าปรับ ตองมีอาการที่ขาชัดเจนจนไกด์ต้องประกบ สรุปไกด์ที่มาเพิ่ม ไม่ต้องดูแลเด็กหรอก ดูแลผู้ใหญ่ถูกต้องที่สุดแล้ว คนนึงดูตอง คนนึงดูโน๊ต
ช่วง กม.แรกๆ เราลงอย่างพลิ้วเลย เจอกัปตันอีกแล้ว คุยกันไปสักพักไปแยกที่จุดพักแรก คุยกะไกด์ด้วย ก็เพลินๆ ดี ไกด์หลักเรารีบเดินนำหน้าไปหากลุ่มฮูโก้ คล้ายๆ จะไปดูเด็กนิดนึง ที่พักตรง กม ที่ 4 ยังเจอกันครบๆ อยู่ๆ จากนั้นก็เริ่มแยกย้าย เริ่มแตกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก ฮูโก้ จัสมิน และ มาร์ค กลุ่มสอง 3ก และ พี่จันทร์ กลุ่มสุดท้าย ปุ้ย โน๊ต ตอง มีขำนิดนึงที่พอพี่จันทร์มาหลุดเดี่ยวแล้ว เริ่มมีเสียงบ่นให้เห็น วิญญาณคุณแม่ผู้แข็งแรงและให้กำลังใจหายไปแล้วจ้า พักเมื่อเจอจุดพักแล้วเราก็นั่งยืดดดดดดดขากันลงมาถึงทางออก ณ เวลา 4 โมงเย็นพอดี กับเฮือกสุดท้ายของบันไดทางขึ้นสู่ประตูออก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

