Ras's Blog

Archive for the ‘Travel’ Category

ทริป ท่องเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ระยองมาแล้วจ้า https://www.facebook.com/rayongbotanic เป้าหมายจะไปพาย sup แต่สุดท้ายพายคายัค แวะชมดอกไม้ที่โรงงานปตธ. https://www.facebook.com/miracleofnaturalgas/

ออกเดินทางกัน 8.30 น. มุ่งสู่ Miracle of Natural โรงงานปตธ ที่ระยอง เดินทางกันสบายๆ หยุดห้องน้ำสักรอบ ไปหาที่จอดรถเข้าชมดอกไม้กัน จอดเรียงรายกันเต็มสองข้างทาง มีลานดินให้จอดด้วย

มีให้ลงทะเบียน แจ้งจำนวน ได้บัตรคิวเป็นสีๆ พร้อมแจ้งเวลาให้เดินเข้าได้ตอน 11.40 น. ถึงเวลาก็เดินเป็นแถวไปจุดชมดอกไม้ เป็นฮอลล์กว้างๆ ปลูกดอกไม้ประดับหน้าหนาว ทิวลิปหลายสายพันธ์ ดัฟฟาเดล ไฮเดรนเยีย บิโกเนีย คนแน่นมาก เดินหามุมถ่ายรูปท่ามกลางอากาศเย็นๆ กันไป ก่อนที่ต้องออกไปเจอความร้อนของเมืองไทยกันต่อ

สมควรแก่เวลา ไปหาข้าวกลางวันกันจ้า ตั้งใจจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกั้งบ้านเพ แต่คิวยาวเกิน เลยทานร้านข้างๆ แทน ความว่า ร้านนี้มีมาตั้งแต่ตอนที่ ยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นพียงแต่รีสอร์ท จนมาเพิ่มร้านก๋วยเตี๋ยวกั้ง ร้านดังในปัจจุบัน

อิ่มจากร้านที่ไม่ใช่เป้าหมาย ขับต่อไปสวนพฤกศาสตร์ มีเลยเบาๆ ขับเข้าไปยังมีหลงนิดๆกับป้ายตรงไปของคนที่ต้องการพายคยัค จอดรถในที่ร่มๆ เปลียนชุด เตรียมตัวให้พร้อม ถามข้อมูลนู่นนี่ มีบริการดังนี้

มีเรือเครื่อง ลำละ 600 บาท นั่งได้ 8 คน พาวนรอบใหญ่ และบางส่วนของเส้นที่พายคยัค

มีจักรยานให้เช่า คันละ 60 บาท ปั่นชมได้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ระยะ 2-3 กิโล

มีพายคยัค ลำละ 100 บาทต่อชั่วโมง ลำละ 2 คน ทั้งของสวนเอง และ ของชาวบ้าน มี sup ด้วย แต่ต้องไปเช่าของชาวบ้าน ที่นี่เน้นคนคยัคแฮะ จากระยะพาย พายคายัค 2 คนดีกว่า มีคนช่วย ขากลับมีนิ่งๆ เหมือนกัน 555

เนื่องจากอากาศร้อน เราเลยไปนั่งเรือเครื่อง ได้เดินเล่นบนแพหญ้า สนุกดี ยวบๆ พี่ธงกับพี่โจอี้ เดินกันได้หนักแน่น มีเหตุตื่นเต้น เมื่อหัวหน้า ผู้พาเราเที่ยวเอ่ยว่า น้ำมันหมด ตอนแรกนึกว่าเล่นมุก ปรากฎของจริงจ้า โทรหาลูกน้องให้มาช่วยเติมน้ำมัน ลูกน้องรับโทรศัพท์ก็นิ่งเชียว แสดงว่า เกิดเหตุบ่อยๆ หัวหน้าก็รับว่าใช่ 555

ทุ่งบัวกว้างอยู่ มีบัวอยู่ 2 ชนิด บัวท้องถิ่น คือ บัวปทุม กับบัวนำมาปลูก บัวสุทธาสิโนบล. เจ้าฟ้าสักองค์นำเข้ามา ทุ่งบัวชมด้วยตาเปล่า สวยจริงๆ มีเกาะนกด้วย นกน้อยใหญ่เกาะอยู่กันเต็ม ถ้าน้ำขึ้น จะได้รอบใหญ่กว่านี้

ระหว่างทาง พี่โจอี้สอบถามคนพายคยัคตลอดว่า เหนื่อยไหม ควรพายไหม แหมมมมมมม

แดดอ่อนๆ แดด 5 โมงเย็น พายคายัคกำลังดีเลยจ้า พี่ธงสละตุ๋ยให้ เลยได้คู่พาย แหะๆ งานนี้มากับคนมีคู่ ไปคอยแยกคู่เค้าเรื่อย พอพี่สาวอีกคนที่ไม่ได้มารู้ว่า พายคยัค ก็เอ่ยว่า อ้าว ไม่รู้ ไม่งั้นก็ไปด้วย มีคนพายด้วยจะมา แต่พาย SUP พายคนเดียว ไม่เอา เหอๆๆ

ขับรถไปทั่พัก บ้านโกงกาง ก็มืดละ ต้องจอดแถวท่าเรือแล้วเดินเข้าไป บ้านน่ารักจ้า ตั้งใจสร้างมาก อาหารสามารถสั่งล่วงหน้าได้ แต่สื่อสารกันผิดพลาด นึกว่า ไม่มีอาหาร และอยากเข้ามาถึงที่พักก่อน เพราะมืดแล้ว เลยไม่ได้แวะกิน สุดท้ายก็อิ่มอร่อย ด้วยร้านที่ที่พักโทรสั่งให้ ตอนแรกนึกว่าจานเล็กๆ พอมา โอ้เยอะอยู่ สุดท้าย หมดจ้า 555

ที่พัก คือ บ้านโกงกาง โซนบ้านริมเลน คืนนั้นั่งชิวๆ กันริมน้ำ ดื่ม ฟังเพลง เล่นเกมทายคำกันไป ร่วมๆ เที่ยงคืนก็แยกย้าย

เช้านี้ ตื่นมาทานข้าวต้มเดินชมบ้านอีกโซนด้วย ขยับตัวออกไปสวนพฤกษศาสตร์ระยองอีกรอบ คราวนี้เราจะไปปั่นจักรยานกันจ้า พี่กั้งบอก ฟิตมาก แต่ถามหัวหน้าแล้วว่าอยู่ในร่ม 80% นะ เลยมา ซึ่งก็ดีนะ ปั่นแล้วเลยไวขึ้น ไปใช้เวลาที่ป่าเสม็ดโบราณ ถ่ายรูปกันได้เลย มีป้ายชี้ให้เดินเข้าไปได้อีก แต่ไม่เข้าใจ เหอๆ ป่าเสม็ดโบราณ ทรงสวย เปลือกไม้นิ่ม มีกลิ่น ปั่นจบรอบไม่รู้ตัว

มุ่งสู่ร้านน้องผึ้ง ริมหาด ในตัวเมืองระยอง เพื่อเจอพี่แชมป์ เจ้าถิ่นเมืองระยอง นั่งคุยไปกินไปกันยาวๆ ร้านนี้อร่อยนะ แนะนำเลย แยกย้ายกันตอนบ่ายสามครึ่ง มุ่งสู่กรุงเทพ เป็นอันจบทริป

ผู้ร่วมขบวนการ พี่โจอี้ พี่กั้้ง พี่ธง ตุ๋ย กบ เดินทางด้วย รถฮอนด้า ซีวิค ระยะไม่ไกลมาก พอเบียด 5 คนได้

ค่าใช้จ่าย เฉลี่ยคนละ 2200 บาท

ที่พัก

บ้านโกงกาง ห้อง Duluxe ห้องละ 1800 บาท เพิ่มคนที่ 3 คนละ 300 บาท

ห้อง Standard ห้องละ 1500 บาท เหมาทั้งบ้าน 3 ห้อง 4500 บาทจ้า ถามไว้เป็นข้อมูล

ค่าทิป รร 200

ค่ากิจกรรม

  • ค่าเรือ 600 + ค่าทิปเรือ 100
  • ค่าคายัค 300
  • ค่าจักรยาน 250

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม

  • มื้อกลางวันร้านคุณเจี๊ยบ 700
  • น้ำ 50 บาท ตุ๋ย
  • ค่าน้ำแข็ง 10
  • มื้อเย็น 920
  • มื้อกลางวัน 2200
  • ทิปร้านอาหาร 40 พี่กั้ง
  • น้ำมะพร้าว 165

ค่าเดินทาง

  • ค่าทางด่วน 200+100
  • ค่าน้ำมัน 1205

ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่มองมานาน แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทำให้ยังไม่ได้ไปซะที ในที่สุด เมื่อผ่านพ้นโควิด ทริปนี้ก็กลับมาให้ได้คิดอีกครั้ง กอปรกับค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่แพงเวอร์ ราคารวมๆ ยังพอเป็นตัวเลขที่คุ้นเคย การเดินทางไปปากีสถานจึงเกิด คราวนี้เราตัดสินใจไปแจมกับทัวร์ ทริปดีดีดอทคอม กับผู้ร่วมทริป 11 คน ไกด์ไทยมือใหม่สำหรับปากี น้องเพชร ไกด์ท้องถิ่นขาเทรคแห่งปากีสถาน นาม เชอบาร์ด ทริปผู้นำแมนๆ กับ สาวๆ 10 + ชาย 1 จะเป็นยังไง ติดตามกันได้เลยค่ะ

การเดินทางในปากีสถาน โดดเด่นด้วยเส้นทางไฮเวย์ โคราโคลัม แต่ แต่ แต่ ช่วงที่สวยเราสามารถไปเริ่มแถว เมือง Gilgit เลยได้นะ ช่วงจากอิสลามาบัดไป จะค่อนข้างแห้งแล้ง และมีการก่อสร้างเขื่อน ทั้งยังมีด่านให้ต้องผ่านเพื่อความปลอดภัยเยอะมากจริงๆ ขาไป ไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไหร่ เพราะเรา ตัดไปทาง Naran Highway กว่าครึ่งทาง ส่วนขากลับนั้น กลับเส้นคาราโคลัม ไฮเวย์เต็มๆ เดินทางร่วม 2 วัน แถมระหว่างทางท่องเที่ยวบางช่วง ก็ต้องกะเวลาดีๆ กับการปิดซ่อมแซมถนน เหตุดินสไลด์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว การประท้วงย่อมๆ และอีกหลากหลายเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ใจเย็น และ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์กันไป

วันที่ 1 14 ต.ค. กทม – อิสลามาบัด

เราเดินทางสู่อิสลามาบัด ด้วย สายการบินไทย ด้วยค่าตั๋วประมาณ 22,000 บาท TG349 ออกเดินทาง 19.00 น. ถึงอิสลามาบัด 22.10 น. ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

นอนพักที่ Hill View Hotel ในละแวกโรงแรม มีที่ชอปปิ้งประมาณนึง แต่เราถึงดึก และออกเช้า จึงไม่ได้รับรู้อะไรด้วย มารู้ตอนขากลับที่ผ่านมาแถวนี้อีกครั้ง

วันที่ 2 15 ต.ค. อิสลามาบัด – Chilas

นั่งรถกันยาวๆ ผ่านทาง Naran Highway ที่เขาว่าช่วยย่นระยะทางไปได้หลายชั่วโมง และมีจุดให้แวะชม แวะถ่ายรูปบ้าง มื้อกลางวัน หยุดร้านข้างทาง ทานปลาเทราซ์สดๆ เพิ่งตกได้ แต่ใช้เวลาทำนาน ไปหามุมถ่ายรูปกันจนมานั่งรอกันอย่างเดียว ช่วงเย็นๆ ผ่านจุดสูงสุดของเส้นทางนี้ กับอากาศที่หนาวเย็นมากกกก เสื้อไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ แสงใกล้หมด ลมแรง มี Zipline ด้วย Babusa Top หนาวจริงจ้า เส้นทางนี้ใกล้จะปิดแล้ว ถือว่าเราโชคดี ได้เดินทางด้วยเส้นทางนี้ก่อนจะปิด ข่าวว่า หลังจากเราใช้ อีกไม่กี่วันก็ปิดแล้ว แม้ระหว่างทางจะดูเงียบเหงาไปบ้าง เพราะโรงแรม ร้านรวงส่วนใหญ่จะปิดแล้ว พบกับฝูงแพะ ฝูงแกะที่โดนไล่ต้อนลงมาหลายฝูงเลย

ภาพเบลอๆ ก็ยังจะลง 555

พัก Shangrila Chilas Hotel คืนนี้จัดกระเป๋าเพื่อเตรียมขึ้น Fairy Meaodow มีเสื้อหนาวเท่าไหร่ เอาขึ้นไปให้หมด โซนที่เราได้พัก ค่อนข้างเก่า และไม่สะอาด ฝุ่นเยอะมากกก ห้องเรามีปัญหาว่า น้ำไม่ค่อยอุ่น คาดว่า เพราะคนใช้พร้อมกันเยอะ ต้องรอดึกๆ เลย ถึงจะค่อยมีน้ำร้อนให้เรา พี่จอยเพื่อนร่วมห้อง แทบจะทำความสะอาดห้องใหม่ทั้งห้องเลย

วันที่ 3 16 ต.ค. 65 Chilas – Fairy Meodows

ทานอาหารเช้าที่โรงแรม วิวรอบๆ สวยดี วิวภูเขา มีทางแม่น้ำ เราแวะชมภาพวาดเก่าแก่บนหิน คาดว่า เกี่ยวกับพุทธศาสนา อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน ก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่สะพาน Rikot จุดเริ่มต้นการเดินทางสู่ Fairy Meadow เปลี่ยนมานั่งรถจิ๊ป คันละ 4 – 5 คน นั่งให้เต็มๆ เข้าไว้ จะดีที่สุด เพราะทางคดเคี้ยว เลี้ยวไปมา ก็ค่อนข้างจะโขยกเขยก ทางมีความเสียวในระดับหนึ่ง วิ่งตรงไปสู่ภูเขาหิมะ มีคนงานซ่อมแซมทางเป็นระยะๆ เห็นเขาเรียงหินทำทางกั้น เรียงกันสวยเชียว

ต่อจากรถจิ๊ป เราก็ทานข้าวกลางวันกันให้อิ่ม และเริ่มเดินขึ้น สำหรับคนจะเดิน แต่กลุ่มเรานั้น มุ่งมันกับการนั่งม้าค่ะ พูดซะจนน้องๆ คู่ชายหญิงเปลี่ยนใจมานั่งม้าด้วยเลย แต่ แต่ แต่ มีตัวแทน 2 ท่าน บอกว่า จะเดิน และมุ่งมั่นว่าจะเดิน เป็นผู้สูงวัยอายุ 60 กว่าๆ ไกด์ไทยก็ต้องเดินด้วย ระหว่างทางที่พักม้า เราก็ได้เห็น พี่ๆ ตัวแทน 2 คน ขี่ม้ามาอย่างสง่างาม 555 ความว่า เดินไปได้สัก 100 เมตร ม้าก็ตามมาพร้อมกับคนจูงม้า พี่เค้าก็สงสัยว่าตามมาทำไม ส่งภาษาถามกัน สุดท้ายก็เลยใจอ่อน ช่วยให้ได้มีงานทำ ฟังดูใจดีเนอะ และเฉลยในที่สุดว่า เดินไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไกด์เราก็โชคดี เจอม้าพักหรือดักอยู่ระหว่างทาง เลยได้ขึ้นม้ามาด้วย ส่วนไกด์ท้องถิ่นขาเทรคเรานั้น เดินตัวปลิว แทบจะนำม้าอยู่แล้ว

ม้ามีเยอะกว่าคนท่องเที่ยว เลยต้องมีการจับฉลากว่า ใครจะได้ทำงาน รวมทั้งการแบกกระเป๋าด้วย ค่าขี่ม้า 4100 รูปนะ ทิปต่างหาก

วิวระหว่างทาง สวยมากกกกกกก ทางค่อนข้างแคบ เราเชียร์ให้กำลังใจกลุ่มคนไทยที่เดินขึ้น ส่วนเราก็ชิวๆ กันบนหลังม้าไป คนจูงม้าก็เดินตัวปลิวเชียว

เดินขึ้นกันจนเริ่มเห็นที่พักด้านบน ที่พักเราคืนนี้คือ Fairy Meadow Cottage อยู่ลึกกกกกก เข้าไปจากชาวบ้านพอควร ถ้าเราเดินขึ้นเองเราคงงอแงไปแล้ว ไม่เดินแล้ว แต่นี่นั่งม้าไปจนถึงที่พักเลยไม่ว่า อะไร 5555 แต่หลังจากนั้น ต้องเดินกลับมาแถวที่พักเยอะๆ เพื่อมาถ่ายรูปกับบ่อน้ำสะท้อนเงาภูเขา คือ บ่อน้ำนะคะ ไม่ใช่ Lake เราถ่ายกันแบบไม่มีหลอกมุมใดๆ มื้อเย็น นั่งทานอาหารกับพื้นในห้องรวมที่มีเตาผิง กับความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 3,300 เมตร

ที่พักเรา มีวิวภูเขาเต็มๆ Nanga Parbat มีหิมะคลุมอยู่บนยอดเล็กน้อยๆ และอยู่ใกล้กับจุดชมวิวกลาเซียร์สีดำ ซึ่งเราจะไปเดินกันพรุ่งนี้เช้า

พัก Fariy Meadows Cottage โซนพึ่งสร้างเสร็จ ผ้าห่มอุ่น นุ่มสบาย พอมีน้ำร้อนให้บางเวลา แต่ผ้าห่มห้องเราไม่ครบ ห้องอื่นๆได้คนละ 2 ผืน เราได้ คนละผืน ก็พับทบเอา

วันที่ 4 17 ต.ค. 65 Fairy Meadows – Hunza – Eagle’s nest

เมื่อคืน ทุกคนเข้านอนเร็ว มีอาการแพ้ความสูงกันเบาๆ แวบมองทางช้างเผือก ลุ้นภาพจากช่างภาพประจำกลุ่ม ยามเช้าก็มีคนออกมาถ่ายแสงเช้า นั่งทานอาหารเช้า จาปาตี นาน ไข่เจียวทรงสามเหลี่ยม ยังใส่เสื้อหนาวเต็มๆ เดินลงผ่านธารน้ำ เข้าป่าสน มุ่งสู่ธารน้ำแข็งสีดำ ธารน้ำแข็ง Raikot อายุเป็นพันๆ ปี

กลับมาถอดชุดบางส่วนออกเพื่อเตรียมตัวลง การจับฉลากของ Porter ยังคงมีต่อไป คนจูงม้าบางคนก็มีแบกกระเป๋ามาด้วย รับสองจ็อบเหรอ เราก็สบตาคนจูงม้าของเรากันเอง เค้าต้องจำเรานะ บางทีเราก็จำเค้าไม่ได้ พี่สาวเราคนจูงม้าคนเดิมไม่อยู่ ต้องรอจนเหลือคนสุดท้าย ถึงรู้ว่า อ้อ เปลี่ยนคนนะ ขาลงก็บรรยากาศดี เราลงแบบหันหลังให้พระอาทิตย์ แสงสวย ลงด้วยความรวดเร็ว ชั่วโมงกว่าๆ ต่อด้วยรถจี๊ปคันเดิม มีอุบัติเหตุระหว่างทางลง คล้ายว่า ระเบิดหินแรงไป ทำให้ก้อนหินออกมาเยอะกว่าปกติ แล้วต้องเคลียร์ มีรถจอดรออยู่ก่อนหน้าเรามา เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ลงไปให้กำลังใจกัน รออีกไม่นานมากก็ได้เดินทางต่อ

นอกจากนี้ ก็มีเหตุรถน้ำมันหมดกลางทาง แล้วขวางทางกันอยู่ ก็รอกันอีกพักใหญ่ให้แก้ปัญหากันไป ถึงจุดที่เราขึ้นรถ ทานข้าวกลางวันที่นั่นเลย เดินทางไป Gilgit ระหว่างทางแวะชม จุดตัดของภูเขา 3 เขา ได้แก่ หิมาลัย ฮินดูกิซ และ คาราโครัม พร้อมชมวิวแม่น้ำสินธุและ แม่น้ำกิลกิต

มุ่งสู่ Hunza Valley ระหว่างทางชมเส้นทางสายไหม สายเก่า ไกด์พยายามชี้ เป็นแนวเส้นเดินทางเล็กๆ บนภูเขา และ Rakaposhi Glacier View Point อันนี้ก็มองไม่ค่อยเห็นแล้ว กว่าจะถึงที่พัก ก็ร่วม 2 ทุ่ม ที่พักบนเขา มองไปคือตัวเมือง ในละแวกก็เต็มไปด้วยโรงแรมที่ดูดี

พัก Eagle’s Nest Hotel

วันที่ 5 18 ต.ค. 65 Eagle’s Nest – Attabad Lake – Gulmit view point – Ghulkin Village – Passu Glacier – Borith Lake – Hussaini Suspension Bridge – Passu

เช้านี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมแสงเช้าจากจุดชมวิวข้างๆ ที่พักเรา มีสมาชิกแค่กลุ่มเราและไกด์เท่านั้น ที่เหลือหายไปไหนกัน ค่อยๆ เดินขึ้นจุดชมวิว มีผู้คนรออยู่ประมาณหนึ่ง แต่เนื่องจากเราอยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยแนวเทือกเขาเกือบ 360 องศา ทั้ง ยอด Rakaposhi, Lady Finger, Diran, Goden Peak, Ultra I, Ultra II และอื่นๆ ทำให้แสงเช้าที่ได้ ไม่ได้เป็นสีส้มๆ เท่าไหร่ กว่าจะเริ่มเห็นแสง สรุปได้ว่า ให้ขึ้นมาตอนสายกว่านี้หน่อยได้ สัก 7 โมง อาจจะกำลังดี หรือ ขึ้นมาหลังทานข้าวแบบที่พาคนที่เหลือขึ้นมาก็ได้ แต่ข้อดีของการมาเช้าคือ เราอยู่จนคนกลับลงไป มีช่วงที่ข้างบนเป็นของเรา ก่อนที่จะมีกลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมา วิวหมู่บ้าน Hunza กับใบไม้ที่เริ่มๆเปลี่ยนสี ธารแม่น้ำ แนวเทือกเขา ดูแล้วสวยจริงๆ

กลับลงไปทานข้าวเช้า และเตรียมตัวออกเดินทาง รถค่อยๆ ไล่ลงมาที่หมู่บ้าน ให้เราได้ถ่ายจากมุมล่างบ้าง มีเหตุการณ์ตื่นเต้น คือ มีคนทะเลาะกันอยู่บนถนน แล้วไกด์เชอร์บาร์ทของเราก็ลงไปช่วยห้าม กระชากไม้ออกมาจากอีกฝั่ง แต่สุดท้ายคนก็ตามไปคว้าอีก กว่าจะสงบก็ใช้เวลากันอยู่ ขึ้นมาบนรถ ทุกคนก็ปรบมือให้

แวะถ่ายรูปตรงช่วงที่ดินสไลด์ บล็อกทางน้ำจนจมหมู่บ้านให้อยู่ใต้น้ำไป จุดชมวิวทะเลสาบ Attabad จากนั้นล่องเรือชมบรรยากาศ น้ำสีสวยๆ ตัดกับภูเขา มีเรือให้เลือกหลากหลาย เราได้เรือแบบมีกันสาด มีเรือแบบเปิดหลังคาด้วย ก็จะเป็นแบบ Tradition หน่อย บางกลุ่มก็เลือกแบบนั้น

มุ่งสู่ หมู่บ้าน Gulmit ชมจุดชมวิว แวะไปถ่ายภาพสะพานแขวน Hussaini Suspension Bridge เดินไปสักระยะ ทางขี้นๆ ลงๆ สำคัญคือ ไปกลับทางเดิมจ้า มีแวบไปขอแอปเปิ้ลจากชาวบ้านเค้าด้วย ผู้ชายกำลังเก็บแอปเปิ้ล กบกับพี่พรเดินหลงๆ กันไป ไม่ได้ตั้งใจ แต่คนได้คือคนอื่นนะ สะพานแขวนนี้ ยังมีการใช้งานจริงอยู่บ้าง ระยะก้าว แบบพอดี 1 ก้าว เราก้าวไป เกาะสายสลิงไป ขณะที่บางคน เดินก้าวฉับๆๆๆๆๆ

ไปจุดเปลี่ยนรถ เป็นรถตู้อีก 1 คน ขึ้นไปแบบไม่ต้องมีสัมภาระ เพื่อไปสู่ทางเข้า Passu Glacier แวะทานข้าวที่โรงแรมระหว่างทาง ชมวิวทะเลสาบ Borith เจอคนไทยอีก 2 กลุ่ม ตลอดเส้นทางท่องเที่ยว ก็เจอเรื่อยๆ ทั้งไทย ทั้งมาเล

ทางเดินไม่ยาก มีทางชันบันไดยาวๆ อยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้น ก็เป็นทางลาด กับหินสวยๆ ทรงแปลกตา ขนาบข้างด้วยแนวเทือกเขา จนเริ่มมองเห็นธารน้ำแข็งจากระยะไกลๆ ที่นี่เป็นธารน้ำแข็งสีขาวนะ เห็นว่า ละลายไปเยอะแล้ว จุดที่พาไปถ่ายรูป เคยมีธารน้ำแข็งยาวมาจนถึง ยังคงเดินไปได้อีกยาวๆ แต่เรามากันแค่รอบสั้นๆ ก็ใช้เวลาไปกลับกันร่วม 1.5 ชั่วโมงแล้ว เผลอๆกลุ่มเราใช้ไปร่วม 2 ชั่วโมง เรามีลงไปเดินต่ออีกหน่อย เจอซากนกตัวเบ้อเริ่มเลย พอถามไกด์ลุงเชอบาร์ดเราว่าไปแล้วยังไงต่อ เค้าบอกก็เป็นทางเดินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขนานกับธารน้ำแข็ง เดินแค่นี้ก็พอ โอเค รู้เรื่อง

นั่งรถตู้กลับไปเข้าห้องน้ำกันที่โรงแรมที่แวะทานข้าว แล้วไปเปลี่ยนรถกลับมาเป็นรถคันเดิมพร้อมสัมภาระ และขับมุ่งหน้าไปยัง Passu Village มีแวะชมสะพานสีรุ้ง และ แนวธารน้ำแข็งที่ละลายไปหมดแล้วด้วย Passu Village เป็นหมู่บ้านคนและสัตว์อาศัยกัน ร่วมด้วยกันต้นแอปเปิ้ล แอปริคอต ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มๆ ในบริเวณนี้ เรามาถึง แสงก็เหลือน้อยละ ไกด์ต้องคอยบอกว่า ข้างหน้ายังมีจุดสวยๆ อีก เดินกันจนแสงหมดนั่นแหละ

ถึงโรงแรม ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองเรื่องกระเป๋ากันหน่อย เพราะคนในหมู่บ้านเสียชีวิต พนักงานไปร่วมงานกันเกือบหมด เหนื่อยไกด์ลุงและไกด์เพชร และ เจ้าของโรงแรมหน่อย ถึงโรงแรมก็มืดแล้ว แต่ดูแล้วมั่นใจว่า พอมีแสงต้องสวยแน่ๆ แนวเทือกเขาลางๆ มีให้เห็น

พัก Passu Tourist Lodge Hotel ไม่มีฮีทเตอร์ พอมีน้ำร้อน ใส่เสื้อหนาวเพิ่มความอบอุ่นไปค่ะ คืนนั้นเจอกลุ่มคนไทยที่เพิ่งลงมาจากจุดที่เราจะไปพรุ่งนี้ ความว่า ที่ราบคุณจีราบหนาวมากกก น้องเค้าเจอ -7 กับลมที่แรงพอควร

วันที่ 6 19 ต.ค. 65 Passu Village – Khunjerab – Pakistan – China Border – Hunza

วิวรอบๆ โรงแรมสวยจริงๆ เดินไปถ่ายรูปเล่นกันหน้าโรงแรม กับแนวต้นไม้เปลี่ยนสีและเทือกเขา เป็นอีกวันที่นั่งรถกันยาวๆ นั่งไปร่วม 4 ชั่วโมงไปจุดชายแดนระหว่างปากีสถานกับจีน วิวระหว่างทางสวยงามมากกกก แนวเทือกเขามีหิมะคลุม ลมแรง ทุ่งหญ้า ให้มองให้ดีๆ อาจจะเจอสัตว์แปลก แต่เราเจอกันแต่แพะ จามรี

แวะทานข้าวร้านอาหารระหว่างทาง ก่อนจะเข้าตัวอุทยาน Khunjerab อากาศวันนี้สดใส ฟ้าใสมาก บริเวณชายแดน มีหิมะปกคลุมบางพื้นที่ พร้อมกับรถเทรลเลอร์จอดเรียงราย มี ATM ให้บริการด้วย แต่ไม่รู้ว่า ใช้ได้ไหม

นั่งรถไปยาวแค่ไหน มีแวะถ่ายรูปบ้างตามบ้านคน 555 ก็นั่งกลับมามากกว่านั้น คืนนี้เราไปพักแถว Hunza

พัก Serena Hotel Hunza โรงแรมน่ารัก ต้องเดินเข้าไปเพราะมีการทำถนน มีต้นไม้ปลูกเต็มสวน

วันที่ 7 20 ต.ค. 65 Altit Fort, Baltit Fort, Hopper Valley, Nagar Valley, Gilgit

ไปชมป้อมปราการ หรือ อดีตที่อยู่อาศํยของผู้ปกครองในเขตนี้ Altit Fort 1,100 ปี เดินไปจากที่พักได้เลย มีเจ้าหน้าที่รอให้คำบรรยายอยู่ ป้อมนี้เป็นที่อยู่อาศัยที่แรก ก่อนที่จะไปปลูกที่ Baltit Fort เพิ่มขึ้นมา มีเจ้าหน้าที่ให้คำบรรยายเช่นกัน ลักษณะโครงสร้าง คือป้อมดินผสมไม้ผสมหิน หลังคามีช่องเพื่อให้สามารถต้ม ทำครัวได้ และน่าจะสามารถปิดได้เมื่อยามเข้าหน้าหนาว ทางเข้าจะทำเตี้ยๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้อง

Baltit Fort อายุ 700 ปี ต้องเดินขึ้นเนินไปยาวๆ มีร้านขายของสองข้างทาง ด้านหลังป้อมเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ คล้ายชุมชน วิวจากหน้าต่างไปยังภูเขา มีแม่น้ำ และ ต้นไม้เปลี่ยนสี ปัจจุบันป้อมเป็นของรัฐแล้ว ส่วนผู้ปกครองย้ายไปอยู่ตึกที่ปลูกใหม่

หลังจากได้ชมตัวเมือง เราก็มุ่งไปสู่ Hopper Valley – Nagar Valley เป็นหุบเขา ต้นไม้เปลี่ยนสี ฟ้าใส และเจอกับหิมะโปรยปรายด้วยระหว่างที่เราทานข้าวกลางวันกันอยู่ เดินไปจุดชมวิว เพื่อชมธารน้ำแข็งสีดำ ที่ยังคงมีชีวิต และ ยาวกว่า 8 กิโลเมตร มีจุดชมวิว 2 จุด เราเดินไปอีกจุดที่จะเห็นใกล้ขึ้นด้วย สวยดี สีดำทะมึนเลย แล้วก็มีป้ายบอกว่า ไปเขาต่างๆ ได้ มี K2 ด้วย จุดชมวิวธารน้ำแข็งจุดที่ 2 มีสมาชิกไปแค่ 5 คน เห็นใกล้ขึ้น สวยจริง ธารน้ำแข็งสีดำ

มุ่งสู่ Gilgit เข้าพัก Serena Hotel Gilgit โรงแรมใหญ่ สวนอังกฤษ วิวเมืองด้านล่าง

วันที่ 8 21 ต.ค. 65 Gilgit – Ghizer Valley – Khali Lake – Phandar Lake – Gupis

วันนี้เป็นอีกวันที่เดินทางกันยาวๆ มีแวะระหว่างทางบ้างเล็กน้อย ให้พอถ่ายรูปเล่น บางจุดว่าสวยนะ แต่กว่าจะจอด ไม่สวยละ บางจุด จอดทำไมนะ 555 มีที่นึง มีป้าย I love Ghizer อยู่ เราถ่ายกันแต่วิว ไม่สนป้าย จนไกด์ต้องเดินมาบอกว่า ถ่ายป้ายด้วยไหม อะจ๊ะ ถ่ายก็ได้ เดินทางกันมาจนถึง Gupis ในช่วงบ่ายๆ แล้ว ทานข้าวกลางวันที่ที่พัก แล้วลุยต่อไปชมทะเลสาบ และสะพานข้าม Khali Lake มีวิวสะท้อนเล็กๆ ให้เห็น จากนั้น นั่งรถยาวๆกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อไปชม Phandar lake แต่กว่าจะออกจากทะเลสาบแรก ก็ร่วม 4 โมงแล้ว ช่วงนี้มืดเร็วด้วย ผลคือ เมื่อถึง แสงก็เกือบหมดแล้วจ้า บ่นกันใหญ่เลยว่าจะลุยมาทำไม ไม่สวย ไม่โดน แล้วต้องนั่งรถกลับไปอีกร่วม 2 ชั่วโมง คราวนี้ก็มืดๆ เลยหาเรื่องชวนคุยกัน ให้ไกด์เล่าประวัติตัวเองบ้าง เล่าเรื่องนู่นนี่กันเองบ้าง เรื่องผีๆ ต้องมา ก็กระชับมิตรกันไป

เรามีแนะด้วยว่า ถ้ารู้ว่า เดินทางไม่น่าจะทัน ก็ถามลูกทัวร์ได้นะ เผื่อจะหาทางออกร่วมกัน เข้าใจว่า ต้องการทำโปรแกรมให้ครบ แต่ แต่ แต่ ถ้าไปแต่ไม่เห็นอะไร ไม่ต้องไปก็ได้ แล้วให้เดินชิวๆ ที่ทะเลสาบแรกก็โอ แต่ก็เข้าใจแหละ ไปไม่ถึงก็อาจจะมีคำถามอยู่ดีว่า ที่ไม่ได้ไป เป็นอย่างไร จากบทเรียนนี้ โปรแกรมวันพรุ่งนี้ จึงถูกนำมาไถ่ถามกัน ว่าจะเที่ยว Yasin Valley ตามเวลาปกติไหม หรือ ต้องการจะเดินทางเข้าเมือง Gilgit เพื่อไป Shopping ถ้าจะไป ต้องออกแต่เช้า เพื่อเลี่ยงปัญหาถนนปิด บทสรุปคือ เที่ยวตามเดิม

พักที่ Blossaom InnHotel คืนนี้ก็หนาวอยู่นะ น้ำร้อนมี แต่ให้เวลาหน่อย มันเดินทางไกล

วันที่ 9 22 ต.ค. Yasin Valley – Gilgit

เดินทางกันยาวๆ แวะ Yasin Valley เป็นหมู่บ้านเล็กๆ จุดเด่นคือ แม่น้ำ พร้อมกับต้นไม้เปลี่ยนสี ที่นี่เราได้แวะเข้าห้องน้ำในบ้านของชาวบ้านเลย ลุยกันเข้าไปเลย เค้าให้ ตอนแรกไปขอที่โรงเรียน แต่โรงเรียนไม่อนุญาต ซึ่งเข้าใจได้เพราะเป็นใครก็ไม่รู้มาเข้าโรงเรียนได้อย่างไร ก็เลยได้เดินๆ ในหมู่บ้านไปในตัว แอบส่องเด็กทำกิจกรรมกันในวันหยุด ชาวบ้าน ตัดต้นไม้ นั่งตากแดดรับไออุ่น ขับรถแทรกเตอร์ผ่านไป ทางเดินริมน้ำ แสงก็สะท้อนกำลังสวยเลย ชอบที่ได้ลงมาเดินเล่นแบบนี้ จากนั้นกลับไปที่โรงแรมเดิมเพื่อทานข้าว กลางวัน วนเวียนทานข้าวกันอยู่ที่นี่ นี่แหละ

มุ่งตรงกลับ Gilgit แวะถ่ายภาพ ตัวเมือง และได้เจอกับเด็กๆ มาเล่นกันที่บ้านญาติ เด็กผู้หญิงหน้าตาดี พูดภาษาอังกฤษชัดมาก เป็นแฟนคลับ ลิซ่า Black Pink

พัก Serena Hotel Gigit โรงแรมนี้ สวนสวยนะ ตอนพักคืนแรก ไม่มีเวลามองดูอะไรเลย

วันที่ 10 23 ต.ค. Gilgit – Besham

มีข่าวกันแต่เช้าว่า 1 ในลูกทัวร์ติดโควิด ทุกคนน่ารักมาก ช่วยกันดูแล แจกจ่ายยา ขึ้นรถ ช่วงแรกก็ยังเปิดหน้าต่างนะ แต่ต่อมาก็ปิดและเปิดแอร์ละ ถนนฝุ่นเยอะเกิน ก็อยู่ด้วยกันไปค่ะ ทุกคนกลับมาใส่หน้ากากกันอีกครั้ง ซ้อมก่อนกลับไทย

นั่งรถกันยาวๆ ติดก่อสร้างถนน ติดประท้วงของกลุ่มแรงงาน คราวนี้ไกด์เราไม่ได้ลงไปเจรจาต้าอ่วย เค้าบอกว่า คุยกันไม่ได้ ต้องปล่อยให้เค้าเรียกร้องไป เรียกร้องจบ เดี๋ยวก็แยกย้ายกันเอง ก็ใช้เวลาไป 30++ นาที รถจอดอยู่ท่ามกลางคนชุมนุมนั่นแหละ

Besham Inn Hotel โรงแรมละแวกนี้ ก็ 3 ดาวทั้งนั้น อย่าคิดว่าเห็นชื่อดีๆ แล้วจะเป็นโรงแรมเชนนะ ไม่ใช่จ้า

วันที่ 11 24 ต.ค. Besham – Taxila – Islamabad – Faisal mosque – Bangkok

เดินทางกันยาวๆ อีกเช่นเคย นั่งรถกันมา 2 วันเต็ม มาทานข้าวกลางวันแถวเมือง ตักศิลา เมืองแห่งการศึกษาที่เราเคยร่ำเรียนในประวัติศาสตร์นั่นแหละ แวะชมพิพิธภัณฑ์ และ สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา (รึเปล่า) ว่ากันว่า เป็นที่ๆ เค้าว่า พระถังซัมจั๋งตัวจริง มาร่ำเรียน อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นก็ไป Faisal Mosque ที่วันนี้เต็มไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าปกติ เนื่องจากพรุ่งนี้จะมีคนมาชุมนุมประท้วง เลยมีการเตรียมตำรวจทหารมาพร้อม เดินทางกันมาจากที่ต่างๆ มากางผ้า ปูที่นอน นอนกันเต็มลานเลย

ปัจจุบัน Mosque ดูจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากกว่านะ คนมาเดินเล่นบนสนามหญ้า ครอบครัวมาปิคนิกกันก็มี

มื้อเย็นวันนี้ เข้าร้านอาหารจีน ไกด์ให้เราสั่งอาหารกันเอง สั่งเป็ด สั่งเนื้อกันมาเต็ม 555 จริงๆ สั่งเป็ดปักกีิ่งด้วย แต่เค้าไม่ได้ทำ ซึ่งก็โอเคแหละ เพราะตอนแรกเค้าบอกจานสำหรับ 2 คน แต่พอจานแรกมา ก็คือขนาดอาหารจีนปกตินี่นา ระหว่างรออาหารก็ให้เราไปเดินช็อปปิ้ง ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ใครใคร่นั่งพัก นั่งไป ใครใคร่ซื้อของก็เดินตามกันมา

มุ่งสู่สนามบิน เดินทางกลับด้วย TG 350 ตั้งใจจะมาแลกเงินที่สนามบินด้วย แต่ช่วงตรวจกระเป๋า ตรวจตั๋ว พยายามส่องๆ ก็มองไม่เห็น พอผ่าน Immigration เข้าไปเลยไปถาม Information เค้าบอก ข้างในไม่มีแล้วจ้า ก็ถือกลับมาไทย โชคดีที่ Super rich สีเขียวรับแลกหมดทุกแบงค์เลย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ คงขาดอย่างหนัก เพราะขาไปจะแลก ไม่มีให้แลกเลย

เป็นอันจบทริปปากีสถาน ใบไม้เปลี่ยนสี กับ ทริปดีดี.คอม กับเพื่อนใหม่ๆ ที่ดูแลตัวเองกันได้ทุกคน ไกด์ไทยแทบไม่ต้องทำงาน 555 เราคุยตรงกับไกด์ท้องถิ่นได้สบาย ทิปไกด์+คนขับ 60 เหรียญ USD ไกด์ไทย ทัวร์แจ้งไว้ที่ 1,000 บาท ใครจะให้เพิ่มก็ตามสบาย

คนปากีสถานน่ารักกว่าที่คิด การเดินทางบนเส้นทางคาราโครัมยาวนานเกิ๊น ถ้าเป็นไปได้ เลือกช่วงที่มั่นใจว่าบินได้ บินตัดมา Gilgit หรือ อย่างน้อย Skardu ก็ยังดี ร่นมาได้หลายชั่วโมง

อาหาร ไม่ได้หลากหลายมาก แต่เชื่อว่า ถ้าขวนขวาย น่าจะได้ทานอาหารหลากหลายกว่านี้ พอดีมากับทัวร์ เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แม้ระหว่างทาง จะพยายามเอ่ยลอยๆ ว่า กินพิซซ่าบ้างไหม กินอย่างอื่นบ้างไหมบ้างก็ตาม แต่จังหวะมันไม่ค่อยได้ เวลาไม่ค่อยลง ก็ต้องตามสภาพกันไป ยังดีมีอาหารเสริมจากทัวร์ แม้จะกินได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ตาม

ของฝาก สารพัดถั่ว ผลไม้แห้ง หนักๆ ทั้งนั้น

ขอบคุณภาพจากผู้ร่วมทริปทุกคนค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตรายบุคคล

ปีนี้ก็ยังคงมาดำน้ำ ช่วงนี้ถือว่า ดำน้ำถี่ทีเดียว ปีละครั้ง ถือว่าบ่อยมาก ทุกที 3-5 ปีครั้ง อย่างว่า สถานการณ์โควิด ออกนอกประเทศไม่ได้ ก็มาดำน้ำแทนละกัน

27/04/65

เดินทางด้วยสายการบินไทยสไมล์ วันที่ 27/04/65 ถึงตัวเมืองภูเก็ต นั่งรถรับส่งสนามบินที่จองไว้ล่วงหน้า มีแวะทานข้าวที่ร้าน บ้านอาจ้อ แถวสนามบิน อาหารท้องถิ่น ทำร้านสวยงาม เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย ที่นี่เคยเป็นบ้านพักตากอากาศของตระกูลหงษ์หยก เราเดินชมบ้านกันอย่างยาวนานและชิวมาก จนเจ้าของบ้านต้องโผล่มาดูว่า ยังอยู่กันอีกเหรอ ค่าเข้านำไปสมทบทุนดูแลเด็กๆ ในมูลนิธิ

บ่ายๆ ก็มุ่งเข้าตัวเมืองไปเช็คอินที่ Xinlor house โรงแรมในตึกแถวเดิมในย่านใกล้เมืองเก่า ห้องพักค่อนข้างน่ารัก ตกแต่งด้วยต้นไม้ มีแต่บันได ห้องของเราคือห้องที่ดีที่สุด มีโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่น และ มีระเบียงที่มีอ่างจากุซี่ให้แช่เล่นด้วย มองออกไปเห็นผู้คนบ้านตรงข้ามได้ ก็ต้องสวมชุดว่ายน้ำแช่น้ำเล่น ใข้ให้คุ้ม ก็แช่ทั้งเย็น ทั้งกลางคืนจ้า

ยามเย็นก็ไปเดินเล่น เจอกับ ญาติที่นัดทานข้าวเย็นกันไว้ บ้านอยู่ตรงข้ามกันที่กทม มาภูเก็ต ก็ป๊ะกันโดยบังเอิญก่อนเวลานัดอีกจ้า เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ก่อนไปแวะทานไอติมที่ร้านฮิปๆ มีโอ้วเอ้วเป็นส่วนผสมด้วย แต่น่าจะไม่ได้สั่ง เรานั่งทานกับหลานๆ และ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นเจ้ามือจ่ายให้ กราบงามๆ ขณะที่สาวๆ เดินไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านที่พี่ๆ เค้าคุ้นเคยกัน ทานเสร็จเราก็ตามไปที่ร้าน ไปนั่งเล่นกับกระต่ายขนนุ่ม อยู่ที่ร้านนี้กันนานมาก

จนมีคนชวนไปเดินเล่นถ่ายรูป ก็ตามออกไปด้วย ไปถ่ายรูปตรงทางข้ามม้าลายแถวตึกสแตนดาร์ด ใกล้ๆ ก็มีธนาคารไทยพาณิชย์กำลังสร้างอยู๋ เป็นตึกทรงโบราณสีขาว คาดว่า จะเป็นอีก landmark ในอนาคต สมควรแก่เวลาก็เดินไปยังร้านอาหารวันจันทร์ที่จองไว้ ทานข้าวเย็นจบแยกย้ายกับครอบครัวญาติ เจ้าของร้านเสื้อผ้าที่คุ้นเคยของพี่ๆ พาเดินเล่นยามค่ำคืน และไปนั่งดื่มที่ร้านDibuk House บรรยากาศดี มีบริกรเพียบ ร้านอยู่ได้ใช่ไหม

ข่าวว่า บ้านอยู่ตรงข้ามกัน ตามมาเจอกันที่ภูเก็ต

28/04/65

วันนี้เดินเล่นกันแค่ 3 สาว ยามสายลงไปทานเยนตาโฟสามพี่น้องข้างโรงแรม อร่อยดี พี่ๆ ทานกัน 2 ชามเลย กินกันเก่ง แวบไปนั่งทานเครื่องดื่มที่ร้านคาเฟ่ฝั่งตรงข้าม ฝนกระหน่ำมา ก็นั่งชิวเรื่อยๆ รอฝนหยุด แต่เดี๋ยวไม่ได้เก็บของ ต้องเช็คเอาท์ สุดท้ายก็เลยต้องลุยฝนกลับโรงแรมไป ไม่เป็นไรแค่ข้ามถนน มีร่มมา 1 คัน

เช็คเอาท์พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เดินเล่นไป เข้าร้านทานขนม ทานชา ในที่สุดก็ได้กินโอ้วเอ๋วแบบเต็มๆ จนไปแวะนวดเท้าเพื่อรอเวลาทานข้าวเย็นที่ร้าน La Gaetana (ลา เกตานา) ร้านนี้พี่ๆ จองแล้วอดกินไปแล้วรอบนึง คราวนี้กลับมาแก้มือ อร่อยค่า กุ้งตัวใหญ่มากกกก เจ้าของร้าน เป็นคู่สามีภรรยาที่เคยทำอาหารในโรงแรมมาก่อน ได้เวลารถมารับ พากลับไปรับกระเป๋าที่โรงแรม และพาไปส่งที่ท่าเรือ

ไปเจอกับผู้ร่วมทริปดำน้ำกับเรือดำน้ำ Live aboard ของพี่หมี เรือบุนนาค @mv.marinerbunnak  บนเรือมีข้าวต้มให้ทาน แต่เราอิ่มกันมากกกกจากร้านอาหารแล้ว แถมยังมีผู้ร่วมทริปใจดี ซื้ออาหารร้านดังมาให้เพิ่มด้วย จำไม่ได้ละว่าคืออะไร

ขึ้นเรือปุ๊บ ก็ตรวจโควิดกันปั๊ป ทุกคนปลอดภัยจ้า บรีฟกันสั้นๆ ถึงการใช้ชีวิตบนเรือ ทริปนี้มี 4 กลุ่ม ลีดโดย พี่ปุ๊ย พี่แพน พี่ป้อง และ พี่เอื้อม นอนพักผ่อน พร้อมดำน้ำวันพรุ่งนี้

เรือดำน้ำขนาดย่อมเยาว์ ความจุ 20 นักดำน้ำทริป มีห้องคู่ ที่เก็บของใต้เตียง ห้องน้ำรวม อาหารอร่อย สไตล์ไทยๆ มีคนดูแลโซนเครื่องดื่มและอาหารเป็นหนุ่มใต้ตาหวาน มือชงเครื่องดื่มประจำเรือ เราก็เมาเรือตามปกติ เป็นอยู่วันแรก แต่ก็ลงดำน้ำตลอดยกเว้น night dive

29/04/65

ไดฟ์ 1 เกาะห้าใหญ่ อุทยานแห่งชาติลันตา ไดฟ์แรก ดำเบาๆ ทดสอบกันไปก่อน ปะการังมีให้มองเยอะอยู่

ไดฟ์ 2 เกาะห้าเหนือ มีถ้ำให้ลอด ไปมา และมีดงปะการังอ่อนสวยงาม ฟูมาก สวยมากอยู่ และมีปัญหาเรื่องการจราจรเข้าถ้ำ เพราะกลุ่มที่ลงก่อน ไม่ได้เข้าทันที เพิ่งมาเข้าตอนที่กลุ่มหลังๆ ตามกันลงมาแล้ว ไปรอกันหน้าทางเข้าเพียบ ทำให้พี่ปุ๊ย ลีดเดอร์เรามุดเข้าไปเพื่อจัดระเบียบจราจรในน้ำ ขึ้นมาก็เล่นงานกันอย่างสนุกสนาน เราเลยเข้ากัน 2 รอบ รอบแรกแบบเร็วๆ แล้วไปเข้ารอบสอง แบบวนแล้ววนอีก ปลายไดฟ์ที่เราขึ้นไปแล้ว ไดฟ์ลีดเราเจอฉลามวาฬด้วย (ไดฟ์นี้พี่กั้งพลาด ยังเมาเรือ นอนสลบอยู่)

ไดฟ์ 3 เกาะห้า (No.6)

ไม่ดำ Night Dive

30/04/65

ได์ฟ 4 หน้าน้ำตกอาดัง ออกแนวดำทราย มองหาตัวนู้นนี้ ก็มีให้เห็นอยู่ กลุ่มครูเอื้อมดำลงไปก่อน มีปักตะเกียบเพื่อชี้เป้าไว้ให้ด้วย ที่เห็นจะๆ คือ นูดี้ยักษ์(เอาไฟฉายมาวางเทียบกันเลย) ม้าน้ำ กุ้งตัวน้อยๆ ในปะการัง คนอื่นเจอกันอีกเยอะ แต่เราวนไปมา ไม่กล้าไปไหนไกล

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ไดฟ์ 5 หินแปดไมล์ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา น้ำแรงมากกกก เกาะทุ่นขึ้นและลงเท่านั้น ถ้าหลุด จงขึ้นผิวน้ำมาเลย เห็นปลาที่ว่ายน้ำต้านกระแสอยู่เคียงข้าง จำได้ว่า คือ Batfish

ไดฟ์ 6 ตาลัง (Stonehenge) ปะการังสวยมากกกกกกกกก ไม่เคยมาเลย ได้ไง มีกระแสน้ำพอประมาณ เค้าว่า เพราะมีกระแสน้ำนี่แหละ ปะการังอ่อนถึงสวย ฟู ขนาดนี้ พี่ปุ๊ยกับเอ็กซ์อยู่กันยาวววววววมาก จนทำให้ไม่สามารถไปดำ Sunset ที่อื่นได้ เพราะจะไปไม่ทัน แถบนี้ค่อนข้างเข้มงวด สั่งห้ามดำน้ำตอนกลางคืนอย่างเด็ดขาด

ไดฟ์ 7 ตาลัง Sunset Dive ไดฟ์นี้ เลยได้ลงซ้ำอีกครั้ง กระแสน้ำอ่อนลงแล้ว แต่ปะการังยังพอสวยอยู่ เจอม้าน้ำ นูดี้

01/05/65

ไดฟ์ 8 เกาะ 5 ใหญ่

ไดฟ์ 9 เกาะ 5 (no.6) มีคนเจอฉลามวาฬแบบใกล้ชิดมาก 2 ตัว แต่ไม่ใช่เรา ชมภาพไปนะ

ไดฟ์ 10 เกาะ 5 ไปรอฉลามวาฬ แต่ก็ไม่เจอ

คลิปของเพื่อนร่วมทริป ผู้ออกแรงตามฉลามวาฬอย่างเต็มกำลัง
คลิปเบื้องหลังการตามฉลามวาฬ

02/05/65

ไดฟ์ 11 เกาะ 5 (no.6) ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อเจอฉลามวาฬ สำรวจแนวปะการัง แนวผาหินนี้ก็จนถ้วนทั่วมาก แก๊งๆๆๆ เสียงเรียกเสียงสวรรค์มาแล้ว หันขวับทันที ฉลามวาฬว่ายเข้ามาอย่างสง่างาม ตัวเล็กนะวันนี้ หันไปหาพี่สาว ยังมองกำแพงอยู่เลย ต้องว่ายไปกระตุกฟิน ชี้เป้า ถึงจะรู้ตัว เนื่องจากเราไม่มีกล้อง จึงลอยดูอย่างสงบ คนเข้าไปรุมกันสุด มีอีกกลุ่มที่ลงมาไล่กับเราด้วยเช่นกัน เป็นภาพที่สับสนวุ่นวายอลวนกันแท้ ตอนแรกเรานึกว่า ทุกคนได้เจอ ปรากฏว่า ไม่ช่ายยยย กลุ่มพี่แทนไม่เจอวันนี้ แต่เจอไปเมื่อวานแล้ว ส่วนกลุ่มพี่ป้องยังคงไม่เจอต่อไป เห็นว่ามีพี่คนนึงในนั้นที่ดำมานาน แต่ยังไม่เคยเจอฉลามวาฬเลยยยย สักวันค่ะ พี่ สักวัน

ไดฟ์ 12 เกาะ5 (no.6) และก็ยังคงอยู่ที่นี่ เพื่อรอฉลามวาฬ แต่ไม่เจอ คราวนี้ ได้ใช้ SME อีกแล้ว ทริปนี้ ได้ใช้ของคนอื่นหลายครั้งอยู่ เพราะอากาศจะหมด ต้องขึ้นก่อน แต่ผู้นำกลุ่มเรากับอีกผู้ร่วมกลุ่มยังเหลืออีกเยอะ เลยอยู่กันต่อ แรกๆ ยังฝากขึ้น ตอนหลัง ยื่น SME ให้หมุนขึ้นเองแล้ว 555

ไดฟ์ 13 ปิดะนอก มาเพื่อฝูงปลาข้างเหลือง แต่น้ำแรงมาก ไปไม่ไหว ได้แต่มาดูแนวผาแทน

เครดิตภาพ ภาพบนบก พี่เข็ม พี่กั้ง ภาพใต้น้ำ เพื่อนร่วมทริปทุกท่าน

ทริปนี้มีการลงยันต์คาถา ด้วยครีมกันแดดแบบแท่ง แรกๆ ใช้ชื่อ เจต คนไม่มีดวง ซึ่งเราก็งงว่า ทำไมถึงใช้ชื่อคนไม่มีดวงล่ะ (มีที่มาจากทริปก่อนๆ ที่พอเจตขึ้นมาก่อนด้วยสักเหตุผลหนึ่ง หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้เจอฉลามวาฬ 555) งงๆ ไม่แน่ใจว่า ยังไงถึงเปลี่ยน แต่แน่ๆ ชื่อที่เปลี่ยนคือ ปรจารย์แห่งการดำน้ำ พี่ปุ๊ย 555 ผลคือ เจอฉลามวาฬจ้า แม้จะไม่ได้เจอครบทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เจอ จนแซวกันว่าต้องมีผลิตภัณฑ์ยันต์พี่ปุ้ยล่ะ พี่ปุ๊ยบอก พอๆ เดี๋ยวไม่ขลัง 555

เป้าหมายหลักในคราวนี้คือ การขึ้นเขาหลวงที่อ่านกี่รีวิว คุยกับคนที่เคยไป ก็บอกว่า มันยาก ท้าทายมาก ยากยิ่งกว่าภูกระดึง เพื่อนสาวอยากจะไปก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการตั้งครรภ์ เพื่อนสายผจญภัยด้วยได้จึง Say yes กันด้วยเงื่อนไขที่ว่า ต้องเป็นวันหยุดยาว มีวันหยุดยาวพิเศษขึ้นมาในปี 2563 19-20 พ.ย. ทุกอย่างจึงลงตัว

ขับรถ หรือ ไม่ขับรถไป เราถนอมทุกคน กลัวคนขับจะเพลียเกิน จึงตัดสินใจนั่งรถทัวร์จ้า ใช้บริการ วินทัวร์ ทั้งขาไปและขากลับ ขาไปได้รอบ 21.30 รถ ป.1 ราคา 338 บาท นั่งไม่สบายเลย เก้าอี้แปลกๆ จริงๆ มีอาหารให้บริการ จุดจอดเป็นพื้นที่เล็ก มีข้าวต้ม หรือ น้ำ เลือกเอา อยากได้ VIP แต่ส่วนใหญ่ต้องไปลงขนส่งสุโขทัย ส่วนขากลับ ได้รอบ 22.00 น. รถ VIP ราคา 395 บาท เก้าอี้ดี เบาะยกขาได้ เอนได้เต็มที่ มีที่เสียบไวไฟ ตั๋วอาหารมีมูลค่า 20 บาท แลกน้ำ หรือ ข้าวได้ เลือกเอาเช่นกัน ขากลับแวะที่ใหญ่ คนเยอะ ต้องมองจำรถดีๆ VIP มีแถบคาดเหลือง

18-19 พ.ย. 21.30 น. เดินทางออกจาก กทม ถึง ป้ายอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ประมาณตี 5 พอเข้าตัวเมืองสุโขทัย จอดถี่มาก คนท้องถิ่งต้องชอบมากกก ถ้าเราจองที่พักและอยากลงใกล้ที่พัก ก็ให้สอบถามรถทัวร์เลยว่า ควรลงป้ายไหน

เช้าตรู่ลงจากรถได้ก็เดินหาแสงไฟก่อนเลย มีตลาดวัดตระพังทองอยู่ เริ่มตั้งแต่ตีสาม เดินวนดูของกิน เรานั่งกินกันตอนตีครึ่งได้ โจ๊ก และ กาแฟโบราณ สำหรับเราก็ต้องเป็นโอวัลตินร้าน มานั่งตามคำชักขวนของคนขายดอกไม้ โต๊ะถูกประกบด้วยคนขายดอกไม้ 2 เจ้า เลยแบ่งๆ กันอุดหนุน

ทั้งนักท่องเที่ยง ทั้งนักเรียนมาทัศนศึกษา มาร่วมกันทำบุญตักบาตรกันเต็มทั้งสองสะพาน ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า แสงอาทิตย์เริ่มเรืืองรอง ลมเย็นๆ ทำบุญกันแล้ว 7 โมงกว่าๆ ก็เดินไปที่พักกัน เลอชาร์ม สุโขทัย รีสอร์ท เราเคยมาพักที่นี่กับครอบครัวแล้วครั้งนึง ตอนจองก็ยังไม่ค่อยรู้ตัว

เช่าจักรยานจากที่พัก วันละ 90 บาท ใช้ได้ทั้งวัน มุ่งหน้าไปอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ค่าเข้าคนละ 30 บาท ค่าจักรยานอีกคันละ 10 บาท รับแผนที่ แล้วก็ปั่นไปรอบๆ วนซ้ายจ้า เก็บให้ครบ มีน้องๆ นักศึกษามาทำกิจกรรมกันด้วย ปั่นกันเพลินๆ มีร่มบ้าง ร้อนบ้าง บ้างบ่อน้ำแล้ง บางบ่อมีน้ำ

กลางวันแวะทานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยพ่อกู อยู่เลยทางเข้าไปนิดเดียว ใช้คนละครึ่งด้วย แล้วแวะทานขนมเครื่องดื่มในร้านคาเฟ่เย็นๆ ข้าง ร้าน Say Hi นั่งพักกันยาวถึงบ่ายสองกว่าเลย และร่วมด้วยช่วยกันช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหญิงชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ เธอทำโทรศัพท์หาย พยายามขี่มอเตอร์ไซต์หาก็แล้ว เดินหาก็แล้ว แล้วก็เดินกลับมาที่ร้านเพราะคิดว่าอาจจะลืมไว้ เราก็ช่วยกันโทรหาให้ แล้วให้ลองไปเดินหาดูอีกที เผื่อมีเสียงจะช่วยได้ เพื่อนโทรไปน่าจะเกือบร้อยสายได้ เค้ากล้บมาอีกครั้งก็ยังไม่เจอ ก็ช่วยกันคิดว่าจะหายังไงกันต่อ คือ มีภาพพ่อของเค้าที่เพิ่งเสียชีวิตจากกรณีโควิด 19 ไป เค้าเลยอยากหาให้เจอ เราทานกันเสร็จแล้ว ก็เลยบอกว่าจะออกไปช่วยหา ปรากฏเพื่อนเดินไปตรงที่เค้าจอดมอเตอร์ไซต์ เห็นอยู่ที่มอเตอร์ไซต์เลย 555 เอาน่า ก็หาเจอละ แยกย้ายได้

มุ่งไป วัดศรีชุม วัดเด่นอีกหนึ่งวัดของสุโขทัย ซื้อหมวกมาไว้ใช้ด้วย ก็ลืมเอามา ปั่นกลับเข้าตัวเมือง แวะวัดช้างล้อม ยามเเย็น ทางแอบลึกลับ แวบดูภาษาไทยรีสอร์ทที่จะพักหลังจากกลับมาจากปีนเขา วันนี้มื้อเย็นทานอาหารร้านหน้าปากซอยที่พัก ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน ได้มา 1800 บาท เค้าให้เป็นราคาวันธรรมดา แต่จริงๆ เพิ่งกำหนดให้เป็นวันหยุด

นอนกันให้สบาย ในห้องพักกว้างใหญ่ แอร์เย็น ห้องน้ำกว้าง

เลอร์ชาร์ม สุโขทัย ฮิสเธอรีคัล รีสอร์ท จองห้อง Deluxe Villa ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน 2 ห้อง ห้องละ 2 คน 1 คืน รวมอาหารเช้า จ่ายไปคนละ 750 บาท

20 พ.ย.