สวนกับลูกหามที่แบกแผ่นฝาบ้านสำหรับบ้านหลังใหม่
รอกันจนครบทุกคน เข้าไปยังร้านอาหารที่ Kinabalu Park เราทานมื้อกลางวัน(เย็น)ไม่ทันอีกเช่นเคย แต่มีตัวแทน 3 คนได้นั่งทานอย่างสบายใจ รับข้าวกล่องมา ทวงน้ำ แล้วก็นั่งทานกันที่นี่ก่อนเลย ขอบคุณไกด์ผู้นำทั้ง 3 คนที่ค่อยมามีบทบาทในช่วงขึ้นพีค และ ขาลง ให้ทิปกันไป เราจ่ายกันคนละ 30 RM เค้าก็ได้กันไปคนละ 100 RM ดูสีหน้าค่อนข้างดีเลยนะ
ได้รับใบประกาศนียบัตรแล้ว ปรากฏว่า มีการสื่อสารกันผิดพลาดอย่างไรไม่รู้ พี่กั้ง พี่จันทร์และมาร์คได้ประกาศนียบัตรแบบปีนสำเร็จมาด้วย คือ แบบสีระบุว่าปีนได้สำเร็จทั้งที่ความจริงไปไม่ถึง ฮูโก้บอก ไม่ถูกต้อง ใช่ๆๆๆๆ 720 เมตรที่มีค่ามาก คนได้ก็ยิ้มกันไป ส่วนที่ไม่สำเร็จจะได้เป็นแบบระบุไว้ว่า ถึงระยะที่เท่าไหร่ ในใบประกาศระบุไว้ที่ 7.5 กม ณ ความสูง 3800 เมตร
ขึ้นรถ นั่งหลับพักผ่อนกันไปตลอดทาง 1 ชั่วโมง ถึง Poring Hot Spring and Nature Reserve Resort ตั้งใจมาที่นี่เพื่อจะมาแช่น้ำร้อน พักร่างกาย ที่พักดูดี แต่มันห่างจากบ่อน้ำร้อนที่สุด และ ต้องเดินผ่านเนิน ไม่มีทางตัดอื่นใด ผลคือ คืนนั้นไม่มีใครยอมออกมาจากห้อง พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน ไม่มี Net ที่ห้องพัก ทุ่มกว่าๆ ก็ขึ้นเตียงสลบกันหมด เรา 2 ทุ่มครึ่งได้ หลังจากคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเคลียร์กันก่อน เพราะพรุ่งนี้จะต้องแยกจากกลุ่มบ้านพี่จันทร์แล้ว พี่เค้าอยู่ต่อกัน ส่วนเราจะกลับเข้าเมือง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Palm Villa@Poring Hot Spring and Nature Reserve Resort
แนะนำว่า ถ้าจะมาพักที่นี่หลังจากไปปีนเขามา ขอให้อยู่ River Lodge หรือห้องใดๆ ที่ไม่ใช่ Palm Villa แม้บ้านจะน่าอยู่แค่ไหนก็ตาม แต่ร่างกายมันไม่เอื้อจริงๆค่ะ ตอนเช้า 7 โมง ชุดพร้อมไปแช่ และ ต่อด้วยทานข้าวเช้าในบริเวณเดียวกัน ให้พก tag ของ Kinabalu Park ไปด้วย ได้เข้าบริเวณบ่อน้ำร้อนฟรี แม้แต่แขกของโรงแรมก็ยังต้องจ่ายเลย เพื่อเข้าไปทานข้าวเนี่ย งงก็เค้าจริงๆ เรามี Tag กันทุกคน ก็สบายไป
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มุมมองจากจุดแช่น้ำร้อน
บ่อน้ำร้อนยามเช้า ยังไม่มีใคร และยังไม่มีน้ำร้อนในบ่อด้วย ต้องเติมกันเอง มีบ่อส่วนตัวเล็กๆ สูงๆ ให้เติม มีบ่อที่ถูกเติมเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังค่อนข้างตื้น เราก็อาศัยบ่อเหล่านั้นนั่นแหละ แช่ไป รู้สึกสบายขึ้นจริงๆ แม้จะร้อนๆ ด้วยก็ตามเพราะอากาศข้างนอกไม่ได้เย็นไง แช่เสร็จก็ไปแช่ที่สระน้ำเป็นบ่อน้ำเย็น เย็นจริงๆ นะ แล้วก็ไปแช่กลางแจ้งอีกที นั่งมองดูวิวสักพัก ไปอาบน้ำเย็นอีกครั้ง แล้วไปนั่งทานข้าวเช้ากัน พร้อมรับผลไม้ที่ฮูโก้เลี้ยง มะม่วง แก้วมังกร ส้ม มะละกอ มูลค่า 500 บาท แพงจริงจัง
เคลื่อนตัวออกเดินทางเข้าเมืองโคตาคีนาบาลู แวะทานข้าวกลางวันที่ Ranau พุ่งตรงไปที่โรงแรม Mandarin ในตัวเมือง หลับกันจนคนขับต้องปลุก ถึงตอนบ่าย 3 จัดการเช็คอินเข้าโรงแรม ต่อรองเรื่องค่ามัดจำกุญแจ ปกติจ่ายที่ละ 100 RM ที่นี่จะเรียกห้องละ 300 RM ไม่ไหวละค่ะ เงินก็ยังพอแหละ แต่รู้สึกว่า ไม่ใช่ แต่ก็บอกเค้าไปว่า เราต้องการจะใช้เงินกันนะ เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้ว เค้าเลยบอกว่า ให้ 200 RM ก็ได้ สุดท้าย ขอเป็นเงินไทยก็ได้ สรุปก็ 2 พันบาท ให้ไป พักผ่อนกันไปจนถึง 5 โมงเย็น ตอนแรกว่าจะชวนพี่ๆ ออกไปเดิน แต่พี่กั้งเริ่มป่วย พี่กุ้งยังลังเล พอโทรกลับมาว่าจะไป เราก็ติดการ์ตูนทางเน็ตซะแล้ว เป็นอันไม่ไป
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