วันขึ้นเขาจ้า ทานข้าวเช้าที่โรงแรม พร้อมออกเดินทางเวลา 6.30 น. เพื่อให้ถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ประมาณ 7 โมง หวังว่าจะได้ทั้งลูกหาบ เต็นท์ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการให้ครบ เราไปถึงต้องลงทะเบียนโควิด-19 และยืนยันการจองผ่านแอพ QueQ 140 คน (เราเป็นหนึ่งในนั้น จองล่วงหน้าได้ 15 วัน) หรือ รายงานการ Walk-in 60 คน จองมาก่อนก็ดีนะ เจ้าหน้าที่จะได้รู้ว่า มีคนประมาณกี่คน จะได้แจ้งชาวลูกหาบไว้ให้มาช่วยกันทำงาน แต่ถ้าลูกหาบหมดก็คือหมด ข่าวว่า วันที่เราขึ้นสุดท้ายก็มีลูกหาบหมด เราได้คิวที่ 16 แจ้งรับเต็นท์ 3 คน (225 บาท) 2 เต็นท์ ผ้าห่ม เสื่อ 2 อย่างนี้ทดแทนเบาะรองนอนเพราะของหมดแล้ว

วันนี้วันเกิดพี่สาว ต้องรีบส่งข้อความไปอวยพรก่อนจะไร้สัณญานโทรศัพท์ อิอิ ไม่ลืมนะคะ

จากนั้น ก็ถือคิวมารอชั่งน้ำหนัก และ พบกับลูกหาบ เราได้หนุ่มวัยรุ่น ผมฟู น้องเค้าบอก มีผมแบบผมอยู่คนเดียว ไม่มีวันจำผิดได้ วัดน้ำหนักจากตาชั่งด้านล่างได้ 34 กิโล แต่ พอไปชั่งข้างบนกลายเป็น 30 กิโล มันหายไปไหน กิโลละ 25 บาท รับของจ่ายตังค์เลยนะ และ จำไว้ว่า ใครแบกของเราขึ้นมา คนนั้นจะเป็นคนแบกลงค่ะ

ไหว้พระ ไหว้แม่ย่า ด้านล่างก่อนทางขึ้น เจ้าหน้าทีมาแนะนำสถานที่คร่าวๆ ย้ำเล่าเรื่องพระเทพเสด็จมาเยือนที่นี่ ปี 2537 ท่านเสด็จถึง ใช้เวลาขึ้น 3 ชั่วโมง แนะนำว่า มีไม้เท้าให้หยิบยืม ให้ถือติดไปด้วย จิบน้ำเรื่อย เหนื่อยก็พักแต่อย่าพักนาน

ไปค่ะ ระยะ 3.7 กิโลเมตร มีจุดพักตามแผนที่ทั้งหมด 8 จุด ทางนั้นชัน ชัน และ ชัน ทางเนินมีอยู่นิดนึง นองนั้น ทางหิน ทางดิน ทางหินปนดิน ทางร่องดิน ทางร่องหิน ความชันตั้งแต่ 45 – 90 องศา การขึ้นนั้น เราจะตั้งเป้ากันแค่ที่ระยะถัดไป จุดถัดไปอีกกี่เมตรนะ เอาแค่นั้นพอ คราวนี้ระหว่างทางขึ้น เราแทบไม่ได้นั่งเลย ยืนพักตลอด และ ยืดขาไปด้วย ทางช่างโหดร้าย คนเดินลงก็คอยให้กำลังใจพร้อมคำพูดที่ว่า มันเป็นแบบนี้ตลอดแหละครับ อีกนิดก็ถึงจุดพักแล้ว อีกนิดในแต่ละรอบ มันช่างยาวไกล

เตรียมน้ำให้เพียงพอ ลูกอมเติมน้ำตาล ได้ซีวิตมะนาวและส้มจากเม มาเป็นตัวเสริม ได้มา 2 ถุง เลยแบ่งให้ลูกหาบไปถุงนึง เพราะคิดว่า คงกินไม่หมด ซึ่งก็จริง แต่เมจัดขาขึ้น 2 ถุงเลย

ขึ้นมาเวลา 8.15 น. เดินถึงค่ายพักแรม 11.50 น. จุดวัดใจจุดสุดท้ายก่อนถึงที่พักนี่ ทำท้อใจ ทำเอาหลายคนเป็นตะคริวกันเลยทีเดียว

ถึงแล้วก็ไปรายงานตัวเพื่อรับอุปกรณ์ต่างๆ และทำการวางของเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเต็นท์ เราสามารถเลื่อนเต็นท์ได้ตามต้องการนะ อย่าลืมตอกสมอใหม่ด้วย

ทุกคนพกอาหารกลางวันติดตัวเพราะคิดว่า น่าจะได้ทานระหว่างทาน ปรากฏว่าทำเวลาได้ดีกว่าที่คิด 3.35 ชั่วโมง เลยได้มานอนเอ้เต้ ทานข้าวบนที่พักแทน พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ไปล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำจากน้ำลำธารเย็นชื่นใจ ตุ๋ยติดผ้าเช็ดหน้ามาเลยเข้าไปล้างตัวสบายๆ พี่ธงก็เอามั่ง คุยกับน้องที่นั่งพักอยู่แถวนั้น รอเพื่อนที่ยังมาไม่ถึง เห็นว่าเป็นปกติที่ต้องรอประมาณ 3-4 ชั่วโมง เป็นทีมเดียวกันที่เวลาแตกต่างกันมาจริงๆ น้องไม่ได้เป็นคนติดใบลงทะเบียนของไว้ แต่เราแนะให้ลองไปคุยดู จะได้จองเต็นท์ไว้ก่อน เพราะคนขึ้นมาเรื่อยๆ เดี๋ยวจะได้ที่ไกลๆ และอาจจะไม่ติดกัน คุยกันไปมาเลยชวนไปเดินรอบบ่ายแก่ๆด้วยกันเลย

บ่าย 3 ได้เวลา ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ไปเดินรอบใหญ่จ้า เขาหลวงประกอบด้วยยอดเขาหลายๆ ยอดเขารวมตัวกัน ทำให้เวลาเดินนั้นจะไม่ได้ราบเรียบแบบภูกระดึง เราจะต้งองเดินขึ้นๆลงๆอีกเช่นเคยยยยยย ไปค่ะ พระเจดีย์ ภูกา แม่ย่า เจ้าหน้าาที่พี่จิ้มแนะนำไว้ว่า ถ้าถึงภูกา แล้วกะเวลาว่าไปแม่ย่าไม่ทัน แนะให้ดูพระอาทิตย์ตกที่ภูกาเลย เราก็เลยคิดกันไว้ว่าจะทำแบบนั้น แต่ๆๆ พอเห็นทางแล้ว รีบพุ่งไปแม่ย่าจะดีกว่า เดินกลับจากภูกาตอนกลางคืนจะอันตรายเกินไป ทางเดินแคบมากกกก อีกอย่าง ถ้ากลับจากภูกาต้องกลับทางเดิน แต่กลับจากแม่ย่าจะเป็นทางใหม่และเป็นทางเดินลง หุุุๆๆ

ระหว่างทางไปภูกา เจอน้องผู้ชายเสื้อส้มมาต่อท้ายแถว เราก็เลยต้องหันกลับไปมองใหม่แล้วถามว่า พี่ธงหาย 555 น้องรีบบอกว่า อยู่ด้านหลังครับ เราก็เลยให้น้องเค้าแซงขึ้นไป สปีดดีมาก และเจอกันอีกครั้งที่แม่ย่า น้องจะนั่งรอทางช้างเผือกแล้วค่อยเดินกลับ

เค้าว่ากันว่า เส้นทางภูกาจะมีทุ่งหญ้าคล้ายสันเขาช้างเผือก แต่จากภาพเราว่ายังไม่ใช่ขนาดนั้น มันยังดูกว้าง และหญ้าขึ้นสูง เลยไม่เสียวเท่าไหร่ น้องจูนเดินเร็วพอๆ กับเมเลย เส้นทางรอบใหญ่ ขาลงเราสบายมาก แต่พอเห็นทางขึ้น เราหลบขอไปเดินแนวหลังเลย เพราะจะช้ามากกกกกก

ไปถึงแม่ย่า ให้จูนลองมองหาเพื่อน แต่ไม่เจอ น้องเค้าอยู่ 2 คืน ยังมีเวลา นั่งชมพระอาทิตย์ตก แสงสวยๆ สาดเข้าทุ่งหญ้าเป็นสีทอง เมฆก็ดูแปลกตา เห็นเป็นแสงๆ พระอาทิตย์ดูดวงเล็กมากกกก จบการโชว์ตัวก็รีบเดินกลับกันก่อนจะมืด ผ่านลานจอดฮอลิคอปเตอร์ ได้ใช้ไฟฉายคาดหัวที่เจ้าหน้าที่พี่จิ้มให้ยืมมาด้วย ขอบพระคุณมากค่ะ

ช่วงค่ำก็จะวุ่นวายหน่อย มีทั้งคนจะสั่งข้าว ขอน้ำร้อน ซึ่งให้ฟรี แต่คิวจะยาวมาก ตอนแรกเราว่าจะเช่าเตาเอามาต้มเอง แต่ตอนกลางวันเค้าบอกว่า เตาเสีย พอตกค่ำถึงจะแจ้งว่ามี ก็เลยได้ทั้งน้ำร้อนที่ต้มแล้วแต่ยังไม่เดือดไปต้มต่อเองที่ลานกินข้าวตอนกลางวัน และจะได้ต้มตอนเช้าได้โดยไม่ต้องรอเจ้าที่ด้วย เจ้าหน้าที่เปิดให้บริการอีกครั้ง 7.30 น. ส่วนน้ำก็ไปเปิดก๊อกมาต้มได้เลย

มื้อนี้เราสั่งข้าวไข่เจียว 2 จาน อาหารกันตาย และ อาหารของลูกหาบ และต้มมาม่ากัน รสไข่เค็ม เออ แปลกดี กินอิ่มก็เดินเล่น ยืนชมดาว และยืดเหยียด เมได้คนช่วยการถ่ายภาพดาวด้วยมือถือด้วย ถือเป็นทริปทดลองการใช้มือถือเครื่องใหม่ของเมเลย

21 พ.ย. 63

ได้รับข้อมูลว่า พระอาทิตย์ขึ้นตอน 6.27 น. ให้ออกไปตอนตีห้าครึ่งก็ทัน เรากับเมตัดสินใจไปกัน ออกมาเรียกอีก 2 คน บอกอย่างหนักแน่นว่าไม่ไปจ้า เปิดผ้าใบนอนชมวิวกันอยู่ เอาจริงๆ นะ ก็เกือบจะมุมเดียวกัน เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีก้อนหินก้อนนั้นกับต้นสน

เดินกันไป 2 คน มีคนเดินตามหลังเราไปด้วย ก็เลยสบายๆ ขึ้นไปถึงพร้อมๆ กับแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้น มีเมฆและหมอกจางๆ เหมือนกับเวลาที่มองมายังเขาหลวง ก็บังดวงอาทิตย์ทำให้ไม่เห็นเป็นดวง เห็นแต่แสงๆ เท่านั้น รออยู่พักใหญ่จนฟ้าสว่าง ก็กลับกันลงมา มาถ่ายต่อที่หน้าที่พัก แก้มือกับภาพผู้พิชิตเขาหลวง ก่อนที่แดดจะจัดแล้วเป็นเงา จุดนี้ควรถ่ายตอนบ่ายนะ

ต้มน้ำ คนดื่มกาแฟก็ดื่มไป ทำมาม่า กินกับหมูฝอยกันจ้า อื่มมากกก ยังมีผลไม้เหลือกันอยู่เลย ทั้งกล้วย ทั้งส้ม เก็บข้าวเก็บของพร้อมเตรียมของให้ลูกหาบ เพราะน้องบอกไว้ว่า จะขอลงก่อนแต่เช้า จะไปช่วยงานที่บ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเช้า เพราะยังตามหาเจ้าของกระเป๋าที่ติดมากับทีมเราไม่เจอ เลยต้องรอๆ ชั่งก่อนลงได้ 26 กิโล ชั่งด้านล่าง 25 กิโล และเก็บขยะรวบใส่ถุงไปชั่งน้ำหนักขยะพร้อมเขียนในใบเล็กๆ นำไปคืนข้างล่าง พร้อมชั่งน้ำหนักขยะอีกรอบเพื่อรับเงินมัดจำขยะคืน

ขาลง เข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย เริ่มเวลา 8.30 น. ลง ลง ลง ลง ลง ลง ลง อย่างเดียวเท่านั้น มีคนเดินสวนขึ้นมาพอสมควรเลย เรานึกว่า วันนี้คนจะน้อยแล้วซะอีก ลุงลูกหาบบอกว่า เนี่ยตอนขึ้นมาเหลือลูกหาบอยู่ 8 คน ไม่รู้จะพอกันรึเปล่า เดินไปล่างๆ เจอลูกหาบมากกว่าคนที่ 8 ลุงบอก นี่รอบ 2 เมื่อเช้าลงเร็ว กิจกรรมยามลงคือ ทักกับลูกหาบ และให้กำลังใจคนเดินขึ้น พร้อมก้าวอย่างระวังในการเดินลง ขนาดไม่เปียก ยังลื่น กล้องแทบไม่ได้ถ่ายเลย

ถึงข้างล่างเวลา 11.10 น. ใช้เวลา 2.40 ชั่วโมงจ้า นั่งพักตรงร้านอาหารอุทยาน ทานข้าว ทานน้ำอัดลมกันให้ชื่นใจ ขณะสั่งอาหารข้าวราดแกง เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าเสร็จเร็ว ไปส่งให้เร็วได้นะ เราก็งงๆ กัน เงยหน้าขึ้นมอง หน้าคุ้นๆ อ้อ คนที่มาส่งเรานีี่เอง สรุปแล้ว ก็เป็นรายได้เสริมของเจ้าหน้าที่กันนั่นเอง 555 เจอลุงเจ้าหน้าที่ที่บอกจะหาน้ำผึ้งให้ด้วย ลุงบอก ลุงก็รับส่งนะ ค้าาาาาาาา คุ้นหน้าลุงอยู่ เหมือนเห็นจากรีวิวว่า พาไปส่ง แล้วมีพาแวะวัดศรีชุมให้ด้วย น่ารักจริงๆ แต่เรานัดไว้ก่อนแล้วไง จะไปยกเลิกก็คงไม่เหมาะ

ไปล้างหน้าล้างตาล้างตัวกันอีกสักรอบ นั่งรถกลับเข้าตัวเมืองเก่าตอนบ่าย แวะรับน้ำผึ้งแท้ตามเขาว่าขวดละ 800 บาท มุ่งสู่ที่พักชั่วคราวไม่ค้างคืน ภาษาไทย รีสอร์ท คืนละ 400 บาท มีไว้เพื่ออาบน้ำตอนขากลับ และนอนเล่น รบกวนให้พี่เจ้าหน้าที่ เปลี่ยนตัวมาเป็นแฟนเค้าพาไปส่งร้านกาแฟ รับแอร์เย็น เติมน้ำตาลกัน เดินดูร้านนวด เข้าไปนวดกันจ้า ว่าจะ 1 ชั่วโมง คุยไปคุยมากลายเป็น 2 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 200 บาท ส่วนเมกลับไปรอที่ห้องพัก นอนรอสบายๆ เช่นกัน ดีนะเช่าห้องไว้

นวดแผนไทย ก็จะเจ็บๆ กันนิดนึง แต่วันนี้เพิ่งลงยังปวดมาก อีกวันสิ ของจริงมาแน่นอน แต่หลังนวดก็ตัวเบาอยู่ ถ้าได้แช่น้ำร้อนจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ฝันเฟื่องมากขอรับ

อาบน้ำอาบท่า ออกไปทานเข้าวเย็นที่ร้านอาหารของรีสอร์ทเลย ได้ลดราคา 10% อาหารอร่อยกว่าที่คิด

20.50 รถมอเตอร์ไซต์ข้างที่รีสอร์ทนัดไว้ให้ก็มารับ เป็นมอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง มีที่นั่งเป็นตัวยู วางของ วางคนได้พอดีเชียว นั่งรับลมกันไป ไปนั่งรอรถที่ขนส่งสุโขทัย ผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยยอดฮิต ตาปุ้ย และ เจ๊แฮ หลับสบายไปตลอดทาง เพราะขากลับ ได้รถวีไอพี เก้าอี้ตัวใหญ่ เอนได้เต็มที่ มีที่ชาร์จโทรศัพท์ ถึงกรุงเทพตอน 4.30 น.

เหมารถ รับส่ง จาก ตัวเมืองสุโชทัย ไป เขาหลวง ติดต่อ ยงยุทธ์ 0648783015

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0050

กลับมาอีกครั้ง กับ Cebu อ่านว่า ซีบู ประเทศฟิลิปินส์ จากครั้งก่อนที่เราพลาดไม่ได้ไป Kawasan Fall เพราะเจอะพาุยฝนถล่ม แล้วครั้งนี้ล่ะ

เนื่องจากมาซ้ำ เราจึงพยายามหากิจกรรมที่ไม่เหมือนกันครั้งก่อน แต่คราวนี้มีสมาชิกใหม่มาร่วมด้วย ก็ยังต้องซ้ำกันเป็นส่วนใหญ่ ชาย 2 หญิง 6

แผนคราวนี้ 20 – 23 ต.ค. 2018 ปลายหน้าฝนเลยจ้า เรามากัน 4 วัน กับ การบินตรง BKK – Cebu สายการบินฟิลิปินส์ แอร์ไลน์ จากครั้งที่แล้วที่ลั่นวาจากันไว้ว่า ไม่มีบินตรงจะยังไม่มา เพราะเข็ดกับการดีเลย์ จนต้องข้ามวันกลับ และยังได้ราคาโปรโมชั่น 6970 บาท ก็จัดกันด้วยความรวดเร็ว

Day 1 Transfer from City airport to Moalboal via  Osmena peak

เดินทางกันมาทั้งคืน มาถึงซีบูตอนเช้า แวะรับซิมฟรี แต่ละสายการบินของฟิลิปินส์จะมีแจกซิม ฟิลิปินส์ แอร์ไลน์แจก Globe ส่วน Cebu Pacific แจก Smart เราบินฟิลิปินส์ แต่เราไปซื้อค่าย Smart เพื่อสร้างความแตกต่างจากเพื่อนในทริป ให้มีความหลากหลายของคลื่นโทรศัพท์ เสียไป 300 เปโซ + top up ค่าโทร 200 เปโซ เผื่อต้องใช้โทรคุยกับเอเจนท์ คนขับ หรือ โรงแรม

แวะทานอาหารเช้ากันที่ร้าน Jullibee ร้านอาหารไก่ทอดท้องถิ่นของฟิลิปินส์ รสชาดธรรมดา เราว่า ร้านสีเขียวอร่อยกว่า ที่เป็นร้านไก่ย่าง ได้กินตอนมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ จากนั้นแวะไปรับพี่ร่วมทริปที่โรงแรม เค้ามาล่วงหน้า มาเที่ยวเมืองก่อนหน้า ออกเดินทางจากตัวเมือง ร่วม 9 โมงเช้า มีแวะซื้อน้ำตุนไว้ในรถด้วย

แนะนำ ทักทายเพื่อนร่วมทริปให้รู้จักกันให้ครบถ้วน คราวนี้มากันหลายทาง พี่น้องก็บ้านเรา เพื่อนเรา เพื่อนของเพื่อน ก็ทักทายกัน แวะทานข้าวริมทาง อาหารพื้นบ้านง่ายๆ 736 เปโซจ้ามื้อนี้ มุ่งสู่จุดหมายวันนี้คือ Omesna Peak อ่านเจอใน Pantip เป็นจุดแวะใหม่ที่ครั้งก่อนเราไม่ได้แวะ มีแบบเดินเทรคยาวๆ พาอ้อมไปมาด้วย แต่เราเริ่มที่จุดหลักเลย แม้จะเดินกันตอนเที่ยง แต่ว่าอากาศดีมาก เพราะมีเมฆบังในบริเวณนี้ ติดจะเย็นๆ ด้วยซ้ำ มีเมฆหมอกพัดผ่านมาเป็นระยะๆ ทางขึ้นรองเท้าให้รัดหน่อยจะดี มีไม้ให้เช่าเพื่อช่วยพยุง ใช้ไหม ใช้ก็ได้ ช่วยยันตอนขาลงได้ดี แต่เราไม่ได้ใช้นะ ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ก็โออยู่

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0014

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0065

ทางเดินสวย มีแนวหิน แนวเขา วิวเมืองเล็กๆ พอถึงยอด เป็นวิวอ่าว วิวทะเลอีกฟาก โดยมีหินแหลมคมเป็นยอดๆ ให้พาตัวไปยืนถ่ายรูป แอ็คท่ากันมันส์ อยู่กันนานเลย ถ่ายรูปกันเพลิน มีไกด์ท้องถิ่นผู้หญิง คอยพยายามช่วยเราถ่ายรูปอยู่ด้วย แต่ดูยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญหามุมเท่าไหร่ ส่วนคนถ่ายก็ต้องหามุม พยายามพยุงตัวเองให้รอดนะ อุบัติเหตุเกิดได้ง่ายมาก สำหรับที่สวยเกินคาด เพราะไม่ได้คาดหวัง เสียดายแทนพี่ๆ 2 คนที่ไม่มา ปกติพี่ผู้หญิงเราลุยไหนลุยนั่น คราวนี้มีพี่ผู้ชายมาเป็นผู้นำโยเยเลยนอนรออยู่ที่รถ เสียดายแทนจริงๆ

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0042

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0052

ใช้เวลากันเต็มที่กับที่นี่ ให้ทิปไกด์ไป 200 เปโซ นั่งรถกันต่อไปถึง Moalboal 17.30 น.

เข้าพัก โรงแรม D’Keco Hotel จองผ่าน Booking.com มีตัดบางส่วนผ่านบัตร และจ่ายสดบางส่วน

แวบไปจัดการค่าทัวร์ที่เหลือ และนัดหมายเวลาสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้ที่  Planet Action Tour เค้ามีที่พักด้วย จริงๆ พักกับที่พักเค้าเลยก็สวยดีนะ

มื้อเย็น ออกไปทานอาหารริมทะเล แบบไม่เห็นวิวเพราะฟ้ามืดแล้วที่ร้าน Lantaw Restaurant 1460 เปโซ

คืนนี้ สมาชิกห้องเรา คือ มิ้น อ้อม และตัวเอง นอนกันไวมาก สี่ทุ่มก็ปิดไฟนอนกันแล้วจ้า

 

Day 2 Canyoneering at Montaneza Fall, Hotspring & Snorkelling in Moalboal

เช้านี้ตื่นกันไวมากเพราะดูเวลาผิด เวลาที่ฟิลิปินส์เร็วกว่าเวลาไทย 1 ชั่วโมงนะ 7 โมงก็เดินออกไปหาข้าวเช้าทานที่ร้านตรงข้ามกับทัวร์  จริงๆ นัดหมายไว้ 8 โมงเช้า แต่ว่า อาหารช้า เลยขอเลทนิดนึง แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็เลทนิดๆ เหมือนกัน พร้อมออกเดินทางเวา 8.30 น. กับรถเลียนแบบรถขนทหาร อย่างเท่เลยจ้า นั่งรับลมกันไปร่วมชั่วโมงก็ถึงจุดฝึกซ้อมวิธีการใช้เชือก ให้หัดกันคนละรอบสองรอบ ผ่อนเชือก เดินตัวขนานกับพื้น พอบอกให้ Jump ก็ปล่อยมือ แล้วกระโดดลงมาเลย ขาควรจะต้องขนานกับผา 45 องศา

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0088

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0097

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0104

ระยะทางร่วม 3 กิโล กับเวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆ โรยตัว 4 น้ำตก กระโดด 3 น้ำตกจ้า พร้อมก็ลุยกันเลย เดินลุยตัดสวน ตัดป่าเข้ากันก่อน พร้อมหมวกกันน๊อก และ เสื้อชูชีพ ชอบเหลือเกิน เดินป่า ใส่เสื้อชูชีพเนี่ยะ ถึงน้ำตกแรก ทุกคนก็ชะงักกึก มันสูงมากกกกกก น้ำตกตัดตรง เจ้าหน้าที่ 3 คน จัดการเตรียมอุปกรณ์ มีผู้นำ 1 คน ลูกมืออีก 2 คน เห็นว่า ก็ญาติๆ กันทั้งหมด พร้อมแล้วก็อธิบาย และสาธิตวิธีการลง จุดที่ควรต้องอยู่ หลบหลีกไม่ไต่โดนน้ำตก เอียงตัวหลบบ้างในบางจุด เริ่มแรกก็ท้าทายแล้ว ใครเป็นคนแรกล่ะ ถ้าไม่ใช่เรา เหอ เหอ พร้อมลุย คนที่เหลือก็ทยอยกันลงมา ผ่านกันได้ด้วยความเรียบร้อย

น้ำตกที่ 1 ท้าทายมากจ้า สูงใช่ย่อยๆ เลย ยังดี ที่ลงตรงๆ เป็นส่วนใหญ่ ระยะทางไม่ใช่สั้นๆ เลยสำหรับการลงครั้งแรก มีจุดที่ต้องสู้น้ำอยู่บ้าง ทางลงก็ลงได้ 2 ทาง แบบสู้น้ำแล้ว Jump เลย หรือ เดินไปข้างๆ สบายๆ แล้วค่อยๆ ไต่ลง ให้เราเลือก เราขอ Jump เลย แต่ส่วนใหญ่ จะขึ้นกับการไต่ของเราว่า ไต่ไปทางไหนมากกว่า ก็จะได้ลงทางนั้น

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0122

น้ำตกที่ 2 ก็ท้าทายใช่ย่อย ทางช่องแคบ ช่วงน้ำไหล ต้องยั้งตัวสู้กับกระแสน้ำ ไต่ลงมาถึงด้านล่าง รองเท้าหลุดกระจายเลยจ้า ต้องไปไล่ตามเก็บ น้ำตกนี้น้ำแรงดีแท้

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0175

น้ำตกที่ 3 เราก็คนแรกเช่นเคย น้ำตกนี้ ต้องยกขาสูงเพื่อไต่ลง มีจุดที่ต้องย้ายข้าง จากขวามาซ้าย ก่อนจะ ไต่ลงเพื่อให้หลบน้ำตกได้ เราติดขัดเล็กน้อยแต่ก็ผ่านมาได้ แต่มิ้นมาคนที่สอง ติดอย่างหนัก จนผลสุดท้าย ต้องห้อยหัวลง เราเป็นหนึ่งคนกับ staff ด้านล่างที่เห็นสภาพความอุตสาหะในการลงมาของมิ้น 555 ลงมาได้ นอนหมดแรงเลย เสียดายไม่ได้ถ่ายวิดิโอให้เป็นที่ระลึก กล้องไม่อยู่ที่เรา มิ้นเป็นตัวอย่างที่ทำให้มีเจ้าหน้าที่มาอยู่ตรงจุดเปลี่ยน คนที่เหลือก็เลยลงมาได้อย่างสบาย กลายเป็นทุกคนบอกว่า เราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ดันลงมาได้เอง ทำให้มิ้นลำบาก เอ่อ ขอโทษค่ะ ที่ลงมาได้

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0272

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0334

มีคลิปมาให้ดู ถึงภาพตอนลง ทั้งจากด้านบน และ จากด้านล่าง จะเห็นว่า มันไปติดขัดที่ตรงไหนได้

 

น้ำตกที่ 4 น้ำตกนี้ก็สนุก เดินมามองทางลงกันไม่เห็นเลย ผามันตัดมาก  ลงมาตรงๆ แล้ว เหมือนต้องปล่อยตัว วูบเอนมาทางด้านขวา เจ้าหน้าที่ช่วยบังคับทิศทางให้ จากนั้นก็ไต่ลงมา หรือถ้านึกสนุก เค้าก็จะให้ Jump ลงมาเลย เราว่า ประหยัดแรงกว่าเยอะ น้ำตกนี้ก็สูงอยู่เหมือนกัน 25 เมตรได้

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0183

บางจุดเจ้าหน้าที่เค้าอธิบายไปแล้ว แต่เราพึ่งเดินไปถึง ก็ยังไม่วายต้องลงไปก่อนคนแรก ทุกคนพร้อมใจกันถอย ขณะที่พี่กั้งก็อธิบายให้เราฟังอีกรอบ พร้อมหลบให้เราไปก่อนเลย เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ

จากนั้นก็เป็นช่วงกระโดด กระโดด แล้วก็กระโดด มีทั้งแบบมีช่องบังคับให้เสียวเล่นว่าจะชนไหมในระยะความสูง 5 เมตรได้ อีกจุดมีตำแหน่งยืน คือแง่งในการยืนที่แน่นอน ต้องอยู่ตรงนี้ก่อนจะกระโดด พอโดดลงไป ก็เจอกำแพง ต้องปีนขึ้นไปทั้งชูชีพ ก็มีความลำบากอยู่ เจ้าหน้าที่บอกว่า มีช่องให้มุดใต้น้ำได้นะ แต่คือ ใส่ชูชีพอยู่จะมุดยังไง จุดสุดท้าย เบาๆ แค่ 2 เมตร ช่วงตอนกระโดด สมาชิกหญิงคนใหม่ของเราเป็นผู้นำจ้า เพราะยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ถอยให้เราไปเหมือนพี่เรา เพราะฉะนั้นก็นำไปเลย   จบกิจกรรมเดินตามทางไปเรื่อยๆ ไปเจอแม่น้ำร้อน กั้นเป็นบ่อธรรมชาติให้แช่น้ำเล่นได้

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0436

เป็นกิจกรรมที่สนุก และท้าทายมาก เรียกได้ว่า มัน เสียว และ ต้องใช้เทคนิคไต่เชือกยิ่งกว่าที่เคยเห็นกับ Kawason Canyoneering ซะอีก เราว่า ถือเป็นอีก Hi light ได้เลย ขาดแค่ น้ำตกสีไม่สวยเท่านั้นเอง

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0196

มิ้นมาสารภาพที่หลังว่า ถ้ามีผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยนะ จะของอแง แต่นี่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย เลยงอแงไม่ได้ 555 ส่วนพี่ผู้ชายอีกคนในทริป ไม่ไปตั้งแต่แรกแล้วจ้า นอนรออยู่ที่พักเลย

จบกิจกรรมน้ำตกก็ไปนั่งแช่น้ำร้อนที่บ่อน้ำร้อน ออกแนว บ่อโคลนมากกว่า อยู่ในป่า ร่มรื่นดี

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0216

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0204

นั่งรถตากลมจนตัวแห้ง มาทานข้าวกลางวันมื้อบ่ายมากกกกกก เป็นไก่ย่าง ปลาย่างตรงที่พักของทัวร์

Mint_๑๘๑๐๒๗_0039

นั่งพักสักพักก็เอาอุปกรณ์ดำน้ำตื้น เดินไปจุดดู Sardine Run แต่ว่า ให้เหมาะ ควรมาดูช่วงสายนะ เพราะตอนนั้น น้ำขึ้น จะเห็นชัดมาก จากประสบการณ์คราวที่แล้ว คราวนี้น้ำลด ปลาเลยไปอยู่ตรงที่ลึก เลยเห็นไกลๆ คราวนี้ก็ชมปลาเล็กปลาน้อยไปละกัน

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0243

ไปคืนอุปกรณ์ อาบน้ำ แล้วก็ไปกินข้าวกัน ข่าวว่า เพิ่งกินไปเองนะ แหะๆ

แล้วข่าวไม่ค่อยดีว่าด้วยเรื่อง มีฝนตกทั่วบริเวณ อาจจะทำให้เข้า Kawason ไม่ได้ แต่ต้องไปลุ้นหน้างาน

มื้อเย็น Cafe Cebuano Moalboal ร้านกึ่งบาร์ ดูดี หมดไป 4230 เปโซ

Day 3 Canyoneering at Kawason Fall

วันนี้กินข้าวตอน 7.30 น. สั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็จะเร็วเลย กลับไปเอากระเป๋าใหญ๋เช็คเอาท์เลย  9 โมงเดินทางไป Kawason Fall ถึงประมาณ 10 โมงเพื่อรับรู้ว่า ปิดให้บริการ เนื่องจากน้ำป่าเข้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แงงงงงงง ครั้งที่ 2 แล้วนะ

ทัวร์แนะนำให้ไป Aguinid Fall แทน เพราะเราไป Montaneza fall แล้ว ก็ต้องตามนั้น ไม่มีทางเลือกอื่น ปรากฏ น้ำตกนี้เป็นน้ำตกเดียวกับที่โรงแรมที่ oslob แนะนำให้ไปเที่ยวแทน Tumalog Fall แต่งตัวเต็มที่ หมวกกันน๊อก ชูชีพ เพื่อมาเที่ยวน้ำตกเด็กน้อย 555 ทีมสตามมากัน 4 คน เจอบังคับ Local guide อีก 2 คน พยายามชวน Photo photo ตลอด ตอนแรกๆ ก็ยังเซ็งๆ อยู่ พอทำใจได้แล้ว ก็ค่อยปล่อยใจไป ขำๆ ดีเหมือนกัน ก็ถ่ายรูปเล่นกันเต็มที่ ถ้าใครมา Oslob แล้วมีเวลา ก็แนะนำให้มาที่นี่นะ ขับรถมา 1 ชั่วโมงจ้า

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0594

ชิวกันพอสมควร เล่นกันไปท่ามกลางสายฝน จนตก จนหยุด เราก็ใช้เวลากันคุ้มค่าจริงๆ พอจะกลับ ก็ต่อรองกับทัวร์ว่า ไม่กลับไปกินข้าวด้วยแล้วนะ ขอให้รถคันนี้เลยไปส่งเราที่ Oslob เลยละกัน เจ้าหน้าที่ที่มากับเราเหมือนตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายโทรหาเจ้านายได้ ก็เลยตามใจเรา สบายไป ไม่ต้องนั่งรถย้อน แต่เจ้าหน้าที่ลำบากแทน แหะๆ เลยให้ทิปไปหนักหน่อย ค่าเสียเวลา และค่าหิว

มารู้ตอนหลัง จากคนที่ข้ามกิจกรรมอีกเช่นเคยว่า เจ้าหน้าที่มีห้ามคนเข้าไปเป็นช่วง ตามปริมาณฝน มิน่า เราถึงรู้สึกว่า เหมือนได้ครอบครองพื้นที่อยู่แค่กลุ่มเดียว ไม่เห็นมีกลุ่มใหม่เพิ่มเข้ามาเท่าไหร่ น้ำตก 5 ชั้น ก็พาเพลินได้ การจัดการระบบของที่นี่ค่อนข้างดี กระจายรายได้ให้คนท้องถิ่นชัดเจน

เราเข้าที่พักกันได้ ก็อาบน้ำ สั่งอาหารมากินกลางวันมื้อบ่ายแก่อีกเช่นเคย วันนี้ชิวๆ เลยจ้า พักผ่อนกันสุดๆ นั่งๆ นอนๆ เดินเล่นในทะเล เจอหมู่บ้านปูเสฉวน เล่นโดรน กินข้าว เล่นเกมกัน  ย้ายมุมนั่งไปเรื่อยๆ ตามฝน ตามแดด

จ่ายค่าทัวร์ Whale Shark watching กับโรงแรมโลด  เราตัดใจจาก Kawason Canyoning กันเรียบร้อย แม้ทัวร์จะเสนอให้จ่าย 1500 เปโซถ้าจะยังคงไปในวันรุ่งขึ้น ดีแล้วที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะคืนนี้ฝนก็ตกกระหน่ำอีกเช่นเคย

ค่าอาหารกลางวัน + เย็น + ทิป 5900 เปโซ

2 ทุ่มกว่าๆ ก็เข้านอนกันแล้วจ้า แต่นั่งเล่นกันมาหลายชั่วโมงมากเลยนะ

ที่พัก Downsouth Beach Resort, Oslob วันนี้ เราก็นอนกับเพื่อนกลุ่มเดิม เคยมาพักที่นี่แล้ว ก็เลยกลับมาอีก แต่ราคาแพงขึ้นเป็น 1000 เปโซเหมือนกันนะ จองตรง มีแถมเรือคยัค

Day 4 Whale Shark watching, Cebu city and Cebu Airport

ตีห้าครึ่ง พร้อมออกเดินทางไปเลยจ้า ใช้เวลา 15 นาที เราไปลงเป็นลำแรกๆ เลย ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ ระบบการจอดรถ ให้ไปจอดด้านนอก ไม่มีรถแน่นข้างในแล้ว เรือเมื่อออกไปแล้ว จะไปเข้าแถวเป็นแนวยาว ไม่มีการรวมกลุ่มใดๆ ส่วนเรือให้อาหารจะคอยล่อให้เป็นแนว เป็นการเฉลี่ยคน และให้แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี สู้รบกับแค่คนในเรือตัวเอง วันนี้คลื่นค่อนข้างสงบนะ ฉลามวาฬก็มากันเยอะ ไม่ต่ำกว่า 5- 6 ตัว มีตัวใหญ่มาก คอยกินอาหารอยู่ แบบแนวดิ่งเลยนะในบางจังหวะ เหมือนเลี้ยงปลาสวายเลย แล้วก็มีนางแบบชุดขาวเข้ากล้องอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ตอนหลัง เราไม่ถ่ายรูปละ นั่งมองอย่างสงบ สบายกว่าเยอะ ให้เวลา 30 นาทีเช่นเคย

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0685

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0746

กล้องกบ_๑๘๑๐๒๗_0726

กล้องกบ #1_๑๘๑๐๒๗_0040

กลับถึงที่พักยังไม่ 7 โมงเลย ก็เลยไปพายเรอคยัค เล่น Stand up Padding กันต่อ ทะเลสงบเลยบังคับค่อนข้างง่าย อาบน้ำ กินข้าว นั่งคุย เขียนบันทึก รอรถมารับกลับเข้า Cebu City ตอน 11 โมง

นั่งกันมาไม่นอน มีคนบ่นหิวแล้ว ก็แวะทานข้าวร้านอาหารริมทาง ริมถนนเช่นเคย เหมาปลาเค้ามาหมดร้านเลยมั้ง โดนไป 1020 เปโซ (ปลาตัวเล็ก 8 ตัว)  บ่ายสามก็ถึงตัวเมือง แวะเดินเล่นในห้างรอเวลาขึ้นเครื่องบิน ทานร้านอาหารจานด่วน Mang Inasal ร้านไก่ย่าง เราว่า เจ้านี้อร่อยกว่า ไก่ทอดนะ หมดไป 881 เปโซ

ถึงสนามบิน ก็ต้องมีค่า Airport Fee 850 เปโซ อ้อ เรารวมเหรียญให้คนขับรถไปเป็นทิปเพิ่มด้วย น่าจะหลายตังค์อยู่  วันนี้ ไม่มีดีเลย์ใดๆ มีถ่ายภาพเป็นที่ระลึกให้ในสนามบินด้วย บริการตัวเองนะ กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ท่องเที่ยวแบบผจญภัย กับ ประเทศเพื่อนบ้าน ใครชอบ หรือ อยากลองแนวนี้ ตามๆกันมาเลย นอกจาก Canyoning ที่เราไปมา หรือ พลาดไป ก็ยังมีที่ Tison Falls ด้วยนะ จะออกแนวใช้เทคนิคเหมือนกับที่ Montaneza Fall

ค่าใช้จ่าย

  • ค่า Package Tour กับ Planet Action Tour http://www.action-philippines.com/
    • Pick up from the airport, Osmena Peak, 2 Canyoning (3 Days) and drop off at the airport คนละ 7300 เปโซ
  • Whale Shark watching (ซื้อกับโรงแรม รวมรถรับส่ง และอุปกรณ์) คนละ 1300 เปโซ
  • ค่าเครื่องบิน Philippine Airlines คนละ 6970 บาท
  • ค่าธรรมเนียมสนามบินที่ Cebu city กรณีเดินทางต่างประเทศ 850 เปโซ
  • ค่าโรงแรม
    • D’Keco Hotel 2 คืน คนละ 1274 บาท เปโซ โรงแรมใหม่ มีที่ตากผ้าบนดาดฟ้า ไม่มีร้านอาหารในโรงแรม
    • Downsouth 118 at Oslob 1 คืน คนละ 1150 เปโซ โรงแรมดูน่ารัก น่านั่งเล่นพักผ่อน
  • ค่าอาหาร + tip คนละ 3050 เปโซ

รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ 17,300 บาท

อัตราแลกเปลี่ยน .605 บาท – 1 เปโซ

สมาชิก 8 คน 3 ก อ้อม มิ้น วิ พี่โป้ง พี่หญิง

  • เราจะพลาด Kawason Fall กันอีกกี่ครั้ง  ถ้ามีคราวหน้า ต้อง ธ.ค. – เม.ย. เท่านั้น และ บินตรง ราคาโปรโมชั่น
  • พี่โป้งใช้โรงแรมคุ้มมาก
  • ผู้หญิงเรา แข็งแกร่งกันทุกคน ไม่มีงอแง

เครดิตภาพถ่าย กล้องพี่กั้ง กล้องกบ กล้องพี่หญิง กล้องมิ้น

 

28515200_10155444938043951_5359855146628540976_o
เล็งทะเลบัวแดง บึงหนองหาน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานีไว้หลายปี ปีนี้ได้ฤกษ์จองตั๋ว Lion Air ราคาไม่ได้ลดเท่าไหร่ ใช้บริการรถตู้พร้อมคนขับท้องถิ่น เวลาน้อย โปรแกรมเยอะ เป้าหมายหลักคือ ทะเลบัวแดง สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือ วัด วัด และวัด
Lion Air SL 0604 9.50 – 10.50 เข้าไปในสนามบินดอนเมือง แลกสิทธิอาหารฟรีที่แลกได้ หุุหุ อิ่มท้อง ขึ้นเครื่อง นอนหลับไป 1 ชั่วโมง ตอนเราจองตั๋ว ได้น้ำหนัก 15 กก แต่ปีนี้ 2018 ปรับเป็นให้น้ำหนัก 10 กก นะ Check in online ระบุที่ไม่ได้แล้ว เค้าสุ่มเลือกให้เลย
11 โมงกว่าครึ่ง เราก็ออกจากสนามบิน ใช้เวลารอกระเป๋าสักพัก มุ่งตรงไปหามื้อกลางวันทานกันก่อนเลย พี่อรุณคือคนขับเราทริปนี้ สุภาพ และให้ข้อมูลได้จ้า พาเราไปทานที่ร้านส้มตำกลางวัน ส้มตำกุ้งแซบซีรี 730 บาท ออกเดินทางสู่วัดป่าภูก้อน ยังอยู่ในอุดรธานีนะ แต่ก็ชายขอบมากแล้ว ถึงประมาณ 14.40 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ สักการะพระนอนด้วยผ้าไตรที่ทางวัดเตรียมไว้พร้อมภาพที่ระลึก เดินรอบองค์พระ 3 รอบพร้อมตั้งจิตให้อยู่ในความสงบ ที่บอกมานั้น เราไม่ได้ทำเลย แหะๆ
28423876_10155444926478951_8210369975829397089_o
28424110_10155444926923951_1058330351316892222_o
จากคำบอกเล่าของพี่อรุณ วัดป่าเกิดขึ้น ทำให้พื้นที่โดยรอบยังคงเป็นป่าได้ถึงทุกวันนี้ แบบแผนในการสร้างวัดค่อนข้างคล้ายกัน องค์พระสำหรับสักการะจะดูยิ่งใหญ่มาก ผิดภาพวัดป่าในความทรงจำ ระฆังล้อมรอบให้ใช้มือลูบเร็วๆ จนเกิดเสียง ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี มิน่าล่ะ เดินผ่านเห็นคนถูใหญ่เลย ตัวฆ้องใหญ่ยังวาวๆ สีดำออกไปหมดแล้วเห็นเป็นสีทองด้านใน
มุ่งต่อไปยัง วัดผาตากเสื้อ วัดในจังหวัดหนองคายแล้ว สร้าง Skywalk เรียกแขกได้พอตัว ยื่นออกไปจากพื้นดินประมาณ 6 เมตรด้วยงบ 17 ล้าน จากเดิมตั้งใจไว้ 20 เมตร แต่รวบรวมงบได้เท่านี้ ระหว่างแวะซื้อสตอเบอรี่สดส่งตรงมาจากเชียงใหม่ในราคา 160 บาทต่อกล่อง ลูกขนาดกลางๆ หวาน อร่อย
แวะถ่ายรูปสุดแดนสยามริมแม่น้ำโขง กับป้าย 3 แบบเรียงอยู่ริมแม่น้ำโขง
28424498_10155444929668951_6245645760073624874_o
28423650_10155444930558951_3492481840387063995_o
28616370_10155444930853951_7202365837057509554_o
28424704_10155444932708951_3521504586850748579_o
พื้นที่รอบๆ มีองค์พระให้สักการะอีกเป็นระยะ เดินผ่านกุฏิวัดริมผาทำจากไม้ สวยจัง น่าจะของเจ้าอาวาส ที่นี่มีจุดชมแม่น้ำโค้งที่สวยงาม นั่งชมกันได้ชิวๆ พบกลุ่มชาวต่างชาติมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์กับสถานที่จริง ได้ยินถกกันเรื่อง การสร้างเขื่อนที่จีนที่มีผลกระทบมาสู่ลำน้ำโขงแห่งนี้ พามาเรียนรู้ของจริง ดีจังเลย วันรุ่งขึ้น วัดจะมีงานใหญ่ ตกแต่งสถานที่ด้วยตุง มีร้านมาจัดเตรียมออกโรงทานกันมากมาย ดีนะที่เลือกมาวันนี้ ค่อยสงบหน่อย
28423190_10155444933633951_8377495432322755638_o
28514955_10155444934023951_5877029633960013752_o
28424880_10155444934483951_2943370997693394151_o
28337844_10155444934753951_1001450938437960020_o
28619172_10155444935383951_2508587096621565970_o
28516319_10155444935733951_5094206930342424485_o
กลับเข้าตัวเมืองอุดรกันยาวๆ ทานข้าวเย็นที่ที่ร้าน VT แหนมเนือง ร้านขึ้นชื่อของที่นี่ ก็ถือว่าใช้ได้นะ ผักสดมากกกก 1013 บาท เข้าที่พัก 3 ทุ่มครึ่งได้ ที่พักมีที่ให้เดินเล่น สระน้ำน่าเล่น ด้านหน้าปากทางเป็นบึงใหญ่ ปั่นจักรยานได้ มีจักรยานให้ยืมปั่น แต่ก็ได้แต่มอง เหนื่อยแล้ว นั่งชมวิวจากระเบียงแล้วก็พักผ่อนกันจ้า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
11 ก.พ. 61
เป้าหมายของเราคือ ทะเลบัวแดง ตื่นมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันสบายๆ อาหารเช้าที่นี่หลากหลายดีมาก เลือกกินแทบไม่ถูกเลย ตั้งใจออก 7 โมง ก็ออกตอน 7.20 น. เดินทางถึง บึงหนองหาน 8 โมงนิดๆ ไปจ่ายตังค์ค่าเรือ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ใกล้ๆ มีห้องน้ำเสียตังค์สะอาดอยู่ แต่แถวที่จอดรถก็มี ไม่บังคับเสียตังค์
เรือลำใหญ่ นั่งได้ไม่เกิน 6 คน รอบเล็ก 300 บาท รอบใหญ่ 500 บาท
เรือลำเล็ก นั่งได้ไม่เกิน 2 คน รอบเล็ก 100 บาทต่อคน รอบใหญ่ 150 บาทต่อคน
28423470_10155444937313951_5131706808310493295_o
เป็นเรือเครื่องทั้งคู่ แต่ลำเล็กจะสัมผัสกับบัวได้ใกล้ชิดกว่า ตามองเห็นบัวเต็มทุ่ง แต่กล้องเห็นเป็นจุดๆ ต้องหามุมให้บัวโดดเด่นขึ้นมาให้ได้ ยากอยู่ คนเตรียมพร้อมมาสำหรับถ่ายรูปมีให้เห็นเยอะ Prop Post เต็มที่มาก ดูเพลินเลย จอดให้ถ่ายรูป 3 จุดหลักๆ บัวสายในบึงนี้ห้ามกินนะจ๊ะ นกน้อยใหญ่เพียบเลย
28515200_10155444938043951_5359855146628540976_o
28424011_10155444938498951_5428764029084158443_o
28424893_10155444938938951_6684892849119590645_o
28515214_10155444946588951_2504147442825602191_o
28337738_10155444946923951_6397160488612193658_o
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ รับแดดเช้าก่อน 10 โมงอย่างเต็มที่ ลงท่านึง ขึ้นอีกท่านึงใกล้วัด ทำบุญกับคนขายล๊อตเตอรี่ เราก็แวะวัดเข้าห้องน้ำ จะเข้าไปไหว้พระ แต่อุโบสถปิดจ้า ไหว้พระที่อยู่ด้านนอก ปีนขึ้นไปไหว้ ช๊อปปิ้งในตลาดในวัด กินข้าวจี่ร้อนๆ ชมต้นไม้เก่าแก่ของวัด ร่วม 10 โมง มุ่งสู่วัดป่าบ้านตาด วัดป่าของหลวงตามหาบัว
28617038_10155444951008951_6574731578881620453_o
28424254_10155444951973951_421706904399599973_o
28616913_10155444952983951_5856683501901011565_o
11 โมงกว่าๆ ถึงวัด ดูมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง แต่ส่วนพื้นที่ปฏิบัติไม่ได้กว้างมาก เดินเข้าไป รู้สึกได้ถึงความเรียบง่าย สงบ มีศาลาไม้ และ อัฐิของเกจิอาจารย์ทั้งหลายให้กราบไหว้ เดินเข้าไปในสวนป่า เยี่ยมชมกุฏิของหลวงตามหาบัวที่คงสภาพไว้ ณ เวลาสุดท้ายที่สิ้นลมบนเตียงพยาบาล เห็นพื้นที่สำหรับเดินจงกรม ปฏิบัติอยู่ด้านหลาง ลูกไก่ แม่ไก่ พ่อไก่ กระรอกส่งเสียงกันให้ได้ยิน ถ้าปฏิบัติตอนกลางคืน ได้ยินเสียงเหล่านี้ ก็มีหลอนๆ ได้เหมือนกันนะ ไม่เห็น ไม่รู้ จินตนาการไปไกล
28424430_10155444954388951_6213160950145995775_o
28423845_10155444956418951_7233968820370926971_o
ด้านนอกพื้นที่มีอาคารกว้างงงง สำหรับผู้ปฏิบัติ ใกล้ๆ เป็นที่เผาศพจำลองเอาไว้ เวลาคนมาทำบุญข้าวสารกัน ก็จะมากองข้าวกันบริเวณนี้ พบคุณป้าที่มาช่วยงานที่วัด ชวนคุย แนะนำให้ไปชมงานก่อสร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ เราก็แวะไปชมกัน ในพิพิธภัณฑ์มีเสียงของหลวงตาเทศน์อยู่ พร้อมกับเครื่องใช้ต่างๆ แสดงถึงความเรียบง่าย ในตัวพิพิธภัณฑ์อากาศกำลังสบายเลย ส่วนงานเจดีย์จะออกแนวอลังการงานสร้าง มีความรู้สึกว่า ขัดกับความเรียบง่ายของวัดป่าแหล่งนี้ แต่ก็เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยของวัดหลายๆ ที่
28516685_10155444957638951_8335441165471709967_o
เที่ยงครึ่ง มุ่งกลับเข้าตัวเมือง ทานอาหารกลางวันที่ร้านข้าวเปียก อร่อยมากกกกก กินกันอิ่มหมีพีมัน ของทานเล่น ขนมปังทรงเครื่อง และ ขนมเหนียว ก็แปลกและอร่อยดี ดูเป็นอาหารพื้นบ้านแท้ๆ หมดมื้อนี้ไป 515 บาท
ทานเสร็จก็บ่ายกว่าละ ตัดโปรแกรมตลาดผ้านาข่าไปเลย ไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และ ท้าวเวชสุวรรณ แวะทานเค้กชิวๆ กันที่ร้าน Beyond Cafe ยังทานกันได้อีก ว่ากันว่าเป็นสยามแห่งเมืองอุดร ผู้คนมาติวหนังสือ มานั่งทำงานกัน บ่าย 3 ตรงไปวัดประจำเมือง วัดโพธิสมภรณ์ เจดีย์เด่นเป็นสง่า บรรจุอัฐิของหลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น และพระบรมสารีริกธาตุ เดินขึ้นไป 3 ชั้นได้ เห็นคนมาถ่ายรูป Pre Wedding ด้วย และ บางที่ก็เห็นป้ายห้ามถ่าย Pre wedding ด้วย หุหุ
28516617_10155444958578951_5878362751619717800_o
28516119_10155444959263951_2939168315473100055_o
28617281_10155444959798951_8251739493987224200_o
แวะไปซื้อของฝากที่ร้าน VT แหนมเนือง สั่งกันเต็มที่กล่องเล็ก กล่องใหญ่ มีขายให้กลับบ้านได้ทุกเมนู แพ็คให้เสร็จสรรพ เดินทางถึงสนามบิน 4 โมง 15 ได้ เกือบหมดเวลา check-in แต่ก็สนามบินเล็กๆ เช็คเสร็จ เดินไปดูจอว่า กระเป๋าตัวเองผ่านไปแล้ว ขึ้นไปชั้น 2 เข้าไปยัง Gate
มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อย สายการบินโทรเข้ามือถือว่า ให้ลงไปดูกระเป๋าด้วย ตรวจเจอ Power Bank อยู่ ในกระเป๋าแม่เกด เกดก็วิ่งลงไปดู ปล่อยไปคนเดียว แม่เกดก็ลุกไปรอด้วยความเป็นห่วง เอ๋ หรือ เราควรไปด้วย แหะๆ เกดกลับมาก็บอกว่า เป็นอันเล็กมากกกกก ไม่มีไฟแล้วด้วย เคยเอาเก็บในกระเป๋าตอนแอร์เอเชียแล้วผ่าน เลยเก็บ สรุป ไม่ว่าจะขนาดไหนก็จงเอาขึ้นเครื่องค่ะ
มาคราวนี้ เที่ยววัดเยอะ แต่จุดหลักคือ ทะเลบัวแดงนะ เรื่องกินก็สำคัญ มีอยู่ไม่กี่มื้อ ขอร้านเด็ดๆ หน่อย
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ Lion Air เฉลี่ยคนละ 2000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วที่ต้องซื้อใหม่เพราะลงนามสกุลผิดที่โดนไปอีก 2235 บาท
รถตู้วันละ 1800 บาท 2 วัน ค่าน้ำมัน 1550 บาท ทิป 400
ค่าเรือ 500 ค่าทิป 50
ค่าอาหาร+ ขนม = 122+160+ 730+1013+515+408+730 (อาหารเย็นในกรุงเทพ)
ค่าที่พัก Brown House Hotel อยู่ใกล้ Ud Town เข้าซอยลึกมากก ต้องมีรถ บรรยากาศดี นอนสบาย 3 ห้อง 3280 บาท รวมอาหารเช้า
ทริป 2 วัน 1 คืนนี้หมดไปคนละ 4250 บาท
เครดิตภาพ ตนเอง แต่ใช้กล้อง Leica ของพี่สาว
ผู้ร่วมทริป 3ก + แม่ เกด+แม่เกด
ทริปผจญภัย ณ กาญจนบุรีกลับมาอีกครั้งในปีนี้ จากความพยายามจะไปเขาสันช้างเผือกมา 3 ปีกว่า แต่ก็ไม่เคยจะจองได้สักที ปีนี้ ปี 2560 มีคนไปสำรวจเขาแถวๆ นั้น แล้วพบว่า น่าสนใจ น่าสนใจ ได้อารมณ์เขาสันเช้างเผือกฉบับย่อมเยาว์ (ตามคำบอกเล่า) ระยะทางที่สั้นกว่า เดินได้ง่ายกว่า ไม่จำเป็นต้องค้างคืนข้างบน กับเขาจ๊องต่อง แห่งบ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี ทริป 2 วัน 1 คืน
ขบวนรถตู้พร้อมออกเดินทาง 2 รถตู้ 1 รถยนต์ 17 คน รวมกันมาจากหลากหลายทิศทาง ทั้งญาติ เพื่อน เพื่อนตนเอง เพื่อนพี่สาว เพื่อนของเพื่อน เพื่อนประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนเที่ยว รถแบ่งเป็น 3 สาย สายปิ่นเกล้า สายอารีย์ และสายขับไปเอง ออกเดินทางประมาณ 6 โมงเกือบครึ่ง ไปเจอกันที่ร้านข้าวขาหมูบางหว้า (นายต๋อง) แถวนครปฐม ทานอาหารเช้า และทักทายสมาชิกกันให้ครบทุกคน
นั่งรถไปกันยาวๆ แวะปั๊ม เปิด Google map แล้วเปิด Location Sharing เพื่อให้ติดตามกันได้ อันนี้เป็นความรู้ใหม่เลย แต่เล่นเอาแบตฮวบๆ ทีเดียว ถึงบ้านอีต่อง เกือบบ่ายได้ ทานข้าวกลางวันกันก่อนที่ร้านอาหารของเหมืองสมศักดิ์ (บ้านป้าเกล็น)บริเวณหมู่บ้านอีต่อง บ่าย 2 ขนสัมภาระขึ้นรถกะบะเพื่อให้รถนำของไปไว้ที่บ้านพัก ส่วนตัวเราขึ้นรถกะบะกันไปอีก 2 คนเพื่อเดินทางไปหน่วยจัดการต้นน้ำปิล๊อก ทางเข้าเดียวกับทางไปเหมืองสมศักดิ์ แต่มีทางแยกกันอีกทาง นั่งรถเข้าไปร่วมชั่วโมง เริ่มเดินขึ้นประมาณบ่าย 3 แต่จริงๆ ควรเริ่มสักบ่ายสองเพื่อจะได้มีเวลานั่งเล่นเดินเล่นด้านบนอีก เข้าห้องน้ำธรรมชาติข้างทางกันให้เรียบร้อย แต่เดินเข้าไปก็พอมีห้องน้ำให้เข้าอยู่บ้างเพราะเป็นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0205
ชุดต้องพร้อม กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว รองเท้ากระชับ หุ้มเท้าได้ยิ่งดี รองเท้าแตะหากเห็นใครใส่ในรีวิวแล้วขึ้นไป จงรู้ไว้ว่า เค้าคิดผิด และทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิด จริงอยู่ว่า ขึ้นได้จริง แต่มันไม่สะดวกอย่างแรงงงงง เราเตือนท่านแล้ววววววววว
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0194
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0187
กล้องแจ็ค_๑๗๑๒๑๓_0036
ระยะเดินเข้าไปประมาณ 2 กิโลกว่าๆ ช่วงแรกเป็นทางลาดชันระดับไปเที่ยวน้ำตกทั่วๆ ไป สองข้างทางยังเป็นป่า มีดอกไม้ดอกเล็กๆ สีม่วง สีเหลืองตามทาง มีร่องหลุมบ้างเป็นหย่อมๆ เดินตัดทางน้ำที่ว่ากันว่า เติมน้ำไปดื่มได้นะ แต่เราเดินกันสั้นๆ ไม่ได้ค้างคืนด้านบน ที่พกมาสบายมากกก ใครขยันแบกของขึ้นมา ขอบอกว่า มาแบบตัวเบาๆ ดีกว่า เพื่อนเราพกกล้องใหญ่ ฝากกล้องให้เพื่อนอีกคน กระเป๋าก็ฝากให้เจ้าหน้าที่ โยนของเป็นภาระคนอื่นหมด พกแบบนี้มาหลายทริปละ ทิ้งของตลอด ไม่เข็ด แล้วก็มาโวยวายว่า ไหนบอกว่า เดินชิวๆ ใคร ใคร ใครบอก 555 ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่คือ คำบ่นจากคนไม่เดินป่า สายเดินป่า เค้าเดินกันสบายๆ ช่วยแบกกล้องให้ด้วย อีกคนนำลิ่วไปแล้ว ส่วนตัวเรา เราว่า เดินได้นะ ไม่เหนื่อยจนเกินไป วิวร้อยล้านเลย อ้อ เราเกือบทิ้งพื้นรองเท้าไว้ที่นี่ซะแล้ว กาวมันหมดอายุละ ตอนแรกเจ้าหน้าที่เสียสละเชือกร้อยกางเกงมาให้ แต่ก็หลุดระหว่างทางอยู่ดี มาเห็นเชือกอีกทีพันรองเท้าของเจ้าหน้าที่อีกคนอยู่ ส่วนพื้นรองเท้าก็หลุดไปแล้ว ขอบคุณน้องร่วมทริปที่ตาดีมองเห็น เลยได้เก็บกลับมาบ้าน มาให้ช่างรองเท้าเย็บให้ หุหุ
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0005
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0009
ความสนุกมันมาเกิดตอนช่วงสุดท้ายของการขึ้นนี่แหละ เราต้องลุยเข้าไปตรงเนินๆ ความชันระดับ 70 องศา ดึงตัวขึ้นไปด้วยการโหนหญ้าคา ถุงมือ เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย เดินๆ ไต่ๆ ขึ้นไป ต้องมองๆ ว่าตกลงไปทางไหน เพราะบางทีมันมี 2 แนว มีคนมาตัดฟันหญ้านำไว้ก่อน ก็กลุ่มที่ขึ้นก่อนนั่นแหละ มองกลับมาก็จะเห็นวิวสันเขาช้างเผือกและอีกหลากหลายเนินกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ สวยมากกกกก มองขึ้นไปข้างบน เห็นต้นไม้กิ่งเดี่ยวๆ ที่เจ้าหน้าที่คอยบอกว่า ตรงนั้นแหละ เอ่อ จากต้นนั้น ก็ไปอีกต้น และไปอีกต้น สรุปต้นไหนฟะ กับอีกประโยคที่ว่า อีกนิด อีกไม่ไกล
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0169
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0015
ระหว่างทางขึ้น เสียงร้องว่า รอตรงนี้นะ ไม่ไหวแล้ว เจ็บขา เจ็บก้น ไม่พร้อม รอตรงนี้ได้ไหม มีให้ได้ยินตลอดทาง ก็ให้กำลังใจกันไป สุดท้ายทุกคนก็ทำได้ ขึ้นไปจนถึงก่อนเนินสูง และทุกคนก็ได้เดินบนเนินสูง จะเนินรก หรือ เนินราบเท่านั้นเอง
การคว้าหญ้า คว้าให้มั่น คุณอาจไปคว้าต้นที่รากหลุดไปแล้วได้ บางทีอาจเผลอไปคว้าต้นไม้มีหนาม ซึ่งคาดว่าโดนกันไปหลายคน จนเค้าต้องฟันทิ้งในที่สุด ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ และความหวิวทางด้านซ้ายมือ ใช่จ้า เราเดินติดกับไหล่เขาเลย ถ้าลื่นลงไป คงกลิ้งไปได้ไกลประมาณนึง มุ่งหน้าก้าวขึ้นโลดดดด ก้าว ก้าว ก้าว ก้าว มีบังเกอร์อยู่ด้านบนด้วย เกือบเผลอเดินเข้าไป มองวิวฝั่งพม่า ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ รูปรวมก็มา เจ้าหน้าที่ฟันหญ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ด้วย แสงสวยจริงๆ วิวก็ดีมากกก ลมเย็นสบาย โดนดับฝันด้วยคำบอกของเจ้าหน้าที่ว่า อีก 5 นาทีต้องลงแล้วนะครับ เดี๋ยวจะลงไม่ทันมืด เค้ากะเวลาได้เก่งมากจริงๆ ลงไปถึงก็มืดพอดี
กล้องแจ็ค_๑๗๑๒๑๓_0045
S__59580440
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0031
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0153
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0030
S__59580443
S__59580439
แต่ช่วงลงตรงช่วงหญ้านี่สิ ตอนขึ้นก็คิดอยู่ว่า จะลงยังไง ปรากฏขาลง สไลด์ลงกันอย่างสนุกสนาน จังหวะเนินชันๆ เราสไลด์ลงด้วยเท้าเลยจ้า สนุกดี แต่ถูกเถาวัลย์รั้งไว้บ้าง เลยไปได้ไม่สุด ลงมาเจอกับกลุ่มที่ไม่ได้ขึ้นเนินนี่ แต่ไปเดินเนินข้างๆ ที่มองดูสวยพอกัน และเดินง่ายกว่าเยอะ เนินนั้นเจ้าหน้าที่เตือนว่า อย่าไปไกล มีบังเกอร์เยอะ พลาดจะตกลงไป ไม้เท้ากองอยู่ตรงทางขึ้นพงหญ้าเพียบ เก็บกลับมาให้ครบ เดินลงด้วยความเร็ว แวะเข้าห้องน้ำ ขึ้นรถกะบะลุยเข้าเหมืองสมศักดิ์กันอีกเกือบชั่วโมง คืนนี้พระจันทร์สวยมากกก เห็นหิ่งห้อยกันด้วยจ้า แสงแวบๆ และเสียงเจ้าที่ที่คอยบอก ถึงแล้ว ถึงแล้ว ถึงแล้ว ถึงแล้ว มาเฉลยว่า ถึงแล้ว คือ ถึงโค้งอีกแล้ว