วิวระหว่างทางไปหมู่บ้านวัฒนธรรม Mari Mari
17.00 น. Jasmat มารับเราไปยัง Mari Mari Culture Village เดินทางผ่านชายทะเล แวะถ่ายรูปที่ Mosque ด้วย และพยายามจะชี้เขาคีนาบาลูให้เราเห็นกันต่อไป แต่เมฆบังๆ ไปถึงหมู่บ้าน ต้องรอรวมกับกลุ่มอื่น โชคไม่ดีเจอกลุ่มจีนที่มีความกะตือรือร้นสูงมาก จนมีความรู้สึกว่าจะอยู่ร่วมกลุ่มกันไม่ได้ พี่สาวถึงขั้นไปคุยกับไกด์นำเที่ยวหมู่บ้านว่า จะทำอะไรได้ไหม เค้าก็ลำบากใจแหละ และดูเหมือนทั้งกลุ่มจะมีคล่องภาษาอยู่คนเดียว เลยไม่สนใจฟังบรรยาย ส่งเสียงดัง ถ่ายรูปกันเพลิน พวกเราเลยจัดกันไป 1 ชุด บอกเสียงเข้มๆขอให้ช่วยเงียบๆ ผลคือ เดินไปเลยจ้า ไกด์ก็กลายเป็นของเรา ถามไกด์ว่าจะมีปัญหาไหม เค้าก็ยิ้มๆ บอกไม่เป็นไร เค้าแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ไกด์นำไม่มีปัญหาเราก็สบายใจไป คราวนี้ก็พูดคุย ซักถาม เล่าประวัติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกันอย่างสนุกสนาน ไกด์ Lee ของพวกเราเป็นคนเก่งทีเดียว
บ้านที่ดูเด่นๆ คือ Long House เป็นบ้านทรงยาวๆ ขยายตามสมาชิกที่เพิ่มในครอบครัว บ้านของชนเผ่าที่ชื่นชมผู้แข็งแกร่ง และ นับถือจรเข้ ฆ่าคนเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง ถ้าอยากแต่งสาว ต้องฆ่าคนเพื่อพิสูจน์ความสามารถ ถ้ามีคู่แข่ง ชอบสาวคนเดียวกัน ทางออกคือ กำจัดอีกคนซะ ตัวบ้านหลังคาก็จะยกได้เพื่อสามารถรุกศัตรูได้ด้วย มีการทำเครื่องดื่มให้ชิม ทั้งเหล้าท้องถิ่น หรือ สาโทนั่นเอง น้ำผึ้ง น้ำชาขิง ขนมแป้งเส้นๆ กิจกรรมเป่าลูกดอก ถ่ายรูปร่วมกับชาวเผ่าต่างๆ เป็นกิจกรรมเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สนุกดี ไกด์บรรยายดี ได้สัมผัสจริง มีแทรมโพลินแบบบ้านๆ ทำจากไม้ไผ่ด้วย เราอาสาขอลงไปเพิ่มน้ำหนักเลย แล้วก็ช่วยกันขย่มๆๆๆ สาธิตให้ดูด้วยว่า ขย่มแล้วกระโดดได้สูงแค่ไหน ไกด์เราก็สาธิตด้วย แต่คงจะผิดท่า มีเคล็ดไปเล็กน้อย สมกับเป็นนำคณะเรา เป๋กันหมด ไกด์น่ารักนะ พยายามจะหาทางลงง่ายๆ ให้ตลอด คือ เค้าทำบันไดไม้แคบๆ สูงๆ แบบทำจากไม้ท่อนเดียวไว้เป็นทางขึ้นลงสร้างบรรยากาศ แต่ก็มีบันไดปกติไว้บริการบ้างงงง ไม่ทุกหลังนะ หลังไหนไม่มีเค้าก็จะยิ้มๆ บอกไม่มีทางเลือก ปิดท้ายด้วยการชมการแสดงของชนเผ่าต่างๆ เล่นดนตรีสด เน้นเสียงกลองเป็นหลัง สนุกสุดก็การกระทบไม้แบบจังหวะมันส์ๆ ทานข้าวเย็นเป็นบุฟเฟ่ต์อีกเช่นเคย ให้ทิปกันไปคนละ 5 RM รวมแล้ว เค้าได้ไป 30 RM นั่งรถกลับไปโรงแรม พักผ่อนกันตามอัธยาศัย โรงแรมนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว ภารกิจทุกคนเริ่มมา โอนรูป โพสต์รูปกันใหญ่
วันสุดท้าย เดินเล่นในตลาดวันอาทิตย์แถวโรงแรม อาหารเช้าทานกันแบบงงๆ ขนมจีบฮักเก๋าอร่อยดี ข้าวต้มร้อนไปนิดเลยกินไม่ค่อยลง มื้อนี้ 6 คน คนละ 14 RM แอบสูงอยู่เหมือนกัน กลับโรงแรมไปเอากระเป๋าพร้อมเดินทางไปสนามบินด้วยบริการส่งฟรี 1 ขา ของโรงแรม สบายไป ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ถึงจ้า มิน่า ทั้งเสียงกระจายเสียงของโบสถ์มุสลิมและเสียงเครื่องบินถึงดังชัดเจน นั่งเครื่องบิน 2 ต่อยาวๆ กันไป มื้อกลางวันที่สนามบิน ขอกินข้าวที่ใกล้เคียงบ้านเราหน่อย เราได้ ไก่เปรี้ยวหวานราดข้าว ส่วนเพื่อนๆ ไปกินแฮมเบอเกอร์กันจ้า
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ยานพาหนะเกือบตลอดทริป นั่งได้ 10 คนแต่เก้าอี้นอนไม่สบายนะ
ปิดทริปด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ใจก็ฮึกเหิมนะ ว่าเราทุกคนทำได้ ถึงบ้างไม่ถึงบ้าง แต่ก็นับว่าสำเร็จกับระยะทาง 6+4+6 กม 7 ชม 7 ชม 5 ชม ครึ่ง กับงบประมาณ 23000 บาท กลับมาเขียนบันทึกหลังจากผ่านมา 1 อาทิตย์ นิ้วเท้ายังคงมีความชาอยู่ แต่อาการปวดทั้งหลายหายสนิท เริ่มซ่าได้แล้ว อ่านรีวิวปีนเขาที่อื่นกันใหญ่ หลายคนบอก เมืองไทยนี่แหละ โหด แต่มันต้องแบกของ ต้องพักเต็นท์กลางทางอ่ะ ไปฟูจิซังกันไหม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