S__59580442

สังเกตไหล่เขาด้วยนะคะ หุหุ
Day 1_๑๗๑๒๑๓_0032
Day 1_๑๗๑๒๑๓_0026
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0140

กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0148

ฟัน ฟัน ฟัน นำทางเข้าไปค่า

กล้องตุ๋ม_๑๗๑๒๑๓_0045

จุดเริ่มต้นของการตะลุยทุ่งหญ้า
ทางเข้าที่พักและทางเข้าจุดปีนเขาจ๊อกต่อง สมบุกสมบันมากกกก ประหนึ่งเล่นล่องแก่งบก แขนขาลำตัวเกร็งกันไปหมด ร่วมชั่วโมง หลบกิ่งไม้กันดีๆ ด้วย ฝั่งซ้ายฝั่งขวา คำสั่งซ้ายหลบ ขวาหลบ ตอนหลังเหลือแค่หลบ รวมเบ็ดเสร็จก็เกือบ 4 ชั่วโมงนะ ที่เราต้องนั่งบนรถกะบะแบบนี้
ถึงที่พัก ตกลงกันเรื่องห้อง ได้ห้อง 3+5 คนตรงใกล้ที่ทานข้าวหลัก และห้องละ 4 คน อีก 3 ห้องที่บ้านริมลำธาร ที่พักจัดให้ทานอาหารที่บ้านริมธาร ขน BBQ มาให้ พร้อมกับข้าวอีก 3 อย่าง เสียดายว่า BBQ ชุดแรกไม่ค่อยร้อน ส่วนชุดที่ตบท้ายก็มาช้าไปนิด อิ่มกันหมดละ ช่วยกินกันได้คนละนิดหน่อย อร่อยดีเมื่อกินตอนร้อนๆ จานเต็มโต๊ะเลยกว่าจะมาเก็บก็ตอนเช้า เครื่องทำน้ำร้อนและไฟหลักจะดับตอน 22.00 น. เลยต้องผลัดกันอาบน้ำ ห้องผู้ชายได้ห้องที่มีห้องน้ำ 2 ห้อง เป็นห้องมีเครื่องทำความร้อน 1 ห้อง น้ำเย็น 1 ห้อง ห้องผู้หญิงได้ห้องน้ำ 1 ห้อง แต่เสียไปห้องนึง ส่วนห้องเราไม่ค่อยร้อนจ้า ช่างมาช่วยซ่อมให้ แต่ก็อาบกันไปเกือบหมดแล้ว เนื่องจากต้องทยอยอาบน้ำ สุดท้ายเลยไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอะไรกัน แต่ก็ดื่มไวน์และคุยกันไปบ้าง วันนี้ก็นอนเร็วกันไป
บ้านป้าเกล็น ค่อนข้างทรุดโทรม แต่ก็ยังคงความดิบ ความน่ารักของเจ้าบ้านอยู่ กินเค้กกันอย่างเมามันส์ เด่นสุดก็เค้กแครอทและเค้กกล้วยจ้า
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0050
ยามเช้า ตื่นกันมาโดยไม่ต้องปลุก เดินไปทานข้าวที่โซนหลัก ได้พบกับป้าเกล็น ภาพบรรยากาศต่างๆ มีข้าวต้ม ไข่ดาว และขนมปังเป็นอาหารเช้า อิ่ม อร่อย กับอาหารง่าย ถ่ายภาพร่วมกับป้าเกล็นเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมเพรียงกันภาพแรก
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0018
แอ้_๑๗๑๒๑๓_0005
ออกเดินทางไปต่อ แผนแรกจะแวะ ทางรถไฟสายมรณะ แต่ดูเวลาแล้วไม่พอ ทานเข้าวเที่ยงเสร็จ แวะกินโรตีมะพร้าวหน้าน้ำตกไทรโยค แยกย้ายจากกลุ่มขับรถมาเองที่จะไปหาที่พักนอนต่อ เรามุ่งไปซาฟารี ปาร์ค บ่อพลอย เมืองกาญจน์ ที่มีภาพยีราฟยื่นเข้ามากินอาหารในรถเป็นจุดขาย ก็เหมือนมาย้อนวัยกันนิดๆ รถบัสคันใหญ่จุเราทั้งกลุ่มได้หมด เป็นรถส่วนตัวไปเลย ไกด์ตุ๋มดูสนุกกว่าเพื่อน แถมแกล้งกวางอย่างเมามันส์ ถืออาหารให้กวางวิ่งตามซะงั้น บรรยากาศที่นี่ดูร่มรื่น มีบ่อน้ำให้ทุกโซน สัตว์เลี้ยงดูเชื่องมากกกก โซนเสือดาว เสือโคร่ง สิงโตนี่ เจ้าหน้าที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ เสือกันเลยทีเดียว เพลินๆ กันไป
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0054
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0057

กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0058

ขอแครอทบ้างคับ
เรามาถึงก็เย็นแล้ว ยีราฟคงจะอิ่ม เป็นด่านสุดท้ายด้วย ทุกคนก็คงจะเก็บอาหารไว้รอให้ เลยแบ่งๆไปให้ม้าลายบ้าง ม้าลายสวยมากกก แต่ทำไมนกกระจอกเทศที่นี่ขนลุดลุ่ยสุดๆ รออยู่สักพัก ก็มียีราฟหนึ่งตัวเข้ามาเล่นด้วย สนุกสนานกันใหญ่เลย มันดึงแครอทสุดตัว มีแกล้งดึงอาหารมันไว้ด้วย 555 ช่างแกล้งกันจริงๆ
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0036
กล้องกบ_๑๗๑๒๑๓_0060
กล้องกั้ง_๑๗๑๒๑๓_0059
S__59580444
จบจากชมซาฟารี มีโชว์ให้ดูต่อด้วย เรามาไม่ทันดูโชว์ช้าง เหลือโชว์จระเข้ให้ดู ก็เลยเข้าไปดู ก็โชว์จระเข้นั่นแหละ คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้เท่าไหร่ละ อ้าปากค้างรอ มือ ศีรษะ เหรียญ ธนบัตรกันไป แต่จังหวะรอเงินนี่นานไปหน่อยนะ เค้าลากจระเข้มาไว้ริมบ่อให้ได้ลองจับ ก็นิ่มๆ แข็งๆ เอ๊ะ ยังไง
กลับๆๆๆๆ แยกย้ายเป็น 2 สายอีกละ สายเราพี่สาวอยากกินขากบ ไปแวะร้านท้องถิ่นที่มีคนแนะนำ ชื่อร้านกบทอด อิ่มอร่อยกันไป กลับเข้าถึงกรุงเทพร่วม 3 ทุ่ม ส่วนอีกคันอยากกลับเร็ว บอกอาจจะแวะกินอะไรง่ายๆ เร็วๆ แต่สุดท้ายรถติดจ้า วิ่งเข้าเส้นบรมตรงๆ เพื่อส่งคนด้วย เจอพี่ตูนวิ่งเข้ากรุงเทพพอดี ก็ต้องทำใจนะ เราหลบเข้าสายออกตัดใหม่สี่แยกพรานนก ก็สบายไป
เป็นอันจบทริป ผจญภัยเบาๆ พักเหมืองสมศักดิ์ที่เล็งมานาน เมืองกาญจน์ยังมีอีกหลายที่ให้ได้มาผจญภัยนะ ทริปหน้าจะเป็นกาญจน์หรือไม่ หรือจะย้ายจังหวัด ก็ต้องมารอดูกัน
รายงานสภาพหลังจากกลับบ้าน รุ่งขึ้นก็ปวดเมื่อยตามปกติจ้า
ผู้จัด ตุ๋ม สนใจติดต่อได้นะ โดยเฉพาะล่องแก่งน้ำว้า ใช้บริการกันมานาน Chiraporn Tummum
ทริป เขาจ๊อกต่อง พักเหมืองสมศักดิ์ เยือนซาฟารีปาร์ค 2 – 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560
สมาชิก 3 ก พี่โจอี้ ป้าสมหญิง พี่แอ้ พี่เข็ม อ้อม มิ้น แจ็ค กอล์ฟ ปิ๊ก บอล พี่ปุ๊ก พี่กุ๊ก พี่โอ๋ พี่แจ้(พีเจน) จริงๆ ควรมี 19 คน แต่สละเรือด่วนๆ คืนก่อนไป พยายามขายโปรทัวร์ไฟไหม้ ก็ติดกันซะงั้น
ค่าทริป คนละ 4,200 บาท
เครดิตภาพถ่าย ตุ๋ม พี่เข็ม พี่กั้ง และตนเอง
ฤกษ์งามยามดี วางแผนไปเยือนอิหร่าน ประเทศที่สื่อมะกันมักโจมตีจนรู้สึกว่า ไม่ค่อยปลอดภัยนะ แต่ตอนนี้เลิก Sanction แล้ว สายการบินหลายๆ ประเทศเริ่มเปิดตัว ตั้งแต่ แอร์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน (จากมีบินตรงเป็นไม่บินตรง) ตามมาด้วย การบินไทย
เราเลือกเที่ยว เมือง 5 เมือง Kashan, Isfahan (Esfahan), Yazd, Shiraz และ Tehran ก็ยังคงขาดเมืองทางเหนือ และ โซนทะเลทรายไกลๆ อย่างเมือง Bam แต่อยากไปแบบชิวๆ ดูได้เรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ขอใช้เวลา 12 วันเต็มกับเมืองเหล่านี้ แต่กลับมา ก็คิดว่า น่าจะปรับได้อีกบ้างอยู่ดี
ไปเดือน ต.ค. ไม่มีหิมะ ไม่มีดอกไม้ พอจะมีใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง แต่มีความสะดวกจ้า อากาศก็ไม่เย็นจนเกินไป เสื้อหนาวไม่ต้อง คือ ขนาดเสื้อหนาวไม่ต้อง ยังกระเป๋าแน่นกันกว่าที่คิดทุกคนเพราะข้อกำหนดในเรื่องการแต่งกายที่บังคับให้ต้องใส่เสื้อแขนยาว และ ตัวเสื้อต้องคลุมเลยเอว และต้องมีผ้าคลุมหัวนั่นเอง
วันที่ 1 (12 ต.ค. 60) วันพฤหัสบดี
เดินทางจาก กทม ด้วยสายการบินไทย ช่วงบ่ายสาม ถึง ประมาณ 2 ทุ่ม เวลาอิหร่าน เห็นว่าต่อคิวผ่านตมนาน แลกเงินโดนจำกัดเงินอีก ให้ไม่เกินคนละ 50 ยูโร แลกกันมาได้ แค่ไม่กี่คน รถบัสมารับด้านหน้าเลย กว่าจะถึงโรงแรมก็ร่วม 4-5 ทุ่ม ส่วนเราเดินทางด้วย Mahan Air สายการบินประจำชาติอิหร่าน ออก สี่ทุ่มกว่า ถึงอิหร่าน ตีสองครึ่ง เดินตัวปลิว ออกไปแลกเงินรอแท็กซี่มารับ แลกได้มา 400 ยูโร ด้วยเรท 48+++ ต่อยูโร เป็นเรทที่ดีที่สุดแล้ว (ไม่ได้หมายความว่า เรทที่สนามบินจะได้เรทดีนะ แค่ว่าวันนั้นเรทดีเท่านั้น) กลับมาเจอแท็กซี่ ลากกระเป๋าข้ามไปที่จอดรถ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ รถวิ่งฉิว เห็นวิวมัสยิดตอนกลางคืนระหว่างทาง ถึงที่พัก เข้าห้องนอนโลด
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ที่พัก Markazi Hotel โรงแรมเล็ก เราน่าจะอยู่ห้อง Standard ก็ธรรมดาทั่วไป
วันที่ 2 (13 ต.ค. 60) วันศุกร์
Qom – Kashan: Fatima Masumeh Shrine
8 โมงเช้า เจอกันทั้งคณะ 11 ชีวิต เกิน 70 ปี 3 คน ผู้หญิง 9 ผู้ชาย 2 เราเด็กสุด หุหุ 9 โมง คนขับรถก็มารับเรามุ่งสู่เมือง Kashan เมืองเล็กๆ ห่างจาก Tehran ประมาณ 220 กิโล ระหว่างทาง แวะ Shrine แรกในชีวิต ณ เมือง Qom Fatima Masumeh Shrine ต้องใส่ชุดชาโด ลายผ้าปูที่นอน ผืนใหญ่คลุมทั้งตัว คนท้องถิ่นใส่สีดำล้วน ตื่นตาตื่นใจมากกกกกก มีหลายส่วน ค่อยๆ ต่อเติมกันมาหลายร้อยปี ลายกระเบื้องสวยงาม การตกแต่งด้วยกระจกในส่วนเมนหลักที่เก็บศพของคนสำคัญ ที่นี่ ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามเข้าไปด้านใน แต่แค่อยู่บริเวณรอบๆอาคารก็ละลานตาแล้วจ้า
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ตอนแรกอยากกินข้าวกลางวันก่อนแล้วค่อยเข้าชม แต่ไกด์เมืองนี้บอกว่า ร้านอยู่อีกที่ ขอให้ชมก่อน ยังเกรงว่า จะชมกันด้วยความหิวโหย ปรากฏใช้เวลากันยาวนาน จบการชมถึงเริ่มออกอาการหิวโหยกันต่อ เอ กระเพาะหยุดทำงานกันได้ด้วยค่ะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารในบ้านเก่า พออยู่ไปเรื่อยๆ ร้านก็จะหน้าตาประมาณนี้ทั้งนั้นแหละ แต่มื้อแรกไง ยังไงก็รู้สึกดี Kebab ทั้งหลายจัดมาให้หมด รวมมิตรมาในถาดใหญ่ น่ากินมากกก แต่ก็มีคนเอาน้ำพริกออกมาร่วมแจมในทันที ยิ่งเพิ่มรสชาดให้กับอาหารปิ้งย่างเข้าไปใหญ่ บางคนนึกถึงแจ่วเลย (เพราะฉะนั้น ถ้ามาติดแจ่วมาเพิ่มรสชาดด้วยนะ)

Lunch

CR Dowrai
sdr
นั่งรถกันต่อ ถึง Kashan ก็เย็นๆ พอดี และแล้ว เราก็ได้รู้ว่า คนขับเรานั้น ขับรถได้ปลอดภัยมาก รักษาความเร็วตลอด 80 กม ต่อ ชั่วโมง ที่เที่ยวที่ว่าจะแวะวันนี้เป็นอันรวบไปพรุ่งนี้ นัดเจอกับ Fatima แลนด์ที่เราติดต่อด้วย ให้มาเคลียร์เงิน และรับตั๋วเครื่องบินภายในที่ต้องใช้ในท้ายทริป (อันนี้บอกไว้เลย ขอให้บินไปก่อน แล้วค่อยนั่งรถย้อนกลับมา จะได้ไม่ห่วงเรื่องน้ำหนัก ถึงแม้ว่า ถั่วส่วนใหญ่จะแนะนำให้ซื้อที่เตฮรานก็เถอะ แต่กระเบื้องที่มีคนชอบแบกก็เอาเรื่องนะ)
ที่พัก Eshan Traditional Hotel ที่พักน่ารักมาก แต่ก็มีความหลากหลายมากเช่นกัน มีตั้งแต่ห้องหรูหราไฮโซไปจนถึงห้องใต้หลังคา ที่พักมี 2 โซนนะ แบ่งเป็นโซนเก่า และ โซนใหม่ เราว่า โซนเก่ามีความสนุกกว่า ห้องหน้าตากหลากหลายดี คราวนี้เราได้อยู่ชั้นบนสุด ขั้นบันไดซอกแซกกว่าจะถึง เป็นห้องใต้หลังคา อารมณ์ห้องของซินเดอเรลล่าเลย พี่สาวบอก มันคือ ห้องคนใช้ ห้องกว้างขวาง มีบางห้องต้องขึ้นบันไดไม้สูงๆ ที่นี่ เราแนะนำเลย ถ้าคิดจะพักที่เมืองนี้ นอนที่นี่ไม่ผิดหวัง
L – Yazdan Panah Historical House เป็นมื้อแรกของที่นี่ ถือว่าประทับใจ เจ้าของร้านพยายามโปรโมทร้านอยู่ ขอถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอสัมภาษณ์ แหม ใช้งานขนาดนี้น่าจะลดราคาให้บ้างนะ 4,812,350
D – Mazaffa Traditional Restaurant 1,380,000 มื้อนี้กินเบาๆ เพราะอิ่มมาจากมือกลางวัน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
วันที่ 3 (14 ต.ค. 60) วันเสาร์
Kashan: Doing Aqa Bozorg Mosque – Soltan Amir Ahmad Bathhouse (150,000) – Tabatee House (120,000) – Helal Blue Shrine – Sand Dune – ทะเลเกลือ
ตื่นเช้ามา ฟาติมา ไกด์สาวชาวอิหร่าน เจ้าของ Agent ที่เราติดต่อด้วยเป็นดูแลเอง ท้อง 6 เดือนแล้วนะ พาไป Doing Aqa Bozorg Mosque ตรงข้ามกับที่พักเราก่อน บรรยากาศสงบเงียบมาก มีที่เรียนหน้งสืออยู่ด้านล่างด้วย ลายกระเบื้องยังคงสวยงาม ขั้นบันไดมีความแคบ เพื่อประหยัดพื้นที่เลยต้องทำสูง ลักษณะทั่วไปของ Mosque คือจะมีพื้นสำหรับหรับฤดูร้อน (เป็นลานกว้าง) และ ฤดูหนาว (ภายในอาคาร) มีช่องๆ อยู่ข้างกำแพง ประมาณว่าให้นั่งคุยกัน นั่งเรียนรู้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
นั่งรถไปยัง Bathhouse เป็นที่อาบน้ำที่สวยมากกก ตั้งแต่พื้นที่ถอดรองเท้า เปลี่ยนชุด เก็บเสื้อผ้า โซนอาบน้ำ บ่อน้ำร้อน บ่อน้ำเย็น ห้องโกน ห้องบำบัด Cupping สวยไปหมด อยู่ถ่ายรูปกันได้นานเลย ไม่ได้ถามรายละเอียดว่าเค้าอาบน้ำกันยังไง ใส่ผ้าเข้ามาบ้างไหม ดาดฟ้าของตัวโรงอาบน้ำก็สวยงาม มีโดมเล็กใหญ่เต็มไปหมด ตามห้องที่มีด้วย ประหนึ่งงานของเกาดี้เลย แล้วเกาดี้คือใคร 555 เป็นศิลปินและสถาปนิกชื่อดังที่มีงานออกแบบแปลกๆ แหวกแนว แฟนตาซีหน่อยๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ที่นี่มีบ้านเศรษฐีให้เข้าชมหลายหลัง เราเลือกเข้าชมที่ Tabatee House บ้านเศรษฐีธุรกิจพรม มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ติดต่อธุรกิจ รับรองแขก อีกโซนคือพื้นที่ส่วนตัว แนวนิยม คือเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม อาคารล้อมรอบ ตรงกลางเป็นสวน และ มีน้ำพุ ใต้ดินจะมีทางน้ำ เพื่อช่วยระบายอากาศและเพิ่มความเย็น
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ตัวอาคารตกแต่งด้วย กระเบื้อง กระจก และ ไม้ กระจกสีๆ ที่นี่ก็มีให้เห็นบ้างนะ ต้องคุยธุรกิจขนาดไหนถึงต้องทำยิ่งใหญ่แบบนี้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ค่าเข้าที่นี่พิเศษหน่อย เค้าไม่คิดผู้อาวุโส ถามไปเล่นๆ ได้ด้วย แต่ก็ได้ที่เดียวแหละ ส่วนใหญ่จะเป็น 10 แถม 1 ประมาณว่า อีกคนเป็นผู้นำทัวร์นะ
เดินไปทานข้าวในโซนร้านอาหารของบ้านเศรษฐี Abbasi ก็อาหารพื้นเมือง แกะย่าง ไก่ย่าง เนื้อย่าง ปลาทอด ไม่เข้าใจว่า ทำไม่ไม่ค่อยทำปลาแบบอื่นเลย เจอกี่ที่ก็มีแต่ปลาทอด
บ่ายนี้เรามุ่งไปทะเลทรายกัน เดินทางด้วยรถจิ๊บ 3 คน คนขับก็คือคนนำไปนั่นเอง แวะชม Helal Blue Shrine กันก่อน สวมใส่ชาโดกันเองเลย ที่ีนี่เราเดินเข้าไปด้านในเพื่อไปเคารพศพด้วย มีกระจกสีให้ถ่ายด้วยนะ ถือเป็นการลองมุม จับย้ายสิ่งกีดขวางกันเองเลย เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ไปตะลุยต่อในทะเลทราย คนขับพยายามจะขับแนวผจญภัย แต่รถเรานิ่งๆ เค้าก็เลยไม่ได้เล่นต่อ ผิดกับคันอื่นๆ เด้งซ้าย เด้งขวากันมันส์เลย เปิดเพลงเสียงดังด้วย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ไปชมเนินทะเลทรายกัน แต่เวลาน้อยไปนิด ถ้าได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกที่นี่เลยน่าจะฟินกว่านี้ เราไปปิดท้ายกันที่ทะเลเกลือสีเทาๆ แล้วค่อยมุ่งไปนอนในคาราวานซิราย เป็นอาคารสี่เหลี่ยมล้อมรอบ ตรงกลางเป็นที่ว่าง มีช่องๆ ทำเป็นห้องๆ กั้นไว้ มี 2 ชั้นนะ เหมือนด้านในจะมีให้สัตว์เลี้ยง หรือ ยานพาหนะอยู่ได้ด้วย ห้องเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง จุได้ 6 คนบ้าง 10 คนบ้าง เราขอห้องเล็กๆ หลายๆ ห้อง เพื่อไม่ให้อึดอัดกัน ก็นอนกันแบบดิบๆ มีผ้าห่ม หมอนให้พร้อม ข้างในค่อนข้างอุ่นเลย ห้องน้ำอยู่ด้านนอกเลย จัดเวลาในการเข้าห้องน้ำกันดีๆ ละกัน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
อาหารเย็นจัดทำโดยคนขับนั่นแหละ ก็เป็นของทอดซะส่วนใหญ่ ก็พอกินได้ นั่งคุยนั่งเล่นกันไป เสียดายไม่ได้พกไพ่เศรษฐีมา เวลาเยอะ จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เช็ดตัวด้วยกระดาษทิชชู่เปียก ไปล้างหน้าแปรงฟัน แวบไปดูพี่ที่ไปถ่ายรูปดาว ทางช้างเผือก เดินออกไปข้างนอกอาคาร หงายหน้าขึ้นตรงๆ โอ้ ชัดจ้า ชัดมากกกก เราก็เสพภาพด้วยตา ให้พี่เค้าถ่ายรูปไป พยายามอยู่นานมากเพราะไม่คุ้นกับกล้อง สุดท้ายคว้ามือถือขึ้นมาถ่าย จบกัน ได้มาเรียบร้อย เห็นว่า ตีสองออกมาแก้มือใหม่ด้วย ส่วนห้องเรานอนกันเงียบ ไม่มีใครออกมาระหว่างทางเลย แต่เช้าปุ๊บเผ่นมาเข้าห้องน้ำกันทุกคน

Stars

CR P’Air
เล่าเป็นประสบการณ์ ส่วนใครอยากจะมาหรือไม่ คงต้องแล้วแต่ความชอบ ส่วนตัวเรา ก็ถือว่ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยมานอนที่พักกลางทะเลทรายแบบค่อนข้างดิบ ไร้การตกแต่งเพิ่มเติม ทะเลทรายก็พอไหว ทะเลเกลืออย่าคาดหวัง มาสัมผัสบรรยากาศค่า
พัก Caravanserai
วันที่ 4 (15 ต.ค. 60) วันศุกร์
ทะเลเกลือ(อีกครั้ง) – Under ground city of Nooshabad (200,000) – Fin Garden (200,000) – Abyaneh Historical Village (200,000)
นักท่องเที่ยวตื่นเช้ากันหมด แต่ทีมทำอาหารกว่าจะเริ่มทำก็สายละ กว่าจะได้กิน กว่าจะกินเสร็จ ก็ร่วม 8 โมงกว่า 9 เราจะไปแก้มือทะเลเกลือช่วงเข้ากันอีกรอบ มันก็ไม่ขาวขึ้นหรอก แต่ถ่ายรูปเล่นได้มากขึ้น จากนั้นก็ตรงไปเมืองใต้ดิน ถ้าใครไม่เคยไปเมืองแบบนี้ที่ไหนเลย ก็นับเป็นความตื่นเต้นได้ ระบบระบายอากาศที่นี่ค่อนข้างดี มีคล้ายช่องแอร์ด้วย ดันอากาศจากชั้นล่าง มาชั้นบน มีกับดักป้องกันอันตราย มีช่องนอนเล็กๆ มีมุมห้องน้ำ ค้นพบเพราะบ้านข้างบนปรับปรุงจะทำห้องครัว พอขุดแล้วพื้นเป็นรู ต้องขอบคุณบ้านหลังนั้นนะ ทำให้เราได้เจอ มีไกด์ประจำสถานที่คอยให้ข้อมูลอยู่ ที่นี่เราต่อรองการจ่ายเงิน ขอราคาผู้อาวุโสได้ด้วย มีที่เดียวแหละที่ได้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
กลับเข้าตัวเมือง Kashan มาเจอกับรถตู้อีกครั้งพร้อมเจอ Fatima ด้วย ที่มารอส่งเราไป Fin Garden คือ ไม่ได้ไปด้วยอะ แล้วมารอทำไม หิวแล้ว ขอให้หาอะไรกินง่ายๆ แต่เหมือนจะหายากเหลือเกิน จนถึงที่เที่ยวก็เลยเข้าไปเที่ยวเลย เจอร้านอาหารด้านในก็สั่งอาหารกินกันทันที อิ่ม อร่อย บรรยากาศใช้ได้ 555 คนมัันหิว สวนสวย อาคารสวย มีห้องอาบน้ำในนี้ด้วย มีเหตุฆาตกรรมบุคคลสำคัญเกิดขึ้นที่นี่ มีเรื่องราวเล่าไว้ให้ไปอ่านได้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้าน Abyaneh หมู่บ้านเล็กๆ สีแดงอิฐ มีคนอยู่จริง ไม่มาก เป็นบ้านว่างไปซะมาก ปลูกสร้างด้วยดินแดงอัดฟาง อายุมากกว่า 2500 ปี เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอย คนขับพาเราไปเดินลุยทะลุสวนชาวบ้าน เพื่อพาไปหามุมถ่ายรูปที่เราขอไว้ เอ่อ มันก็คล้ายๆ นะ แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว ขากลับเด็ดแอปเปิ้ลชาวบ้านเค้าอีกต่างหาก กินกันเต็มที่เลย แหะๆ จากนั้นก็มาเดินเล่นในหมู่บ้านกันชิวๆ แถมช็อปปิ้งกันอีกต่างหาก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

APPle

CR ???
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เดินทางต่อไปยังเมือง Esfahan/Isfahan อดีตเมืองหลวง ระหว่างทางยังมีทางช้างเผือกให้พี่ร่วมทริปได้เก็บภาพอีกต่างหาก ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงถึงที่พักตอน 2 ทุ่มครึ่ง อาหารเย็นคืนนี้ เราเสนอให้กินทีี่ที่พัก แต่มีคนอยากเดินไปสำรวจเลยเดินไปสักพัก สุดท้ายกลับมาตายรัง สั่งอาหารมาทานกัน ส่วนเราต้มมาม่าจ้า
ที่พักคืนนี้ ดีมาก เป็นอพาร์ตเมนต์ ครัวใหญ่ ห้องนั่งเล่นกว้าง แต่ไม่ได้มา Hang out กันเลย พักผ่อนกันตามอัธยาศัยสุดๆ
พัก Hasht Behesht Hotel
วันที่ 5 (16 ต.ค. 60) วันเสาร์
Isfahan Naghshe Jahan Square: Jameh Mosque (200,000), Grand Bazar, Royal Mosque (200,000) และ Ali Qapu Palace (200,000) – Chehel Sotun Palace (200,000)
เช้าวันนี้ เราตื่นมาด้วยเสียงสวดมนต์ ทางที่พักบอกว่า มีงานข้างๆ 10 วัน ห้องนอนเราหน้าต่างตรงกันพอดี ก็ฟังกันไป เรานั่งทานข้าวบนห้องพักจ้า และเป็นอย่างนี้ตลอด 3 วันที่พักที่นี่ ไฮโซสุดๆ น้ำแครอทอร่อยมากกก อารมณ์เหมือนคั้นสดๆ มาเลย
9 โมงเช้า พร้อมออกเดินทาง ไกด์ประจำเมืองนี้ เพื่อนหญิงพลังหญิงอีกเช่นเคย Mariam คุณแม่ลูกวัยสาว ช่างอธิบาย มีความสวย สง่า ดูดี เราเที่ยวรอบจตุรัส 2 วัง 2 Mosque แผนเดินคือเที่ยวค่อนวันแล้วเที่ยวที่อื่นต่อ แต่ทีมเราซะอย่าง เดินวนแถวนี้มันทั้งวันจ้า ไม่ต้องไปไหนแล้ว อิน ฟิน กันให้เต็มที่
มีข้อสังเกตน่าสนใจของแผนผัง จตุรัสนี้เป็นสี่เหลี่ยม มีวังอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์ ว่ากันว่า 2 ขั้วอำนาจที่ต่างกัน แต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนได้เช่นกัน ลักษณะโครงสร้าง ถ้าเป็นศาสนาจะผลุบเข้า เชิญชวนให้คนเข้าหา ขณะที่วังพื้นที่จะยื่นออกมา แสดงถึงการรุก อำนาจ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Jame Mosque เดินเล่น นั่งเล่นได้ยาวๆ เลย ถ่ายรูปกันแล้ว ถ่ายรูปกันเอง มีส่วนอาคารหลายส่วน ไกด์มาเรียมต้องคอยไล่เข้าไป มีโรงเรียนสอนศาสนา โซนฤดูหนาว โซนฤดูหนาวตามแบบฉบับของ Mosque สีหลักคือ สีเทอคอยซ์ เพราะสมัยนั้นหาง่าย บดก้อนหินออกให้แตกเป็นส่วนเล็กๆ แล้วนำมาปะติดตามพื้นที่ต่างๆ มีส่วนงานโชว์การผลิต การประกอบหิน ออกแนววางโชว์ขายสินค้ามากกว่า สินค้าดูมีคุณภาพกว่าด้านนอก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ไปเดินใน Grand Bazar คนใช้ซื้อของจริงๆ ไม่ได้ขายนักท่องเที่ยวอย่างเดียว เราทานข้าวกลางวันกันที่นี่ มีทั้งอาหารพื้นเมือง และ ฝรั่ง รสชาตพอใช้ได้ ไกด์พยายามแนะนำอาหารเต็มที่ วันนี้จานที่แปลกคือ Disi คล้ายมัสมั่นไก่ แต่เอาเนื้อมาบดให้เละแล้วทานกับนาน จิ้มน้ำ มะเขือม่วงก็อร่อย สั่งไก่เค้กมาด้วย คือ ไก่ย่างกับข้าวสีเหลืองอัดมาเป็นรูปเค้ก พร้อมลูกอะไรหวานๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Barzar
L – Traditional Historical Restaurant อยู่แถวแกรนด์บาซา 2,460,000
บ่ายกลับเข้าไปชม Royal Mosque เป็นสถานที่สำหรับราชวงศ์ในสมัยก่อน ไม่มีเสาสูงสำหรับการกระจายเสียง ขนาดกะทัดรัดแต่ละเมียดละไม สวยงามมาก เรานั่งแช่อยู่ข้างในได้เป็นชั่วโมง สมกันที่ Mariam แซวไว้ว่า Size doesn’t matter, it depends on number of photos เค้าเริ่มรู้แนวทางของทีมเราแล้วว่า บ้าถ่ายรูปแค่ไหน แหม คนท้องถิ่นเองยังแบกกล้องใหญ่มาหามุมสวยกันหลายคนเลย

ไปชม Ali Qapu Palace ปีนๆๆๆๆๆๆๆ บันไดขึ้นไป เป็นวังที่เป็นที่ทำงานนะ คนมาหา มาขอลายเซ็นต์ หอบงานขึ้นบันไดกันสนุกเลย แถมที่พักผ่อน ห้องดนตรี ห้องบันเทิง อยู่ชั้นบนสุดอีกตั้งห่าง ชั้น7 ได้มั้ง คือ รักจะบันเทิงต้องมีความพยายามใช่ไหม และความพยายามนั้นก็คุ้มคว้า ห้องสวยมากกกกกกกกกกก แต่แม่ พี่โป้ง และ ไกด์ไม่ได้ขึ้นมาด้วย รออยู่แค่ตรงชั้น 3 ด้านล่าง มีมุมฟังเสียงกันและกันได้ พูดเบาๆ คนที่อยู่อีกมุมนึงจะได้ยิน เล่นกันสนุกเลย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มุมจากบนระเบียงที่ว่าการ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เป็นอันจบสถานที่เที่ยวใน จตุรัส Naghshe Jahan จตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากจีน ข้อมูลจากไกด์นะ
ปิดที่สุดท้าย เดินทะลุจตรัสไปออกสวนเจอลมแรง ข้ามไปวัง Chehel Sotun Palace วัง 40 เสา วังที่ควรมาเมื่อมีแสงและลมสงบ แต่ตอนนั้นแสงเย็น ลมแรง ไม่มีเสาสะท้อนน้ำให้เก็บภาพเลย ก็มองของจริงกันไป สรุป มาวังนี้ ควรมาตอนเช้านะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Tea House – Azadegon 1,000,000 แวบไปดื่มน้ำชา ร้านขนม ตกแต่งด้วยของเก่า อยู่ในดงของเก่า ข้างๆ เป็นร้านตีเครื่องทองแดง ดังด้วยการตกแต่งร้านนี่แหละ นักท่องเที่ยวมากันให้ครื้นเครง เราก็เป็นนักท่องเที่ยวไง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
มื้อเย็นวันนี้ เราจองไว้ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู อดีต Caravanserai แบบตกแต่งเต็มที่ มาอิ่มเอมกับบรรยากาศ เลือกทานแบบ Alacarte ได้ห้องอาหารหรูหรา ถ้าเลือกแบบบุฟเฟ่บรรยากาศจะสบายๆ กว่า ไปเดินสำรวจมาละ แต่ประเภทอาหารไม่แตกต่าง อิ่มแล้ว ไปเดินเล่นในสวนของโรงแรม รูปแบบ Caranserai จริงๆ นั่นแหละ ลานกว้างตกแต่งด้วยสวน ล้อมรอบด้วยอาคารเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส นิยมปลูกผลไม้ไว้ในสวนด้วยนะ แต่คราวนี้ไม่ได้แอบเด็ด มีร้านชา ร้านไอติมอยู่ในโซนนี้ด้วย เต็มอิ่มก็เดินกลับที่พัก มานอนพักผ่อนในอพาร์ตเมนต์หรูของเรา
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ถ้าไม่อยากทานข้าว ก็เข้ามาชมสวน กินไอติม ดื่มชาแทนก็ได้นะ
D – Chehel Sotun Restaurant ห้องอาหารในโรงแรม Abbasi 5,550,000 ปิดท้ายกันด้วย
วันที่ 6 (17 ต.ค.60) วันอาทิตย์
Isfahan Hasht Behesht Palace (เดินรอบนอก ไม่ได้จ่ายค่าเข้า) – Private Music Museum (70 ยูโร) – Vank Cathedral (200,000) – Seo Si Pol (สะพานที่ยาวที่สุดในเมืองนี้) – Khaju (สะพานที่มีการตกแต่ง)
แวบไปชมวัง Hasht Behesht Palace ใกล้โรงแรมกันก่อน ปิดซ่อมบางส่วน ไกด์แนะว่า ไม่ต้องเสียค่าเข้าหรอก เดินชมรอบๆก็พอ พร้อมกับชี้จุดชวนชมที่เพดานชั้นสองประดับด้วยทองแท้จ้า จ้องกันตาทะลุเลย รอบๆวังเป็นพื้นที่สวน มีคนมานั่งทานอาหาร เดินเล่น นั่งเล่นกันประมาณนึงเลย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
จำได้ว่ามีแวะกินไอติมตักระหว่างผ่านสะพาน ก่อนไป Music Museum อร่อยและถูกมากจนเราสงสัยว่า เค้าคิดตังค์ผิดรึเปล่า จำราคาแน่นอนไม่ได้ เพราะพี่โป้งเลี้ยง ขอบคุณค่ะ ป๋าขา
นั่งรถตรงไป Music Museum จ่ายค่าเข้าเป็นเงินยูโรหรือยูเอสได้ด้วยนะ รวบรวมเครื่องดนตรีพื้นเมืองไว้ที่นี่ ดูแล้วก็นึกถึืงเครื่องดนตรีบ้านเรา วิทยากรคอยพาชมและบรรยายอย่างละเอียด ยังมีการแสดงสดให้ชมด้วยอีก 15 นาทีได้ ใช้เวลาอยู๋ในนี้ชั่วโมงครึ่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เดินต่อไปผ่าน Vank Museum ไปหาข้าวทานก่อน ย่านนี้ อาคารแบบยุโรป ร้านอาหาร ร้านกาแฟแนวๆ เพียบ ไกด์บอกว่า แถบนี้คนจะมากินเฉพาะโอกาสพิเศษ ราคาค่อนข้างสูง เรามาทานกันที่ร้าน Hermes
L – Hermes อาหารฝรั่ง แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า สปาเก็ตตี้ อร่อยมาก 3,765,000
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ตอนนี้เราอยู่ในย่าน Jofa ย่านของชาวอาร์มาเนียนที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ กระจัดกระจายไปอยู่ในประเทศต่างๆ เป็นชุมชนอาร์มาเนียน คนแรกๆ ที่เข้ามานำเครื่องพิมพ์เข้ามาด้วย ทำธุรกิจประเภทนี้งานพิมพ์ก็พัฒนาขึ้น แสดงผลงานด้วย Gospel ทั้งหลาย สวยๆ ทั้งนั้น ภาพสี มีให้ชมใน Vank Museum
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ส่วนโบสถ์ก็มีความแปลกตา สีสันจัดจ้าน ด้านล่างเป็นกระเบื้องแบบในโบสถ์อิหร่านทั่วไป แต่ที่เหลือเป็นภาพวาดสีน้ำมัน เก๋ดีจริงๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
งานชมสะพานเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ สะพานข้ามแม่น้ำที่แม่น้ำไม่มีน้ำ แห้งมากเพราะต้องผันน้ำไปช่วยการเกษตร สะพานแรก Seo Si Pol สะพานที่ยาวที่สุดในอิฟฟาฮาน กว่า 2 กิโลเมตร ใต้สะพานเป็นช่องๆ ทางน้ำผ่าน กลายเป็นที่เดินเล่น ต่อด้วย Khaju สะพานสวยสั้นๆ ตกแต่งเบาๆ ด้วยกระเบื้อง ชมพระอาทิตย์ยามเย็น แสงยามพระอาทิตย์ตก ไปยืนถ่ายรูปสะพานกันกลางแม่น้ำเลย
Bridge
ที่สะพานนี้ เรามีฮีโร่หญิงมาช่วยไล่หนุ่มอิหร่านที่เข้ามาสีพี่ร่วมทริป ตอนแรกนึกว่า เฟรนลี่เฉยๆ สุดท้าย พี่ฮีโร่หญิงเขวี้ยงหมวกไล่ไปเลย พี่ร่วมทริปซาบซึ้งมาก ขณะที่ไกด์ผู้เก๋ไก๋ของเราได้รับการสัมภาษณ์อยู่ ก็ให้รู้ว่า ในความคล้ายจะเฟรนลี่ หากมันล้นก็จงระวัง
dav
ร่ำลากับ Mariam แถวหน้าร้านแลกเงิน คราวนี้ได้แลกเงินที่ร้านจริงๆ รวยมากค่ะ แลกไป 1100 ยูโร ในเรท 47500/ยูโร ถือเงินอยู่ 50 กว่าล้าน มาเลย เจ๊รวยมาก เงินฟ่อนหนา ใครอ่านถึงตรงนี้ คงคิดได้ว่า จะเอาอะไรไปใส่ตังค์ที่อิหร่านดี
กลับมาเอากระเป๋าเก็บที่โรงแรม เดินไปทานมื้อเย็นแถวจตุรัส ชมRoyal Mosque แบบใกล้ชิด ถ้านั่งด้านในจะสวยมาก แต่อาจจะอบไปสักนิด เลยแค่ถ่ายรูปตอนยังว่าง แล้วมานั่งกินด้านนอก มีลมพัดสบายๆ ระหว่างรออาหาร แวบไปเดินเล่นชมร้านรอบๆ กันด้วย พี่สาวช็อปปิ้งที่ร้านภาพอย่างยาวนาน อุดหนุนผลงานศิลปิน
mde
mde

sdr

sdr

D – Naghshe Jahan Nanquit Hall ทานอาหารแบบใกล้ชิดกับ Private Mosque (Royal Mosque) ยืนตรง Jameh Mosque หันหน้าเข้าหาจัตุรัส มองไปทางขวามือจะเห็นตัวอักษรไฟสีแดงๆ เดินเข้าไปในช่องนั้น ตรงเข้าไปเรื่อยๆ จะมีบันไดขึ้นไปร้านทางซ้ายมือ พอเข้าไปจะไม่เห็นชื่อร้านละ จะเชียนว่า Traditional Restaurant มั้ง
ทานข้าวเสร็จพร้อมกลับบ้าน ผู้ใหญ่มุ่งกลับด้วยความรวดเร็ว โดยมีพี่แชมป์นำไป ส่วนเราก็ว่าจะตามไป แต่ติดกันอยู่ที่ร้านขายของ ผลคือ ห้องแม่ลูก คุณแม่กลับห้องไปก่อนลูกสาว แต่ไม่มีกุญแจ เลยต้องนั่งรออยู่ด้านล่างยาวเลย
วิวกลางคืนสวยมาก ลมเย็นสบายๆ มานั่งเล่น เดินเล่นชิวๆ ได้นะ คนไม่แน่น
วันที่ 7 (18 ต.ค.60) วันจันทร์
มุ่งสู่เมือง Yazd – Naeen – Meybod: Narin Palace (Citadel Naein Castle) 150,000, Caravanserai, Ice House (100,000) ควรจะได้แวะ Chak Chak และ Karannagh ด้วยแต่เราทำเวลาไม่ดีเลยอดไป รถวิ่งช้า
วันนี้เราต้องร่ำลาจากที่พักอันแสนสบายแล้ว เกือบจะลืมพาสปอร์ตไว้ที่นี่ ดีที่พี่สาวเตือนและเจ้าหน้าที่โรงแรมเอามาให้ถึงที่รถ โชคยังดี นั่งรถกันไปยาวๆ เราไม่ได้เลทนะ แต่ความเร็วรถค่อนข้างช้า เค้าขับแบบปลอดภัยมาก ผลคือ เลทจากเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง เริ่มที่เมืองแรก Naeen (Nain) อายุกว่า 6 พันปี เมื่อใกล้จะเที่ยงแล้ว เลยแค่วนรอบๆ โบสถ์ แล้วไปต่อเลย ได้เที่ยวแค่ ในเมือง Meybod จ้า แล้วก็อยู่กันให้เต็มที่เลย ทานข้าวกลางวันที่นี่ ด้วยความหิวและรวดเร็ว ข่าวว่า บนรถมีอะไรก็ขนออกมากินกันอยู่เหมือนกันนะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เราเจอไกด์คนใหม่ที่นี่ เป็นผู้หญิงอีกเช่นเคย ชื่อ Ellie พาคนรู้ใจมาด้วย บอกว่าเป็นญาติ นั่งรถมาเป็นเพื่อนจ้า แต่ตัวติดกัน อยู่ด้วยกันเย็นจนค่ำเลยนะ
L – Haj Malik ในเมือง Maybod 3,540,000 ร้านอาหาร Traditional house ส่วนหนึ่งของโรงแรม
เดินชมปราสาทโบราณ Citadel Naein Castel จะปราสาท หรือ จะป้อม ก็บอกไม่ถูก เริ่มต้นสร้างเมื่อ 3 พันปีที่แล้ว จนถึงเมื่อ 200 ปีที่แล้ว ด้านบนเกือบสุดมีห้องนอนของราชา ราชินี ส่วนบนสุดเหมือนเป็นลานให้โชว์โฉม มีคานไม้คอยดันโครงสร้างไว้เป็นระยะๆ ด้วย มีการคิดเงินผิดแล้วมาตามเอาด้วยจ้า ขาดไปเป็นล้านแหละ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ชม Caravanserai ที่กลายเป็นร้านค้า ร้านอาหารไปแล้ว ก็ชมสินค้า ชมผ้ากันไป ตรงกลางมีบ่อน้ำเล็กๆ ใต้ดิน ด้านบนเป็นที่ผูกสัตว์และจุดยืนขึ้นอูฐได้ ถ้าไม่ให้อูฐย่อตัว
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Ice House ไม่ต้องเข้าก็ได้ เชื่อว่า ถ้าเรามาเวลาปกติ คงไม่เข้าแน่ๆ เข้าไปก็เป็นห้องโดมกลม ขุดลึกๆ เหมือนเล่นรถไต่ถังได้ แต่จริงๆ คือการทำน้ำแข็งและบรรจุน้ำแข็งในหน้าหนาว เพื่อเอาไว้ใช้ในหน้าร้อน ด้านหน้าจะมีบ่อน้ำขนาดย่อมเติมน้ำให้เต็มบ่อ พอน้ำแข็งแล้วก็ตัดเป็นก้อนๆ แล้วลากมาเก็บไว้ภายในโดม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
นั่งรถต่อเข้าเมือง Yazd อีก 1 ชั่วโมง เข้าที่พักในย่านเมืองเก่า ก่อนจะบอกให้พาไปหาทาน Fastfood ความหมายเราคือ อาหารง่ายๆ เค้าพาเราไปร้านอาหารอิตาเลี่ยน ขายพาสต้า ขายพิซซ่า มีนักร้องพร้อมเปียโนให้ฟังด้วย ในย่านตัวเมืองใหม่จ้า อะ อาหารอร่อย ให้อภัย แต่ แต่ แต่ เค้ายังพาเพื่อนชายคนสนิทตามมานั่งกินข้าวนั่งร่วมโต๊ะด้วยจ้า ดูสวีทกันดี หุหุ แต่เรื่องนี้ถึงหูฟาติมาแน่ๆ
D – Cesar ร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูหราในย่านเมืองใหม่ของ Yazd 3,725,000
กลับที่พัก นอนสลบกันด้วยความเพลีย
ที่พัก Mehr Traditional Hotel โรงแรมนี้ได้รับรางวัลอาคารสวยงาม แต่เก่า เห็นว่าอาจจะปรับปรุงใหม่เร็วๆ นี้
วันที่ 8 (19 ต.ค. 60) วันอังคาร
Yazd Tower of Silence (150,000) – Don Lat Abad Garden (220,000) – Water Mill Museum (150,000) – Zukaneh/Water Reservation 50,000 – Jameh Mosque (80,000) – Temple of Fire (150,000)
เช้านี้ กว่าจะได้ทานอาหารเช้ากันก็เกือบ 8 โมงแล้ว เลยออกสายกันหน่อย 8.20 น. ตรงไป Tower of Silence สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาว Zoroaster ผู้นับถือพระอาทิตย์ ที่เชื่อว่า เมื่อมีผู้เสียชีวิต จะพามายังสถานที่แห่งนี้ วางไว้ยังจุดสูงสุด จัดไว้ในท่าแรกเกิด รอให้อีแร้งมากิน และสุดท้ายจะมีคนขึ้นมาจัดการรวมทุกชีวิตไว้ในหลุมแล้วก็ราดน้ำกรดเพื่อทำลายทุกชิ้นส่วนของร่างกายให้สลายหายไป ทางขึ้นบันไดจะมีที่พักร่าง วางร่างทิ้งไว้ 2 วันพร้อมขนมปังและเป็ดเป็นๆ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะรอดได้ด้วยขนมปัง แต่ถ้าตายแล้วจริงๆ เป็ดก็จะกินขนมปังนั้นเอง แต่ แต่ แต่ ถ้าป่วยหนัก ยังไม่ตาย แต่ไม่มีแรงกิน ได้แต่มองเป็ดกินขนมปังตัวเองไปล่ะ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ความเชื่อนี้มีมานาน แต่ถูกบังคับให้ยกเลิกไปเมื่อ 80 ปีก่อน ด้วยเหตุผลเรื่องสุขอนามัย แต่ก็ยังมีคนที่ดื้นรั้นแอบนำศพขึ้นมาอยู่บ้าง มีคนถ่ายภาพเก็บไว้ได้เมื่อ 70 ปีก่อน แต่คาดว่าปัจจุบันน่าจะไม่มีแล้ว มี 2 เขาอยู่ข้างๆ กัน เราขึ้นอันที่ยังดูมีสภาพชัดเจนว่า เป็นลาน เป็นห้อง อีกด้านเหมือนจะเริ่มพังทลายแล้ว ดูเป็นภูเขาโล้นๆ กว่า
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
นั่งรถกลับเข้าตัวเมือง มาชมสวนสวย Dolat abad garden เป็นสวนสวยและวังของเจ้าผู้ครองนครที่ต้องการแสดงอำนางโดยทำทางน้ำเข้ามาในวัง ทำสวน ทำน้ำพุ ให้คนเห็นว่า มีน้ำกินน้ำใช้ ขณะที่ชาวบ้านหาได้ยาก ระบบที่นำน้ำเข้ามาเรียกว่า Kanot เป็นระบบที่น่าสนใจมาก คิดได้ แถมลงมือทำจริงอีกต่างหาก เราจะไปเรียนรู้กันที่ Water Museum ในภายหลัง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
มีสวนที่อยู่อาศัย โซนฤดูร้อนและฤดูหนาว ได้ขึ้นทะเบียน Unesco เพราะ Wind Tower ระบบกระจายอากาศให้รับลมได้ดีทั่วบริเวณ มีกระจกสีๆ ให้ได้ถ่ายรูปเล่นก่อนไปเจอที่ Pink Mosque ตรงทางเข้ามีน้ำดื่มให้บริการด้วยระบบโบราณบวกปัจจุบัน คล้ายเครื่องทำความเย็น
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ด้านใน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ด้านนอก
ชม Amir Chakhmag Complex เป็นลานกว้าง พร้อมเสาๆ ลานคนเมือง รายล้อมด้วยร้านค้า เดินไป Water Museum อธิบายระบบ Kanot ด้วยแบบจำลอง การเจาะบ่อสุ่มหาแหล่งน้ำจากภูเขาไกลๆ พอได้หลายๆ บ่อ ก็มาขุดบ่อเป็นระยะๆๆ แล้วจึงลงไปขุดในแนวขวางใต้ดิน จากนั้นค่อยๆ เปิดทางเป็นช่วงๆ จนถึงผนังสุดท้ายที่อาจมีความเสี่ยงถึงชีิวิต แต่ชาวบ้านที่ทำหน้าที่นี่ล้วนเต็มใจ เพราะอยากให้ครอบครัวได้มีน้ำกินน้ำใช้ ส่วนตำแหน่งบ่อน้ำในเมืองก็จะผ่านจุดสำคัญ ไปสิ้นสุดที่การทำเกษตร
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
พาไปชมที่บรรจุน้ำใต้ดินที่อยู่ใต้ที่ออกกำลังกายพื้นบ้าน Zukhane ก็ถือว่า เยี่ยมชมทั้ง 2 อย่าง อุปกรณ์สำหรับเล่นกล้าม ในรูปแบบต่างๆ วางอยู่โดยรอบ เราได้แต่ชมสถานที่ และมีคนมาสาธิตให้ดูไม่กี่ชิ้น ไปลองถือแล้ว มันหนักจริงๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
L – Fooka Café อยู่ใกล้ Jameh Mosque อาหารอร่อย ถึงขั้นสั่งเพิ่มแต่ก็กินไม่ทันเลยหิ้วกลับไปเป็นมื้อเย็น 3,300,000 ร้านนี้แนะนำจริงๆ โดยเฉพาะปีกไก่ย่าง คล้ายบ้านเรามาก อร่อย
เดินชม Jameh Mosque ที่นี่ไม่กว้าง แต่ความสวยไม่แพ้ที่ไหน ประวัติศาสตร์ก็มีแต่เราไม่จำอะ จากนั้นก็ออกมาเล่าให้ฟังถึง Temple of Fire ก่อนจะส่งเราขึ้นรถ และลาจากกันไป เพราะต้องไปรับงานต่อช่วงเย็น Temple of Fire คือ ฟังเรื่องเล่าก็พอแล้วล่ะ ไม่ต้องมาดูที่จริงก็ได้ เพราะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
กลับมาเก็บของที่โรงแรม ผู้ใหญ่พักผ่อน ส่วนเด็กๆ ไปเดินเล่นในในเมืองเริ่มแถว Jameh Mosque นั่นแหละ เดินตัดซอยเล็กๆ แวะซื้อนานสดใหม่จากเตา อร่อยมากกก 2 แผ่นกินกันใหญ่เลย แต่ก็เก็บไว้ให้คนที่โรงแรมได้ชิมบ้าง แม้จะเย็นไปบ้างแล้ว สั่งอาหารเพิ่มเติมจากโรงแรมบ้าง อาหารที่แพ็คมือกลางวัน เสบียงที่มี และ ไก่ย่างจากพี่แชมป์ อ่ิ่มกันไป
D – ทานอาหารในโรงแรม 1,400,000 มีปีกไก่ย่างจากร้านอาหารกลางวัน เสริมด้วยทัพใหญ่ ไก่หมุนทั้งตัวจากพี่แชมป์ เราค่อนข้างอิ่มจากนานสดๆ จากเตา ระหว่างทาง
ขึ้นไปหาวิวชมบนดาดฟ้าโรงแรม แต่ไม่ค่อยมี แต่ได้ค้นพบว่า หลังคาที่ปิดไว้ด้านบนเป็นผ้าพลาสิกผูกเชือกสี่มุมเท่านั้น ที่นี่ฝนน้อยจริงๆ ถึงสร้างหลังคาคลุมแบบนี้ได้ และก็เล่นเงากันไป ยังอุตส่าห์ถ่ายรูปเล่นได้อีก
วันที่ 9 (20 ต.ค. 60) วันพุธ
Yazd มุ่ง Shiraz Persopolis (200,000) – Necropolis (200,000)
วันนี้เราต้องเปลี่ยนคนขับเพราะคนขับเดิมมีเหตุส่วนตัวต้องรีบไปจัดการ ร่ำลากันไปด้วยความอาลัย แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่รู้สึกได้ถึงการบริการอย่างเต็มที่ ซื้อน้ำให้ ขนมาเตรียมไว้ให้เลย มีน้ำชาบริการ ส่วนคนใหม่ ก็พอไหว มีน้ำชาเช่นกัน นั่งรถกันไปยาวๆ ถึงก็เลยเวลาอาหารกลางวันมาบ้างละ เราไม่อยากกินบุฟเฟต์เค้าเลยพามาที่ร้านอาหารในโรงแรม เป็นแบบอาหารจานเดียว ไวๆ ราคาไม่แพง โรงแรมนี้อยู่ตรงทางเข้า Persepolis เลย
L – Persepolis Apadana Hotel ทานอาหารในโรงแรม ราคาไม่แพง สั่งแบบราดข้าว จานด่วนๆ 1,540,000
Persepolis เป็นเมืองเก่ายุคใกล้เคียงกับเปอร์เซีย 4500++ พื้นที่วังมีความสูงจากพื้นมาก เดินขึ้นบันไดกันเกือบร้อยขั้น แยกเป็นทางซ้ายขวา สำหรับชาวเมือง กับคนต่างชาติ พื้นที่ขนาดใหญ่มองมาจากด้านล่างแล้ว เหมือนแผ่นดินยกขึ้นมาผืนใหญ่เลย
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ภายในบริเวณมีรูปปั้น รูปสลักกำแพงอย่างละเอียด ละเอียดเวอร์ แม้แต่ขนแกะก็ยังมองเห็น บรรยายถึงความรุ่งเรือง ของบรรณาการจากชาติต่างๆ ตั้งแต่ชาติมีฐานะไปจนยากจน ไกด์บรรยายดีมาก และ ดุมาก ทุกคนต้องตั้งใจฟัง ถ่ายรูปเมื่อเค้าอนุญาตเท่านั้น ใช้เวลาตรงแผ่นสลักรูปกันยาวนาน และบรรยายโดยมองรอบๆ มีจุดเก็บศพแต่เข้าไปไม่ได้ เลยไม่ได้พาเดินไป เสาที่ยังคงเหลืออยู่ให้เห็นว่าสมัยก่อนอาคารมีความยิ่งใหญ่ขนาดไหน หินที่เคยอยู่เหนือเสาก็ใหญ่มาก สร้างกันมาได้ เก่งจริงๆ ชื่นชม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ที่นี่่ห้ามคนต่างชาติพกกระเป๋าใดๆ เข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด ทุกอย่างต้องฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ หรือ จะเก็บไว้บนรถก็ได้ เค้าบอกว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หยิบชิ้นส่วนใดๆ กลับไปเป็นที่ระลึกจ้า ขณะที่คนอิหร่านเอง ถือกระเป๋าได้สบาย
เสร็งแจ้วก็วิ่งด้วยความรวดเร็ว เอาของ ขึ้นรถ พุ่งตรงไป Necropolis ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนจะถึงเวลาปิดแล้ว แหย่ขาไปให้ทัน 5 โมงเย็น จะอยู่ได้จนถึงเวลาปิด ก็ทันพอดี เค้ายอมให้เราเข้าไปได้ ที่นี่ไม่กว้าง จุดหลักคือ ผาหินที่บรรจุศพเหล่าเชื้อพระวงศ์ ผู้นับถือ Zoroaster นับถือพระอาทิตย์ทั้งหลาย แต่ๆๆ ไหนว่า ต้องเผา ต้องราดน้ำกรดไม่ให้เหลืออะไร ให้กลับคืนไปให้หมด แต่อีกเช่น ยกเว้นกับเชื้อพระวงศ์ที่ให้เก็บกระดูกไว้ คาดว่า เพื่อทำความเคารพ มองไป ไม่เห็นทางขึ้นเลย ยุคนั้น เค้าขึ้นไปกันได้ยังไง ร่องหินจะเดินยังมองไม่ค่อยจะเห็น
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
บนหน้าผามีสลักรูปลักษณ์ของนานาชาติ พร้อมคำระบุไว้ว่ามาจากที่ใดด้วย จากตรงนี้เลยไปอธิบายภาพสลักของที่เราไปดูก่อนหน้าได้ ด้านหลังมีอาคารสูงที่ทรายทับถมไปกว่าครึ่ง ทำให้รู้ว่า ที่ตรงนี้เดิมสูงกว่าปัจจุบันมากกกกกก ประมาณ 8-10 ชั้นได้เลย ยิ่งใหญ่อลังการได้อีก เราชมแสงเย็นกันที่นี่เลย บรรยากาศดีจริงๆ ท่ามกลางที่เก็บกระดูก ดีนะไม่มีเรื่องเล่าน่ากลัว
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
อาหารเย็นวันนี้เรามุ่งเข้าไปที่เมือง Shiraz บนรถก็ฟังแนวคิดของไกด์สาว ที่ดูมีความนิยมความเป็นอิหร่านแบบเสรี ก็สนุกดี ได้รับรู้มุมมองของสาวๆ รุ่นใหม่ ที่รักอิสระประหนึ่งยุคก่อนหน้าปฏิวัติ
D – Dragon ร้านอาหารจีนจ้า เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ร่ำร้องอาหารจีน 555 รสชาติดีเลย 3,650,000
ที่พัก Forough Hotel โรงแรมใหม่ 2 ชั้น มีห้องพักใต้ดิน บรรยากาศดี อาหารเช้าบางทีไม่เติม
วันที่ 10 (21 ต.ค. 60) วันพฤหัสบดี
Shiraz Pink Mosque (150,000) – Naranjestan E Ghavam บ้านเศรษฐีเก่า (200,000) – Eram Garden (200,000)
วันนี้ได้ไกด์คนใหม่อีกหนึ่งคนจ้า ชื่อ Saha คุยเก่ง ใจเย็น ชอบถ่ายรูป
ไฮไลต์ ที่ขึ้นปก National Graphic จนทำให้สถานที่นี่กลายเป็นที่นิยมในการถ่ายรูป ทั้งๆ ที่ตัวสถานที่ในแง่ประวัติศาสตร์ ไม่ได้มีความสำคัญอันใดเท่าไหร่ Pink Mosque กับแสงยามเช้าถึงสาย ทะลุกระจกสี สร้างสีสัน ความสวยงามสร้างรายได้จริงๆ คนแห่กันเข้ามาเพื่อถ่ายรูป หลังจากทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว เราก็หลบมุมไปยืนดูบรรยากาศด้วยความสงบ ก็ทำให้ได้เห็นความวุ่นวายเป็นสีสัน ด้านนอกมีเด็กนักเรียนวัยประถมมาทัศนศึกษา ถูกจับมาเป็นแบบให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปหมู่โดยคุณครูสาว เด็กๆ น่ารักมาก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Naranjestan E Ghavam หรือ Orangery เป็นบ้านเศรษฐีหลังหนึ่ง ปลูกสวนส้มไว้เต็มพื้นที่ แบบบ้านตามความนิยม ทางน้ำตรงเข้าไป มีน้ำพุ มีสวนสองข้าง ตัวอาคารแนวยาว ภายในมีความน่าสนใจ โถงกลางแต่งด้วยกระจก ภายในกระเบื้องลวดหลายต่างๆ ดอกมไม้บ้าง นกบ้าง ขึ้นชั้นสอง มองเพดานด้วยนะ ใต้ดินปรับเป็น Art Gallery กระเบื้องแบบนิยมในห้องน้ำยุคปัจจุบัน ขายงานฝีมือเนี๊ยบๆ หลายแบบเลย ทั้งวาดลงกล่อง หินสี เดินเพลินๆ ชั่วโมงกว่า 2 ชั่วโมง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