วิวสุดท้ายจากสนามบินโคตาคีนาบาลู
ที่พัก
Rock Twin Share Kinabalu Park
Laban Rata
Palm Villa 3 ห้อง 3 ห้องน้ำ พร้อมห้องนั่งเล่น Poring Hot Spring and Nature Reserve Resort จองผ่าน Agoda
Mandarin Hotel จองผ่าน Agoda
ใครสนใจเดินทางไปปีนเขาพร้อมกับชมหมู่บ้านวัฒนธรรมด้วย เราขอแนะนำตามนี้
วันแรก เดินทางทั้งวัน พักที่เมืองโคตาคีนาบาลู เดินเล่นในเมือง หาอาหารอร่อยๆ ทานในวันที่ขายังแข็งแรง เก็บกระเป๋าและฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรมเลย ถ้าเค้ารับฝากแล้วกลับมานอนที่เดิมอีกครั้ง
รุ่งขึ้นเริ่มpackage 3 วัน 2 คืน แต่คุยให้เค้าพาไปชมหมู่บ้านวัฒนธรรมมารีมารีรอบเช้า 10 โมง ทานข้าวกลางวันที่หมู่บ้าน บ่ายค่อยเดินทางไปที่อุทยาน น่าจะถึงไม่เกิน 4 โมงเย็น มีเวลาให้เดินเล่นรอบๆ พร้อมรับฟังบรรยายที่ห้องอาหารตอน 6 โมงเย็น จากนั้นก็ตามโปรแกรม แล้วจะกลับเข้าเมืองโคตาคีนาบาลูหรือจะไปแช่น้ำต่ออย่างที่เราทำก็ตามสบายจ้า แต่ไม่แนะนำกิจกรรมอื่นใดที่จะใช้แรงขา ท่านอาจจะมั่นใจว่าแข็งแรง แต่พักผ่อนไว้ก็ไม่เสียหลายนะ
อุปกรณ์ที่จำเป็น
1. เสื้อหนาวที่มีความอบอุ่นเพียงพอ กันลมได้ยิ่งดี เราโชคดีตอนขึ้นไปบนยอดลมไม่แรงเลย แต่เสื้อกันลมก็ยังจำเป็น เป็นชั้นๆ ได้ยิ่งดี ร้อน หนาว ถอดเข้าออกได้ กางเกงกันลม และให้ความอบอุ่นที่เพียงพอ
2. ถุงมือพร้อมจับเชือกปีนป่าย และให้ความอบอุ่นเพียงพอ บางคนเจอฝนก็แนะว่า ควรกันน้ำได้
3.ไฟฉายคาดหัว และ หมวกให้ความอบอุ่น และ กันแดดยามต้องเดินลมจากยอดเขาได้ยิ่งดี
4. ไม้เท้า สำหรับขาขึ้นลงช่วง 6 กม แต่ตอนขึ้นยอดเก็บไว้ที่พักได้เลย
5. เสบียง เพิ่มพลังงานตามที่ชอบเลย ขอให้พกง่าย หยิบง่าย กินง่าย และเก็บขยะได้ง่ายด้วยนะ
6. รองเท้า รองเท้าผ้าใบก็ใช้ได้ แต่ถ้าลงทุนได้สักนิด รองเท้าปีนเขา หุ้มข้อขึ้นมาจะช่วยปกป้องขาได้ดี
7. ยาแก้แพ้ความสูง ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาทาแก้ปวดเมื่อยๆ ต่างๆ พกไปเถอะ ได้ใช้แน่ๆ ไม่คุณก็เพื่อนคุณ
8. ทำประกันไว้ด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องการเจ็บป่วย เราทำไป 520 บาท 5 วัน ทำไว้สำหรับทริปแบบนี้เป็นอะไรไปจะได้รักษาตัวได้
ปล. ค่าปีนจะขึ้นทุกๆ ปี ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อยนะ ปกติรับได้ 192 คน แต่เนื่องจากบ้านพังไป 3 หลัง กำลังก่อสร้างใหม่อยู่ เลยรับได้ 120++
คำชี้แจง
ขอบอกไว้ว่า นี่คือเรื่องราวจากมือใหม่หัดปีนเขาที่ไม่ได้เตรียมร่างกายเพื่อการณ์นี้เท่าใดนัก ภาพทุกภาพถ่ายเอง ฝีมือการถ่ายภาพธรรมดามากกก ถ้าอ่านจบแล้ว ยังอยากไปผจญภัยตามกัน แสดงว่า ใจท่านพร้อมแล้ว เพราะภาพที่เลือกมา มิได้เลือกภาพที่จะเย้ายวน แต่มีวัตถุประสงค์ให้เห็นทางจริงๆ ที่จะต้องผ่านไปให้ได้ ขอให้ทุกคนโชคดี เราเป็นหนึ่งในชาวโลกที่ได้ไปเยือนและเหยียบบนยอดเขาคีนาบาลูเมื่อ 6/05/2016
แนะนำว่า ถ้าตัดสินใจว่าจะไปแล้ว พยายามกระตุ้นให้เตรียมร่างกายให้พร้อมจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปนะ เดินขึ้นลงบันได คือสิ่งที่คุณต้องการ ทำล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 3 เดือน ข้อความปฏิบัติที่ปฏิบัติได้ยากเหลือเกิน