งานบนเพดาน
ไปเดินเร็วๆ ใน Vakil Barza ช็อปปิ้งเครื่องครัวทองแดง น้ำมันกุหลาบ น้ำมันแอลมอน และสารพัดน้ำมัน แท้บ้าง สกัดบ้าง ผสมบ้าง หลากหลายราคา ตลาดกลางๆ เดินสบายๆ ทางยาวต่อไปได้เรื่อยๆ แต่เราหยุดกันแค่ช่วงต้นๆ นั่นแหละสำหรับตอนนี้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
L – BurgerSpagetti แลดูคล้าย Foodcourt แต่อาคารสวยงามดูดีมาก 3,515,00 ไปสั่งอาหารแล้วมานั่งกินตามพื้นที่ของตนเอง
บ่ายไปเดินชมสวน Eram Garden ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ดอกไม้ดูไม่สดชื่น อาจจะไม่ใช่ช่วงของมันด้วย มีอาคารเก่าอยู่กลางสวน ดูคลาสสิคดี เคยมีการถ่ายทำละครที่นี่ ปัจจุบันปิดไม่ให้เข้าไปชมด้านในเพระากลัวจะเสียหาย ด้านล่างมีพิพิธภัณฑ์และร้านขายของอยู่ มีแวะกินไอติมกันก่อน แต่ไม่อร่อยเท่าที่ทานใน Isfahan
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
จบจากที่นี่ เราก็ไปชมป้อม Karimkhan Citadel มองลอดช่องเข้าไป เห็นคล้ายๆ กับบ้านเศรษฐีที่เราไปมาเมื่อเช้า ก็เลยตัดสินใจไม่่เข้า ไกด์ก็บอกว่า ไม่จำเป็น คล้ายๆ กัน แต่ที่นี่ใหญ่กว่า แลมีป้อมล้อมรอบ แสงเย็นเบาๆ ที่หน้าป้อม กับรถม้าลากที่รอให้บริการ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เราไปเดินเล่นกันอีกครั้งที่ Barzar ให้คนรถมาส่ง บางส่วนกลับไปโรงแรม นัดเจอกัน 2 ทุ่มเพื่อไปทานอาหารในบ้านของชาวอิหร่าน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
D – Persian Food ทานอาหารในบ้าน ติดต่อผ่าน agent มื้อละ 20 usd แต่ agent เลี้ยงจ้า ถามว่าแนะนำไหม ก็ลองดูเป็นประสบการณ์ได้นะ มีตามที่อื่นๆ อีกหลายที่เลย ส่วนตัว เราว่า ที่นี่ ทำเป็นธุรกิจละ เล่นเพลงพื้นเมืองให้ฟัง อ่านกลอน ส่งต่อให้อ่านกันรอบวงด้วย พยายามขุดกลอนไทยจะมาอ่านบ้าง แต่หาไม่ทัน ได้แต่คำผวน 555 ว่าแล้วจัดโชว์ร้องเพลงโดยอดีตนักร้องประจำมหาลัย เป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มไป
กลุ่มเราอาจจะใหญ่ไปสำหรับบ้านด้วยก็ได้ เลยดูไม่กันเองเท่าที่ควร นั่งกันกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ไปหมด
วันที่ 11 (22 ต.ค. 60) วันศุกร์
Shiraz Maharloo Lake – Tomb of Sadi (200,000) – Tomb of Hafiz (200,000)
วันนี้เราออกไปตามหาทะเลสาปเกลือสีชมพูกัน แต่มันไม่ใช่หน้าไง ต้องช่วงเมษา พฤษภานู่น ไปเจอทะเลเกลือกว้างๆ อยู่ข้างถนนเลยจ้า พลิกเกลือขึ้นมาเป็นสีชมพูด จากคำบอกเล่าของไกด์ ถ้ามีน้ำจะกลายเป็นทะเลสาปย่อมๆ มาถ่ายรูปเล่นได้ ฟังแล้ว ระดับน้ำควรจะไม่มากเกินไป ถ้ามากก็ลุยเข้ามาลำบาก อย่างไรก็ตาม เราก็ถ่ายรูปเล่นไปกับสภาพตอนนี้นั้นแหละ สนุกได้อยู่แล้ว เรียนรู้กับท่าของสาวอิหร่าน ง่ายๆ สบายๆ นิ้วจิ้มแก้ม มือเท้าเอว ขณะที่ทีมไทยชวนวิ่งถ่ายรูป กระโดดถ่ายรูป ใช้พลังงานกันทั้งนั้น วัย 30+ วัย 70+ กระโดดกันหมด Action!!!

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Group and Jump Post 101

pink salt

CR Dowrai

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Our van
กลับเข้าเมืองกันจ้า แวะชม Tomb of Sadi กวีชื่อดังของเมืองนี้ มีตัวแทนหลุมศพหินอ่อนวางอยู่ในศาลา เห็นคนเอามือไปลูบๆ ถ้าเวลาน้อยข้ามที่นี่ไปก็ได้ แนะนำที่ Hafiz มากกว่า

Iran stlye

Iranian post 101
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
L – Sofi 3,245,000 ทานข้าวท่ามกลางวิวเขาล้อมรอบ ให้รู้ว่า เมืองนี้ภูเขาโอบล้อมนะจ๊ะ มีเป็นบุฟเฟห์ด้วย แต่เราสั่งจานปกติ
Tomb of Hafiz เหลือสมาชิกเข้าชม 6 ชีวิต ที่นี่สวย ศาลาแปดเหลี่ยมตรงกลาง ต้นไม้ล้อมรอบ ดูร่มรื่น คงเพราะเรามาถึงบ่ายแก่แล้วด้วย 4 โมงเย็นออกเดินทางไปสนามบิน เพื่อพบว่า เครื่องดีเลย์จ้า มี shopping หินสีที่สนามบินได้อีก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ศาลา
ถึงเตหรานร่วม 3 ทุ่ม อิ่มท้องจากอาหารบนเครื่องบินแล้ว บอกไกด์ไม่ต้องแวะกินข้าว แต่ขอแวะอนุเสาวรีย์แทนเลยละกัน มายามค่ำคืน น้ำพุยังเปิดอยู่ สวยดี ถ่ายรูปกันแบบเร็วๆ เพราะดึกแล้ว ถึงที่พักก็หลับเป็นตาย
dav
D – บนเครื่องบิน
ที่พัก Markazi Hotel โรงแรมเดิม นอนห้องโซนใหม่ ห้อง Standard ก็จะเล็กๆหน่อย
วันที่ 12 (23 ต.ค. 60) วันเสาร์
Golestan Palace (380,000) – Jewelry Museum (200,000) เปิด 14.00 – 16.00 น.
วันนี้เราจะไปแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของอิหร่านอีกหนึ่งที่ ไกด์วันนี้ดูไม่พร้อม มีความง่วงๆอยู่ตลอด แต่เค้าก็พาเราไปจนครบแหละ Golestan Palace มันสวยจริงๆ นะ มีห้องให้ชมเยอะ แต่ปิดซ่อมก็เยอะ ห้องกระจกก็กระจกจริงๆ เป็นกระจกนูนกระจกตัดเต็มห้องไปหมด กำแพงสวยตลอดแนวทางไปห้องน้ำ ถ่ายรูปกันจนเวลาหมดนั่นแหละ ไกด์ถึงขึ้นบอกกำหนดเวลาแล้วพยายามต้อนไปต่อ ด้านในอาคารหลักตกแต่งแบบวังยุโรป แต่ภาพวาดหรือลวดลายเป็นแบบอาหรับจ้า ก็มีความขลัง แปลกตาไปอีกแบบ อาคารหลักนี้ห้ามถ่ายรูป ส่วนพรมที่แสดงนั้นก็ขนาดใหญ่ ลวดลายละเอียดมาก เราเดินกันไปร่วม 3 ชั่วโมง เดินกลับไป Grand Barzarre ไกด์พาไปทานข้าวร้านเด็ด คนแน่นมาก คนท้องถิ่นซะเป็นส่วนใหญ่ อาหารพื้นเมืองจานด่วน อร่อยดี ชื่อร้าน Moslim ที่นั่งเยอะมากแต่ก็เต็มมาก บริกรเค้าจัดที่ให้มานั่งรวมกันตรงกลางได้ เก่งจริงๆ นึกว่าต้องกระจาย ไปสั่งอาหารที่จุดหลัก สั่งน้ำอีกที่นึง แล้วก็ยกมาให้ ประทับใจกับมื้อนี้มาก
sdr
L – Moslim ร้านอาหารก่อนทางเข้า Grand Bazar อร่อย และคนแน่นมาก ต้องเล่นชิงเก้าอี้กันนิดนึง มี 3 ชั้น สั่งอาหารและจ่ายตังค์ที่ชั้น 2 ส่วนเครื่องดื่มจ่ายชั้น 3 2,497,500
sdr
ทานอาหารเสร็จ ไปต่อแถวรอเข้า Jewerly Museum กันเลยจ้า มาแล้ว ต้องมาที่นี่ เปิด 14.00-16.00 วันอังคาร-วันพฤหัส คือเราเข้าไปชมเซฟในธนาคารเค้านั่นเอง ห้ามพกส่ิ่งใดๆ เข้าไปภายในเด็ดขาด แม้แต่โทรศัพท์ก็ห้าม ห้ามถ่ายรูป มีตู้ล๊อกเกอร์ให้เก็บของด้านหน้า แต่ถ้าทิ้งของไว้บนรถได้ก็จะสบาย ไม่ต้องไปต่อแถวเอาล๊อกเกอร์
เราควรจะได้ไกด์ภาษาอังกฤษมานำพาชมแต่เหตุใดไม่ทราบเลยไม่ได้ ไกด์เลยพาชมเอง ข้อมูลไม่แน่นเท่าไหร่ พอไกด์ปล่อย เราเลยไปแอบฟังจากกลุ่มอื่นแทน เครื่องอัญมณีอลังการงานสร้างจริงๆ บัลลังท์นกยูงที่ควรจะตั้งอยู่ในวัง ถูกเก็บอยู่ที่นี่ งานละเอียดแท้ เดินชม เดินจ้องกันได้นานเลย แต่นี่ก็เต็มที่ละ ไกด์พากลับไปบาร์ซาด้วยรถไฟฟ้าพ่วง เสียตังค์เพิ่มไปสำหรับค่ารถ ไปช็อปปิ้งกันจ้า กว้างขวาง เดินเล่นก็สนุก ส่วนถั่วซื้อด้านหน้าได้เลย มีร้านเยอะ เอาน้ำหนักเท่าไหร่ ก็บอกกันไป ราคาส่วนใหญ่ก็แปะไว้แล้ว ดูแถวราคาให้ถูกละกัน แวะหาคุณปู่ร้านชาห้องเล็กๆด้วย พื้นที่มีแค่ตามรูปนั่นแหละ
Tea shop
ร่วมทุ่มก็มุ่งไปทานอาหารเย็นที่ร้าน Hip ย่าน Tibiat Bridge จริงๆ แล้วอยู่ทานแถวนั้นก็ได้นะ เดินทางยาวอยู่ แต่ไปแล้วก็ได้อีกบรรยากาศ อากาศสบายๆ เดินรับลมชมแสงสีสวยดี ร้าน Koone แปลว่า Home บรรยากาศดี น่ารัก มีรายละเอียด แต่รสชาตไม่ตามคาดหวัง อิ่มแล้วไปเดินเล่นกันต่ออีกหน่อยซึมซับบรรยากาศให้สมกับที่นั่งรถมา แล้วก็กลับไปนอนนนนนนนน
mde
เก็บกระเป๋ากันให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกันแล้วววววว
D – Koone ร้านน่ารัก ในความหมายว่า บ้าน ในย่าน Tabiat Bridge ก็แพงตามบรรยากาศ 5,340,000
วันที่ 13 (24 ต.ค. 60) วันอาทิตย์
Sa’ad Abad Palace (418,000) เลือกเข้า White Palace และ Contemporary Costume Museum ( จริงๆควรเข้า Green Palace แต่ปิด เลยมาเข้าที่นี่แทน) – Darband Area
เช็คเอาท์จ้า คนพร้อม รถพร้อม แต่ไกด์ยังไม่พร้อมรอกันไปสักพักก็มาละ ดูรีบมาเชียว
เรามุ่งไปสู่ Darband ฝั่งเหนือของเตหราน ช่วงหน้าหนาวเป็นที่นิยมมากในการมาเล่นสกี ใกล้ๆ จะมี Coaster บนยอดเขาด้วยถ้ามีเวลา มาหน้าหนาวขอให้ไป แต่เรามาหน้านี้ไปเล่นอันนี้อย่างเดียวไม่ค่อยคุ้ม เลยแค่มาชมบรรยากาศเมืองภูเขากับสายน้ำ ชมวิวเขาหิมะบางๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
แต่เรามีเป้าหมายคือ ที่พักล่าสุดของราชวงศ์สุดท้ายของอิหร่าน Sa’ad Abad Palace ก็จะดูใหม่ๆ ทันสมัยหน่อย บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง มีหลายอาคารให้เข้าชมแล้วแต่จะเลือกจ่าย เราเลือก Green Palace ไว้ตอนแรก แต่ว่าวันนี้ปิดเพราะมีกิจสักอย่าง ได้เข้า White palace และ Contemporary Costume Museum ถ่ายภาพได้ค่า ทางเดินไปแต่ละจุดก็ร่มรื่นและมีเนินบ้าง สามารถเรียกรถให้ไปรับ-ส่งตามจุดต่างๆ ได้ มีค่าใช้จ่าย คนละ 1000 จริงๆ เรายังไม่ได้เมื่อยกันขนาดนั้น แต่ไกด์เราไม่ไหวแล้ว เหอๆๆ ก็เอา ถือว่าเก็บแรง เรามีอุบัติเหตุข้อเท้าพลิกจากความซุ่มซ่ามของตัวเองด้วย ตอนแรกก็คิดว่าไม่เท่าไหร่ กลับบ้านไปบวมเป่ง เดินขโยกเลยจ้า
dav
dav
bdr
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
L – Hezaro Yek Shab 4,560,000 ร้านอาหารปิ้งย่างกับเตาถ่านในย่าน Darband อร่อยมากกกก บรรยากาศสบายๆ ชมวิวภูเขาไป อยู่โซนกลางๆ จากทางขึ้นทางขวามือ
มื้อกลางวันวันนี้ เลือกร้านกันเอง เดินผ่านแล้วก็เดินกลับมาเพราะปีกไก่ย่างเลย โหยหาอาหารคล้ายเมืองไทยกันมาก กินกันเปรมเลยค่า อิ่มเอมก็ไปขึ้นลิฟท์ชมวิวมุมสูงของเมืองนี้ ไกด์คนนี้มักจะคอยบอกให้เราให้ทิปบริกรอยู่ตลอดเวลา นางคืนค่าอาหารแบบเฉลี่ยๆ มาให้เราด้วย เพราะตามข้อตกลงเราไม่ได้เลี้ยงอาหารนะ แต่เราก็ให้ทิปไปเท่ากันพอดี เป็นอันเจ๊าไป แถมไปสนามบินก็ไม่ไปด้วย บอกว่า รถมันติดขอแยกตัวไปเลยละกัน เอาที่สบายใจค่ะ ก็โบกมือร่ำลากันไป
ระหว่างทางก่อนโบกมือ พาแวะไปตามหาพาพันคอที่สาวๆ สนใจอยากได้บ้าง แต่พอไปถึงร้าน ปรากฏว่า ไม่มีแล้ว มีแต่แบบอื่นๆ แต่ที่นี่ก็สวยนะ เป็นที่ฉายหนัง มีเทศกาลจัดเรื่อยๆ
เราแวะห้างเพื่อแลกเงินกันก่อน และละลายเงินกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย แต่ที่นี่มีแต่แบงค์ 50 ยูโร ถ้าไม่ถึงก็ไม่ได้แลก ก็ต้องรวมๆ เงินกันหน่อย ก็พอแลกคืนกันได้บ้าง
ถึงสนามบินก็ร่ำลากับคนขับ ลากกระเป๋า ผ่านด่านตรวจกระเป๋าเข้าไป check- in เรียบร้อย เมียงมองแถว immigration จากคิดว่าจะออกไปหาอะไรกินด้านนอกหลังเช็คอินเสร็จ เข้าไปเลยดีกว่า ดูแถวยาวๆ ไปจบที่ร้านในสนามบิน ก็อร่อยดี เจอคนไทยเพียบเลย สายการบินพามาแวะที่นี่กัน เห็นว่าอยู่กันหลายชั่วโมงเลย ไม่มีอะไรให้เดินเท่าไหร่ด้วย
D – Burger Land ร้านอาหารในสนามบิน 1,160,000 ทานกันแค่ 6 คน
แยกย้ายกันกลับเป็น 2 สาย Mahan Air 3 ก เดินทางประหยัด และ การบินไทย อาหารบนเครื่องเสิร์ฟ 2 รอบ ตอนแรกมีคนนั่งข้างเราด้วย แต่เรานั่งริมนอก เค้าคงไม่ค่อยสะดวก สุดท้ายก็หายไป เราก็สบายเลย ยกขามาพาดเพราะปวดข้อเท้า แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก ลงไปขโยกขเยกอย่างชัดเจน
เป็นอันจบทริป เที่ยวอิหร่าน 12 วันเต็ม สวยมากกก แม้จะจำไม่ค่อยได้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหนก็เถอะ ไกด์หญิงล้วน พลังงานสูงกันเป็นส่วนใหญ่ มาเที่ยวแบบไกด์ประจำเมืองก็ดูเชี่ยวชาญกันดี อาหารพอไหว ที่พักก็ตามที่เลือก ภาพถ่ายเยอะมาก กับสมาชิกทั้งหมด 11 คน
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน
  • คนละ 20,175 บาท ซื้อเร็วไปนิดนึง ถ้าได้โปรจะได้ที่ 15000 เหมือนกัน
  • มาฮานแอร์คนละ 15,000 บาท
ค่าวีซ่า 2,025 บาท ทำที่เมืองไทย
ค่าประกันการเดินทาง ไทยวิวัฒน์ 1035 บาท แบบ Gold 14 วัน ทุน 3 ล้าน มีไม่กี่บริษัทที่รับทำ
ค่าทัวร์ 940 ยูโร (จะจ่ายเป็นดอลล่าหรือยูโรก็ได้) ไปจ่ายที่นู้นเลย ไม่รวมอาหารและค่าเข้าสถานที่ ไกด์และคนขับรับผิดชอบอาหารและที่พักเอง(อาจจะรวมไปในค่าทัวร์แล้วก็ได้) ข้อนี้คุยกันให้แน่นอน
ค่าเข้าตามจริง+ค่าอาหารและอื่นๆ 300 ยูโร
รวมยอดประมาณ 66,560 บาท
เอเจนท์ที่เราใช้คือ http://iranfreetours.ir/ แนะนำนะ น่ารักดี ไกด์ก็จะเป็นไกด์ประจำเมืองต่างๆ
 OLYMPUS DIGITAL CAMERA
19702293_10154776637037444_5336515918120498161_n
ว้าบบบ ไปเล่น Flight of Gibbon เป็นรอบที่ 2 สำหรับที่ชลบุรี อยู่ในสวนสัตว์เขาเขียวเลยจ้า ค่าแพคเกจรวมรถตู้จากกทม หรือ พัทยา รวมอาหารกลางวันสำหรับคนไทย 2999 บาท เราจ่ายกันไป 2599 เพราะไม่เอารถจ้า จะบอกว่า อาหารก็อย่าไปหวังอะไรมาก เทียบกับครั้งแรก คุณภาพเรื่องอาหารแย่ลงเยอะเลย แต่ความสนุกในการโหนสลิง และป่ายังคง เป็นที่สุดค่ะ
19657489_10154776635872444_8778716799714424579_n
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เราพาสมาชิกใหม่มาลองเล่น Zipline กัน หลังจากพาไปเล่นแบบสูงๆ เสียวๆ ข้ามผาที่ Danao Adventure Park ฟิลิปินส์กันมาแล้ว ที่นี่ก็ชิวๆ มีสถานีทั้งหมด 24 สถานี สลิงที่ยาวที่สุดกว่า 300 เมตร มีสะพานแขวน 2 จุด สะพานวน 2 จุด สวยๆ แพลพฟอร์มมีหลังคา 1 จุด (เมื่อก่อนจุดนี้มีบริการน้ำดื่ม ปัจจุบันไม่มีแล้ว ให้หิ้วน้ำไปเอง โดยผูกขวดน้ำด้วยเชือกรัดกล่องไปรษณีย์ไว้กับตัว) โรยตัวลง 2 จุด รวมๆ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กม. กับระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
19884383_10154776636687444_548298030892789365_n
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สะพานไม้2
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เรามากันกลุ่มใหญ่ 8 คน มีสตาฟดูแลทั้งหมด 3 คน เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ ฟิลิปินส์ซะเยอะ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นทางชาติ เราได้คนไทย 2 ฟิลิปินส์ 1 ความปลอดภัยเป็นเลิศ แค่เดินไปให้ถึงจุดเริ่มต้น ระหว่างทางก็ให้ข้อมูลเรื่องต้นไม้บ้าง จากนั้นก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่สั่งอย่างเดียว ยกตัวขึ้น ก้าวออกไป ปรืดดดดดดด ฟิ้วววว ถึงละ มีคนรับอีกฝั่ง สงสารคนรับมาก โดนทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง เดี๋ยวชน เดี๋ยวเตะ เดี๋ยวเหวี่ยง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
19247702_10154776637167444_1495458404780193503_n
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
การจัดการ
พุ่งเข้าฐาน
19665543_10154776635802444_5477402227231832678_n
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
อุปกรณ์กล้อง แต่ละคนเพียบ ทั้งกล้องเล็ก กล้องติดตัว GoPro คล้ายGopro แต่สุดท้าย ได้พึ่ง Iphone 7plus กับ shot สไลด์สวยๆ ยาวๆ โดยสตาฟที่ดูแลเรา คุณเอวินนั่นเอง มือนิ่ง บินตรงมากก ไม่มีหมุน ทริปนี้เราเปิดซิง Tough TG5 เป็นครั้งแรก ดูหน่วงๆ แปลกๆ อยู่บ้าง อีกหน่อยคงจะคุ้นเคย อีกตัวของพี่สาวกลุ่มที่แกะกล่องกันก่อนขึ้นมาสถานีกันเลยทีเดียว คือ กล้องจีนคล้าย GoPro
2 มุม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ป่ายังคงสวยมากๆ เรามาเล่นช่วงบ่าย ตอนแรกๆ อาจจะร้อนๆ หน่อย ยิ่งตอนเดินช่วงแรกเพื่อไปยังสถานีแรก หลังจากนั้นก็รู้สึกสบายขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้อยู่บนแพลตฟอร์มโซนต้นไม้สูง ได้มองวิวภูเขา วิวป่ารอบตัว สวยงาม สบายตามาก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ชิวบนแพลตฟอร์ม
ครั้งนี้เราออกกันสาย ร่วม 10 โมง อาศัยรถพี่โป้งมากัน 6 ชีวิต พี่โป้ง พี่หญิง อุ้ม และ 3 ก ไปเจอกันที่สวนสัตว์เขาเขียว กับ พี่แชมป์ จากระยอง มิ้นและหวาน(เป็นผู้ติดตาม ไม่เล่นด้วย) จากกรุงเทพเช่นกัน ทานอาหารกลางวันแบบง่ายมาก ทานแล้ว คิดถึงไก่ย่างที่ขับผ่านเข้ามา บ่ายกว่าๆ ก็นั่งรถ 2 แถว ไปยังฐานแรก เพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย พร้อมแล้วเดินไปทำกิจกรรม กลับมาสามารถนั่งรถชมสวนสัตว์เขาเขียวได้ แต่ทุกคนหิวมากกกก เลยข้ามไป ไปทานข้าวเย็นที่ร้านจันผา อาหารทะเลที่ไม่มีปู เอ หรือ ไม่มีกุ้ง อาหารไทยๆ จานไหนลง ก็หมด ส่วนจานหลังก็เกี่ยงกันตามปกติ แต่ก็ซัดหอยนางรมไป 2 จานนะ ไปทานของหวานกันต่อที่ร้านหน้าตาน่ารักมาก ร้าน We Cafe’ แต่เมนูทำสดหมดจ้า เหลือแต่เค้กในตู้ มีพี่ในทริปไปแก้มือที่ร้านนี้ด้วย จัดทั้งอาหารคาวและอาหารหวานเลยทีเดียว ออกจากชลบุรี 2 ทุ่มกว่าๆ แอบหลับบนรถไปบ้าง แวบโหลดรูปทริปฟิลิปินส์จากกล้องพี่หญิงอีกครึ่งชั่วโมง กลับถึงบ้าน สลบจ้า
ร้านขนม
สนุกสนาน ได้พามาเปิดประสบการณ์ห้อยโหนในป่าเมืองไทย ณ เขาเขียว ชลบุรี กับสมาชิกรวมแก็งค์ ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ใจดีที่ขับรถพาน้องๆ ไปด้วยค่ะ
ปิดท้ายด้วยคลิปสวยๆ ที่ซิปไลน์ช่วงที่ยาวที่สุดของที่นี่ ฝีมือถ่ายวีดิโอโดยคุณเอวิน สตาฟชาวไทย ดูได้เฉพาะเพื่อนๆ นะ