บางกระเจ้า เมษา 2016_4334CR:Thanwa

ห่างหายกันไปสักพัก ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้เขียนรีวิวนี้ กับ ทริปจักรยานไปบางกระเจ้า สมุทรปรการ เขียนซะเหมือนปั่นไปจากบ้าน เปล่าจ้า นั่งรถไป แถบขับไปฝั่งบางนาซะอีก ทำไมฝั่งพระประแดงไม่ไป ใกล้กว่า แต่นับเป็นโชคดีที่ไปผิดฝั่งเพราะ ช่วงที่ไปนั้นเป็นเทศกาลสงกรานต์ของพระประแดง ซึ่งจะเล่นหลังจากช่วงปกติ 1 อาทิตย์ ทุกคนพร้อมใจกันลืมมมมม เลยได้ปั่นไป เปียกไป

เช่าจักรยานจากวัดบางน้ำผึ้งนอก ติดกับท่าเรือที่ข้ามมาจากบางนา มีมอเตอร์ไซต์ข้ามมาด้วยเพียบเลย เลือกจักรยานที่ต้องการแล้วก็รับแผนที่พร้อมปั่นจักรยานท่องเที่ยวในละแวก เป้าหมายแรกคือ สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ แวะซื้อน้ำเปล่าติดตัวกันคนละขวด ขวดเล็กบ้างใหญ่บ้างตามอัธยาศัย ในสวนสาธารณะมีพื้นที่กว้าง ร่มรื่นมากกกก มีหอดูนกที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิป มีแพข้ามสาวมือ ท่าเล็กๆ ไว้ข้ามเข้าเขตสวน มีทางเดินธรรมชาติสั้นมากกก เดินเข้าไป อะ จบแล้วเหรอ มาเที่ยวสวนนี้ต้องปั่นจักรยานนะ ถ้าเดินนี่ใช้เวลามากเลย

บางกระเจ้า เมษา 2016_2022CR:Thanwaบางกระเจ้า เมษา 2016_8996CR:Dowrai

ลุยกันต่อกับพิพิธภัฑฑ์ปลากัดไทย ที่นี่ทำดี บริเวณกว้าง ปลากัดสวยๆ ที่นั่งเล่น และร้านกาแฟ และยังมีพื้นที่กว้าง รับจัดงานต่างๆ ด้วยนะ  แต่กลางวันก็ร้อนนนเกิน  จากนั้นก็ไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งไปหาข้าวกิน พี่ที่ร้านแนะเส้นทางเล็กๆ ให้ปั่นเข้าไป จะเข้าไปบ้านธูปหอมและชมบางกอกทรีเฮาส์ได้ด้วย ทางเดินเล็กๆ ตามคลองต่างๆ ปั่นสนุก แอบมีเสียวบ้างช่วงหักศอก ชอบเส้นนี้มากเลย ใช้เวลากันนานกว่าที่คิด ตอนหลังพี่ร่วมทริปเลยต้องเร่ง เพราะมีธุระต่อ บ้านธูปหอมปิด บ้านทรีเฮาส์ดูแค่ด้านนอก ไว้มาแก้มือกันใหม่ ไหม คราวนี้มาจอดรถที่วัดบางน้ำผึ้งเลย

13231133_10153629459933951_22791911_nบางกระเจ้า เมษา 2016_5698CR:Dowrai

ขอโทษนะคะ อย่าสาดน้ำนะคะ มีกล้องนะครับ ใช้กันบ่อยมาก สำหรับการปั่นในวันนี้ ส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือกันดี แค่ป้ายแป้งเล็กน้อย แต่ถ้าเจอเด็กเล็กจะโดนตลอดเพราะน้องไม่ได้ฟัง ผู้ใหญ่ช่วยห้ามก็ไม่ทัน ผลคือ เราเปียกไปเต็มๆ 2 รอบ ตั้งแต่เริ่มกับปลายๆ ทริป เปียกจนแห้ง แล้วมาเปียกใหม่ตอนใกล้จบ ปั่นจักรยานไปคืน พี่เค้าบริการน้ำดื่มด้วย วันนี้เหมาวันละ 60 บาท ราคาพิเศษช่วงวันไหลของพระประแดง แถมข้ามเรือข้ามฟากฟรีจ้า ปกติวันละ 100 จ้า

เส้นทางนี้ปั่นสนุกดีนะ ปั่นกลางวันก็ยังพอสู้ หลบเข้าเส้นเล็ก เข้าสวนสาธารณะหน่อย ปั่นเพลินๆ ได้เลย แต่ถ้าใครปั่นไม่แข็ง ช่วงเข้าทางแคบก็มีเสียวหน่อยนะ

บางกระเจ้า เมษา 2016_387CR:Dowraibangkajao003_1200

ขึ้นรถได้ก็หลับปุ๋ยเลย พี่เค้าก็บึ่งกลับบ้านด้วยความรวดเร็ว แหะๆๆ ไม่คิดว่า จะโอ้เอ้กันนานขนาดนี้เหมือนกัน ออกจากบ้านกันร่วม 8 โมง ถึงบ้าน เกือบ 4 โมงได้เนอะ

ผู้ร่วมทริป ครอบครัวพี่เข็ม (พี่เข็ม พี่รี่ โอเปิ้ล ออสติน) พี่กั้ง กบ พี่โจอี้  คุณแม่รี่ปั่นเก่งมาก ให้น้องซ้อนด้วย มีอาโจอี้สลับบ้าง ส่วนคุณพ่อเข็มก็ชิวมาก ปั่นคนเดียวสบายๆ เลย



Categories