เครดิตภาพ จากทุกคน
วันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค. 2560 ทริป Flight of Gibbon
เว็บติดต่อ Flight of Gibbon ทั้งที่ชลบุรี และ ที่เชียงใหม่ ส่วนตัวเราชอบป่าที่ชลบุรีมากกว่า https://www.treetopasia.com/th/thai…
ควรติดต่อเพื่อจองที่ล่วงหน้า สามารถมาชำระที่หน้าด้วยเงินสด หรือ บัตรเครดิตได้ทั้งคู่ และกินให้อิ่มก่อนหรือหลังมาเล่น อาหารที่นี่ ไม่ค่อยผ่าน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
3-7 พฤษภาคม 2560 เราตั้งโจทย์กันไว้ว่า จะไป Cebu เพื่อ Canyoneering ที่ Badian กัน ส่วนอย่างอื่นเป็นโปรแกรมรอง เหรอออ ทั้งดูฉลามวาฬ ณ Oslob ทั้งกิจกกรรมผาดโผน ณ Danao Adventure Park, Bohol เราวางทริปไว้อย่างสวยหรู(สมบุกสมบันน่าจะเหมาะกว่า) แต่ละวันกิจกรรมตอบสนองตามที่ต้องการทุกอย่าง ดำน้ำเคียงข้างฉลามวาฬ ลุยธารน้ำ กระโดดน้ำกับน้ำตกสีฟ้า ไต่รากไม้ โรยตัว สไลด์ตัวข้ามผา 200 เมตร เหวี่ยงตัวระหว่างผาบนความสูงกว่า 400 เมตร
เราใช้บริการของเอเจนท์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เลือกใช้ Island Trek Tour ในการจัดการให้ในเรื่องเดินทางและกิจกรรม ส่วนใน Bohol เราเลือกบริการ Wow Bohol Tour ทำไมถึงต้องแยกกันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คงรู้สึกว่า ราคาดีกว่ามั้ง ทั้งสองเจ้าโต้ตอบค่อนข้างเร็ว ดูแลใช้ได้ ที่สำคัญคือ ไม่เทลูกค้าจ้า ต้องมีมัดจำก่อนเดินทางนะ จ่ายผ่าน PayPal
สายการบินที่บินไปเซบู มีให้เลือก 2 สายการบิน คือ Cebu Pacific และ Philippine Airlines เพิ่งมารู้ว่า Airasia ก็มีนะ แต่ต้องบินไปสิงคโปร์ งานนี้เราเลือกบริการจาก Philippine Airlines Full Service ราคาคนละประมาณ 13500 บาท +- นิดหน่อย ได้รับรู้ฤทธิ์ ความล่าช้าของการบินภายในในประเทศฟิลิปินส์แบบเต็มๆ ทั้งขาไปและขากลับ และการเลื่อนเวลาบินภายในได้ตลอดเวลา
BKK – Manila PR 371 13.45 – 19.05
Manila – Ceb PR 1869 21.20 – 22.35
Ceb – Manila PR 2860 16.45 – 17.55 เลื่อนมาจากรอบ 14.30 น.
Manila- BKK PR 372 19.20 – 21.50 แต่โดนเปลี่ยนเป็นไฟลท์เช้าจ้า 9.20
ทริปนี้มีเหตุการณ์หลากหลายให้เผชิญ เรื่องความล่าช้าของสายการบินที่เกริ่นไปบ้าง เหตุผลหนึ่งคือสภาพอากาศ ฟ้าฝนไม่เป็นใจ วันที่เราบินไป มีผู้โดยสารโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องแล้ว แต่กลับไม่ขึ้นเครื่องบิน ต้องโหลดกระเป๋าลง เสียเวลาไปเป็นชั่วโมง ซ้ำร้ายมาถึงตอนเที่ยงคืน ก็ยังไม่สามารถออกจากเครื่องบินได้ เพราะยังไม่มีประตูให้เข้าได้ เอ่อ ลงกลางลานแล้วให้รถวนไปส่งก็เป็นทางออกได้นะคะ แต่คงไม่มีบริการนี้ เจ้าพายุฝนตัวดีก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราต้องพลาดกับกิจกรรมหลักที่เราต้องการจะมา Canyoneering และน้ำตก Kawasan ต้องปิดไปเพราะระดับน้ำสูงและแรง แพและร้านโดยรอบโดนน้ำพัดกระจายไป ต้องเคลียร์พื้นที่ เราก็พยายามเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากวันที่ 1 เป็นวันที่ 2 แต่ก็ไม่ยังไม่เปิดซะที จะเลื่อนไปวันที่สาม ก็เกรงว่าจะเสี่ยงไปนิด มารู้ว่าเปิดวันแรก คือวันที่เราบินกลับนั่นแล รู้งี้ยอมเสี่ยงไปวันสุดท้าย แล้วเร่งมาก็ดี 555 แต่คงไม่ค่อยมีคนยอมหรอก เพราะเราก็ไม่รู้ล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างที่สนามบิน
วันแรก/วันสอง
เราเดินทางกันยาวๆ พาร่างเข้าห้องนอนได้ก็ร่วมตีสองกว่าของอีกวัน ซ้ำยังต้องเตรียมตัวออกเดินทางแต่ตี 5 เพื่อมุ่งไป Badian หลับมาราธอนบนรถกันกว่า 3 ชั่วโมง เหวี่ยงซ้าย เหวี่ยงขวากันตลอดทาง คนขับก็แจ้งว่า เราไม่สามารถไป Canyoneering วันนี้ได้ จะสลับวันเป็นวันพรุ่งนี้แทน ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ยังได้ไป เราก็ไปดูฉลามวาฬกันก่อนแทน รับอาหารเช้าเบาๆ ตามโปรแกรมเป็นข้าวเหนียวมะม่วง หา อะไรนะ คือ ไม่อร่อยด้วยอ่ะ ก่อนจะเดินตามไกด์ไปที่ทะเล เฮ้ย ใกล้มาก เรือลำน้อยหลายสิบลำลอยละล่องกันอยู่ ไกด์พยายามชี้ให้เราดูว่า มีฉลามวาฬอยู่ตรงนั้น เปลี่ยนชุดกันเล็กน้อย คว้าอุปกรณ์สำหรับดำน้ำ ไปเดินตามๆ ไกด์ รู้ตัวอีกทีก็นั่งฟังบรรยาย ด้วยกฏที่เค้าวางไว้ ห้ามเข้าใกล้เกิน 4 เมตร อย่าไปจับ ห้ามทาครีมกันแดด ตรงๆ นะ พออยู่ใกล้ก็ลืมกันหมด แถมยังควบคุมการว่ายน้ำค่อนข้างลำบาก เพราะฉลามวาฬจะไปทางไหน ไม่รู้ได้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Ras
ไปอัดกันอยู่บนเรือประมาณ 10++ แรงพาย 2 คน เรือก็ไปออๆ กันอยู่ใกล้กับเรือเล็กกว่าที่มีคนคอยให้อาหารล่อปลาฉลามวาฬเอาไว้อยู่ ก็ตื่นเต้นกันพอควร กระโดดน้ำ มุด ดำผุดดำว่าย พาตัวไปให้ได้จังหวะถ่ายรูปด้วย ถ่ายรูปไปได้สัก 10 รูป ก็ยื่นให้พี่สาวช่วยถ่ายให้บ้าง และแล้ว กล้องใต้น้ำ Olympus Tough TG3 ที่อยู่กับเรามา 3 ปี ทริปแรกล่องแก่งน้ำว้า ทริปสุดท้ายเซบู ฟิลิปินส์ ก็ค่อยๆ ดำดิ่งลงน้ำ รู้ตัว เราก็พยายามมุดดำตามแต่ หายใจน้อยน้อย ลงได้นิดเดียว โผล่ขึ้นมา มองกลับลงไปก็ต้องทำใจแล้วว่า ไม่ทัน คนที่เหลือช่วยอะไรไม่ได้ยิ่งกว่า เพราะเสื้อชูชีพเต็มยศกันทุกคน พี่สาวเจรจากับคนเรือให้หาคนช่วยงมให้ จ่ายไป 3000 เปโซ ระหว่างนี้ เราก็ว่ายมองด้วยความสงบ และ พยายามพาตัวเข้าไปอยู่กล้องคนอื่นแทน และทุกคนระมัดระวังในการใช้กล้องและส่งกล้องมาก 555 บทเรียนอันแสนแพง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Ras
วันนี้น้ำค่อนข้างใส ทะเลค่อนข้างสงบ เจออยู่ 1 ตัวเต็ม มองไปมองมา เหมือนดูปลาสวายตามวัดที่ว่ายตามอาหารเลย ใต้น้ำก็พอมีคนดำน้ำลึกอยู่บ้าง ใช้เวลากันประมาณ 30 นาทีก็กลับเข้าฝั่ง มีผ้าเช็ดตัวบริการ ตัวเปียกๆ นั่งรถต่อไปเที่ยวเล่นที่น้ำตก Tamalog Fall สดชื่นมากกกก น้ำตกสะท้อนกับแสงแดดลงแอ่งน้ำขนาดย่อม น้ำเย็นฉ่ำ ยิ่งเพิ่งได้ฝนมาไม่นาน น้ำเต็มเลย แต่ก็ออกขุ่นๆ ก้อนหินกับมอสเขียวๆ ชอบเลยที่นี่ ขอให้แวะมา
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Ras
Oslob Tumalog fall

CR Dowrai
Oslob Tumalog fall grout
11.00 น. ข้ามไปเกาะ Sumilon เพื่อพักผ่อนอิริยาบทและทานมื้อกลางวัน ไปเล่นน้ำสระน้ำสีสวย มองวิวทะเลชิวๆ พายเรือคยัคเล่น ดำดูปะการังริมชายหาด เห็นว่า มีลูกฉลามอยู่แถวนั้นด้วยนะ แต่เราไม่เจอ แต่ดำที่นี่ เหมือนโดนปึ่งกัด เลยอยู่ได้ไม่นาน เพื่อนเอาโดรนมาก็บินโดรนสนุกสนานเลย คือ ถ้าเหนื่อยๆ มา มานั่งแช่น้ำในสระน้ำก็ชิวดีนะ กลับเรือเที่ยว 15.30 น. แวะไปที่ Island Trek เพื่อปรึกษากันเรื่อง Canyoneering ว่าจะเอาอย่างไร เพราะแนวโน้มว่า จะยังไม่เปิดในวันพรุ่งนี้ คุยกันร่วมชั่วโมง คนด้านนอกเล่นโดรนกันใหญ่ เราก็หาโปรแกรมใหม่มาลงแทน เป็นอะไรนั่น ติดตามในวันพรุ่งนี้จ้า 555
Oslob Sumilon

CR Champ
เข้าที่พักอันสวยงามที่สุดของทริป ออกมานั่งรับลม ทานอาหารในที่พักกันเลย 2 ทุ่มกว่า ก็เริ่มทยอยเข้าห้องกันแล้ว เชื่อว่าคงหลับเร็วกันทุกคน เรายังนอนเร็วเลยคืนนี้ ได้เขียนบันทึกของวันนี้นะ สี่ทุ่มก็นอนละ
วันที่สาม
ตื่นเช้าอีกหนึ่งวัน ไปดำน้ำดูฉลามวาฬกันอีกรอบค่ะ แต่เราย้ายฝั่งไปดำน้ำลึกกับพี่สาว 2 คน ที่เหลือก็ดำน้ำตื้นเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่มีไกด์นำแล้วนะ ต้องคอยฟังหมายเลขกันเอง แม้คนขับจะพยายามช่วยบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ติดๆ ขัดๆ ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้บริการ ไม่มีมื้อเช้าเป็นข้าวเหนียวมะม่วง แต่ไปกินร้านข้างทางตรงปากทาง หมูกรอบ ไก่ย่าง อร่อย อิ่มท้อง ราคาถูกด้วย
วันนี้คลื่นแรงกว่าวันแรก แต่ฉลามวาฬเยอะกว่าเมื่อวาน มากัน 3 ตัวได้ ต่างขนาดกัน อุปกรณ์ดำน้ำของที่นี่ไม่ค่อยสมบูรณ์ ถ้าติดต่อกับร้านดำน้ำโดยตรงน่าจะได้ชุดที่ดีกว่า จริงๆ ก็เป็นกลุ่มดำน้ำมาให้บริการแหละ ใช้รถจี๊บเป็นฐาน ไม่มีตัวร้าน เรามีปัญหากับ BCD มาก คือ มันรั่วไง ลมเข้า ตัวลอยขึ้นตลอดเวลา กดออกอยู่ตลอด สุดท้าย DM เลยดึงปลั๊กออก เออ ค่อยสบายหน่อย Shore Dive นี่เหนื่อยนะ ต้องสู้กับคลื่น เราเดินถอยหลัง แล้วลอยถอยหลังกันไป ได้ระดับหนึ่ง ก็คว่ำหน้าจมตัวว่ายออกจากฝั่งไปจ้า
ว่ายไปหาฉลามวาฬ นัดแนะกับ DM ว่าจะเรียกเข้าไปถ่ายรูปยังไง เนื่องจากไม่มีกล้องแล้ว เลยเช่ากล้องเค้าถ่าย 550 เปโซ เป็นกล้อง Go Pro แต่ดูจากการถ่ายรูปแล้ว เค้าถ่ายแต่มุมเงยอ่ะ ตัวคนถ่ายแทบจะติดทรายอยู่แล้ว โดนเรียกถ่ายรูปสลับกับพี่สาวจนมึนหัว ขออยู่นิ่งๆ มองไปไกลๆ ดูทะเลขุ่นๆ เห็นฉลามวาฬตัวเล็กๆ ว่ายผ่านไปผ่านมา เออ ดีค่ะ ชอบแบบนี้มากกว่าตัวที่ว่ายตามเรือให้อาหารเยอะเลย เหอๆ เอาน่ะ ได้เห็น 1 ใน Big 5 แห่งท้องทะเลในอีกรูปแบบหนึ่ง
DCIM101MEDIA
ขึ้นจากทะเล เราจะต้องโหลดรูปลง… เอาอะไรดีล่ะ laptop เพื่อนเลยค่ะ มองซ้ายมองขวา ทีมดำน้ำตื้นยังไม่ขึ้นมา เจอรถแล้ว ลุยสิคะ เจอเจ้าของ laptopก็รีบบอก กว่าจะได้รูปใช้เวลานานอยู่ พร้อมทุกคน ตัวเปียกๆ เดินทางไปยัง Moalboal แหล่งดูปลาซาดีน นั่งรถไปร่วม 2 ชั่วโมงนะ แวะทานข้าวที่ตลาด หมูสามชั้น/หมูกรอบ จะเรียกอะไรดีละ คือ หั่นหนามาก เห็นทุกชั้นตั้งแต่หนังจนชั้นเนื้อ เรากินแบบนี้กันหลายมื้อเลยล่ะ ข้าวขายเป็นห่อๆ ห่อไว้อย่างสวยงาม เสริมด้วยไก่ทอดบ้านๆ ปิดด้วยขนมเค้กขนมปัง หน้าตาคล้ายแซฟฟอน รสชาต อืม พอกินได้
รถพาไปยังบริษัทที่ดูแลเรื่องดำน้ำ มอเตอร์ไซต์ขี่นำไปยังจุดเริ่มต้น เป็นบ้านชาวบ้าน มีห้องอาบน้ำ เตรียมอุปกรณ์ เปลี่ยนชุดถ้าจะเปลี่ยน เดินตามทางไปริมหาด ขึ้นเรือขาแมงมุม ที่นั่งสองฟาก มุ่งไปเกาะเล็กๆ วันนี้เราดำน้ำ 3 จุด จุดแรก ดำริมเกาะไร้หาดทราย เพื่อนลงไปก่อน โดนกระแสน้ำพัดไปโลด ดีมีคนลงไปด้วยพร้อมชูชีพ ช่วยกันบอกให้ช่วยเหลือ โยนเชือกไปจ้า เด็กเรือเรามีว่ายตามไปด้วย แต่ตัวเปล่านะ 555 น้องได้รับความเอ็นดูมาก เพราะช่วยเหลือตลอด อีกคนก็ช่วยถ่ายรูป จริงๆ ควรใช้เวลาสบายๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เราบีบเวลากันให้ไม่เกิน 2 ขั่วโมงนิดๆ เพราะต้องไปต่อ
Moalboal boat
จุดที่สอง กลับเข้าริมฝั่งแล้ว พามาชมฝูงปลาซาดีนริมฝั่ง พูดว่า ริมเขื่อนดีกว่า เหมือนนั่งอยู่ร้านอาหารแล้วมีฝูงปลาว่ายไปมานั่นแหละ เยอะมาก อลังมาก สนุกดี จริงๆ ไม่ต้องเสียค่าเรือก็ได้นะ มาแล้วก็ลงได้เลย แต่เรามาไกล ก็ต้องไปดำหลายๆ ที่หน่อย ถ่ายรูปกันสนุกสนาน จุดนี้เราเจอเต่าเมื่อขึ้นเรือมาแล้วด้วย เพื่อนกระโดดตามลงไป พร้อมกล้อง แต่ แต่ แต่ เค้าใส่แว่นตาอยู่ ไม่ได้ใส่แว่นดำน้ำ ผลคือ แว่นหายจ้า ดำคืนไม่ได้ น้ำลึกนะ เสร็จไป ทุกคนก็งงว่า โดดไปทำไม
ย้ายไปอีกจุด ใกล้จุดที่เราลงกันนั่นแหละ แถวนี้มีเต่าอยู่ ก็ว่ายดูนู่นนี่กันเรื่อยๆ ก็ยังไม่เจอ จนคิดจะว่ายกลับ เพื่อนเรียก เราก็เลยโผไปหา หันไปบอกพี่อีกคน ดีนะพี่เค้าไม่ตาม ไม่งั้นหมดแรงแน่ เราก็เร่งฝีเท้าตามเต่าจ้า ว่ายลิ่วๆๆๆๆ เลย เราก็ว่ายประกบ จะเอารูปคู่ ถามว่า เจอเต่ายากเหรอ ไม่ยากหรอก เยอะะะะ แต่เจอก็ขอนิดนึงล่ะ ขากลับก็ลอยตัวกันไป อ้อ เราไม่ได้ใส่ชูชีพนะ ทั้งคู่เลย ถ้ามีสติก็สบาย แต่ถ้าสติหลุดก็อาจสำลักน้ำได้ จบทริปดำน้ำที่นี่ ด้วยความอิ่มเอม ใครจะมาเซบู ใช้ Moalboal เป็นที่พักก็ดีนะ มีที่ดำน้ำเยอะ ริมหาดก็เห็นเยอะเลย
ราดน้ำ เปลี่ยนชุดแห้ง พุ่งกลับตัวเมืองเซบู และคอยแวะหาร้านแว่นเป็นระยะ พึ่งรู้ว่า แว่นสำเร็จรูปมีแต่แว่นสายตายาว ร้านตัดแว่นด่วนไม่เจอเลย คือแถบนี้ค่อนข้างชนบทน่ะ ถึงตัวเมือง เข้าท่าเรือ รถค่อนข้างแน่น เราก็เลยตัดสินใจหอบกระเป๋าเดินเข้าไปกันเองด้วยความรวดเร็ว กลัวตกเรือไง แถวเข้าด้านในก็ยาว ต้องแสกนกระเป๋าด้วย เข้าไปก็ไปเสียตังค์ค่าธรรมเนียมท่าเรือก่อน คนละ 25 php ค่ากระเป๋าใบละ 50 php เรือรอบ 18.30 น. แต่ดีนะ ขึ้นเป็น 18.45 น. เลยทันแบบฉิวเฉียด แต่ ไม่มีอาหารให้ซื้อกินเลยจ้า บนเรือก็ไม่มี มีแต่ขนม หิวกันไป นั่งไป 2 ชั่วโมง เรือของ Oceanjet ไปยังท่าเรือ Tagbilaran Port , Bohol http://www.oceanjet.net/cebu-tagbil…
รถโรงแรมมารับที่ท่าเรือ ถึงที่พัก ก็ถามหาที่กิน ต้องพึ่ง McDonald กันอีกมื้อ นั่งรถสามล้อกันไป ค่าโดยสารคนละ 10 เปโซ นั่งได้ 3 คน ที่นั่งข้าง 2 คน ซ้อนมอเตอร์ไซต์ 1 คน เรากะให้เพื่อนเราซ้อน แต่ดันไม่ซ้อนแฮะ เลยต้องไปนั่งเบียดกับพี่สาวเรา ส่วนเรานั่งพี่อีกคน บางๆ ทั้งคู่ แถวนั้นมีพิซซ่า กะ แมค ก็เลยกินแมคจ้า แต่เรากินไม่ค่อยลงแฮะ กลับถึงที่พักอาบน้ำ นอนหลับกลางอากาศเลย ไม่เขียนแล้ว บันท้งบันทึก
ขอเสริมว่า วันนี้เรามีมนุษย์ดำน้ำเดินกลางถนนจ้า ก็เพื่อนทำแว่นหายไง ดีที่แว่นดำน้ำเป็นแว่นสายตาด้วย แต่ก็หายใจลำบากหน่อย พรุ่งนี้จะให้ลองใส่คอนแทค เพราะต้องเดินทั้งวัน ถ้าต้องใส่แว่นคงจะมีคนแอบถ่ายรูปเยอะแน่เลย หุหุ นึกภาพตามนะคะ
Bohol มนุษย์หน้ากาก
วันที่สี่
ภารกิจยามเช้าหลังทานข้าว พี่สาวใส่คอนแทคเลนส์ให้เพื่อน เราช่วยถ่างตาล่างให้ ให้ใส่ให้ก็คงไม่ค่อยถนัด แต่ตอนถอดออกให้สบายมากกกกก ดีใจกับเพื่อน ไม่ต้องเป็นมนุษย์กบบนบกแล้ว ถ้าใส่วันนี้ทำกิจกรรม คงจะมันส์พิลึก
วันนี้เป็นอะไรที่สนุกเกินคาดมาก ช่วงเช้าก็ออกตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปชมอนุเสาวรีย์ Blood Compact มีประวัติศาสตร์ พูดถึงการเข้ายึดครองพื้นที่ แต่แนวว่า เรามาอย่างมิตร มาดื่มกัน ชม Ruins of Baclayon Church ถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี 2013 ยังซ่อมไม่เสร็จจ้า ก็ดูข้างนอกที่ยังไม่สมบูรณ์กันไป
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
คนขับพา trainee มาด้วย แต่บอกว่า พามาเป็นผู้ช่วย เพราะต้องขับยาว เหรอ เอาที่สบายใจค่ะ ผ่าน Manmade Forest ด้วย ทางโค้งๆ กับต้นไม้สูงๆ ไปดูสัตว์ประจำถิ่นกันจ้า Tarsier ที่ Tarsier Conservation เข้าไปจะมีบรรยายให้ได้รู้กฏระเบียบกันเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปตามเส้นทาง จะมีป้ายเป็นจุดสังเกตว่า มีอยู่นะ ตัวมันเล็กมาก ตาโตจริงๆ ส่วนใหญ่จะหลับ ยืนมองมันอย่างสงบ พิจารณาท่ามกลางคนพยายามถ่ายรูป พอไม่มีกล้องในมือก็โล่งดีนะ มีหลายตัวเลย แบ่งๆ กันชมนะคะ ตัวแรกทำงานหนักหน่อย มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยดูแลไม่ให้ใครกวนเจ้าตัวเล็กจนเกินไป ชมเสร็จได้รับข่าวดีประจำวัน คนขับลืมกุญแจไว้ในรถ เปิดไม่ได้จ้า รอไปยาวๆ ซื้อน้ำมะพร้าวกิน ลองน้ำปั่นมะม่วงกัน ซื้อของอันแสนแพงใน Conservation ก่อนจะมาเจอของถูกเมื่อเดินมาริมถนน และเจอร้านขายของที่ระลึกอีกหลายร้านเลย ฝนตกพรำๆ อีกต่างหาก ละลายเงินกันไปหลายค่ะงานนี้ ร่วมชั่วโมง กว่าจะได้เดินทางต่อ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
ไปชมวิว Chocolate Hills ที่ Carmen Complex เดินขึ้นบันไดไปยาวๆ แหม สั้นกว่าไปวัดที่เชียงใหม่น่า วิวเขานับร้อยๆ พันๆ ลูก เป็นเนินๆ สีเขียวๆ เราขอเรียกว่า Chocolate Mint Hills ละกันนะ ถ่ายภาพกันสนุกสนาน แย่งชิงวิวกันไป ท่ามกลางแสงอาทิตย์ใกล้เที่ยง ก็ร่วม 11 โมงได้ ร้อนแท้ นั่งรถได้ค่อยสบายหน่อย ใช้เวลาที่นี่สัก 20-30 นาทีได้ ไปหาวิวให้ถ่ายโดรนกันจ้า หยุดกันสองรอบได้ เล่นกันให้สะใจ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
ถึงเป้าหมายสำคัญอีกที่ของวันนี้ Danao Adventure Park ที่เล่นกิจกรรมอันหลากหลาย เราตั้งเป้าว่า จะมาเล่น Root Climbing (400 php) , SuiSlide (350 Php) และ Plunge (700 php) อันนี้ดูมา แต่ยังไม่คิดจะเล่น แต่สุดท้าย 555 ทานข้าวกลางวันกันก่อน บ่ายครึ่งถึงเริ่มเดิน ไต่ลงไปเรื่อยๆ สำคัญคือ ไปทางไหนกลับทางนั้นค่ะ ใช้เวลาเดินทางสัก 30 นาทีได้นะ ลงไปเห็นแม่น้ำ น่าพายคยัค มีหิน ร่องน้ำเป็นระยะ
อ่าาาา รากไม้ดูไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่คิด แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์สนุกสนานกันประมาณนึง ทุกคนทำเวลากันได้ดี ไม่มีใครต้องช่วยเชียร์ ไต่ขึ้นตามช่องกันอย่างว่องไว แต่ทุกคนไม่รู้ไงว่า ตอนลง ลงยังไง 555 ข่าวว่ามีเสียวกันใช่ไหมคะ แหม 15 เมตรเอง ขากลับก็ทำเวลากัน ด้วยความหวังว่า จะมีเวลาพอไปเล่นอย่างอื่น เพราะกลัวจะไปขึ้นเรือไม่ทัน แต่ ก็ยังนั่งดื่มน้ำอัดลมเพิ่มพลังระหว่ารอเราหาเรื่องเรือนะ สุดท้ายตัดสินใจขึ้นรอบสุดท้าย เพื่อจะได้ทำกิจกรรมที่เหลือต่อ หุหุ
ไป Suislide กันค่าาาาาาา นอนบินข้ามเหวกันยาวๆ กว่า 200++ เมตร ลึกกว่า 400 เมตร ไป และ กลับ คนละเส้นนะ ขาไปดูพี่ชายของกลุ่มทำท่าจะเปลี่ยนใจ เราเลยรีบส่งไปเล่นก่อนเลย แล้วเราปิดท้าย ส่งพี่ชายของกลุ่มเสียงดังมากกกกทั้งขาไปและขากลับ รอถ่ายรูปตั้งนานแน่ะเสียงมาก่อนตัวไกลมาก วิวสวยมากกกก เห็นเป็นทิวเขาแบบ Chocolate Hills ด้วย ข้างล่างก็เป็นแม่น้ำ และป่าเขียวชอุ่ม เล่นกันจนครบทุกคน ก็มองดูว่า Plunge อยู่ตรงไหน ไม่มีใครเล่นอยู่เลย ไม่มีตัวอย่างให้ดู
เพื่อนเราปากดี หุหุ ใช้คำนี้เลยนะ ไปบิ้วพี่ชายของกลุ่มว่า ถ้าพี่เล่นด้วย ผมเล่นเลย จะเล่นแต่ก็หาเพื่อนเล่นด้วย แต่บิ้วไม่ขึ้นไง สุดท้ายหันมาหาเรา เราก็เลย เอาสิ รับคำนิ่งๆ แล้วบอก เดี๋ยวไปจ่ายตังค์ให้ก่อน เพื่อนไปเตรียมตัวเลย คุยกะพี่สาวว่า แกล้ง ให้เล่นไปคนเดียวนั่นแหละ แต่ระหว่างที่จ่ายตังค์ ก็คิด เล่นดี ไม่เล่นดี สุดท้ายก็เลยเล่นด้วย 555 ใจจริงก็อยากเล่น เดินกลับมา เพื่อนก็ตะแง๊วๆ กลัวเราไม่ได้เล่นด้วย อารมณ์พร้อมเปลี่ยนใจทุกวินาทีถ้ามีใครห้ามสักคน แต่ไม่มีไง ทุกคนก็อยากดู พลาดแล้วเพื่อนเอ๋ย แต่ก็เป็นความพลาดที่น่าชื่นชม
Bohol Danao Adventure Activities

กิจกรรมสนุกๆ @ Danao Adventure Park Cr.Dowrai
เมื่อได้เล่น ติดใจค่า ดูสนุกมาก แม้จะใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่าคนอื่น เพราะพอถึงคิวเราก็เร็วเลย จังหวะเดินออกไปยืนตรงจุดพัก ที่รองพับตัวไปแล้ว เราถีบตัวออก ลอยเคว้งอยู่บนความสูง 400 เมตร ยังไม่เสียว R U Ready? 1 2 3 ปล่อยปุ๊บ กรี๊ดดดดดดค่าาาาาา อาจไม่ดังเท่าคนอื่น แต่ก็ต้องกรี๊ดล่ะ ปล่อยมือ ปล่อยตัว เหวี่ยงกันยาวๆ พอเชือกดึงตัวก็โอเค สุดเชือกแล้ว ช่วงเหวี่ยงเบาถึงเริ่มมีอาการมึนได้เหมือนกันนะ มั่นใจเลยว่า พี่สาวคนนึงเล่นไม่ได้แน่ ตะโกนขึ้นไปว่า สนุกมาก พี่สาวอีกคนต้องเล่นนะ เห็นอีกทีพี่สาวของกลุ่มก็วิ่งไปจ่ายตังค์ว่าจะเล่นอีกคน สาวๆ เราใจกล้ากันทั้งนั้น ไปกัน 6 คน หญิง 4 ชาย 2 เล่นกันไป 4 คน ชาย 1 หญิง 3 คน พี่ชายของกลุ่มบิ้วไม่ขึ้นจริงๆ พี่สาวอีกคน ไม่สมควรเล่น กิจกรรมที่คิดว่าจะไม่กล้าเล่น มันส์มากกกกกกกก ทุกคนบอกว่าคุ้มมมมมม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
นั่งรถพุ่งไปท่าเรือ Tubigon Port ท่านี้อยู่ใกล้กับ Park ที่เราไปเล่น และมี Ferry 1 ชั่วโมงข้ามไปเซบูด้วย พุ่งไปซื้อตั๋วก่อนเลย เฮ้ย ทันเวลาอ่ะ มีรอบ 18.45 น.ด้วย ในเวปบอก 19.45 สรุป เรือที่นี่ ดูเวลาประมาณการณ์ได้ แต่เวลาจริงๆไม่ใช่นะ ถ้าพลาดก็ต้องเที่ยวต่อไปของบริษัทต่อไปเลย เรารอคิวได้สักพัก เราก็ส่งสัณญานขอพาสปอร์ต อีกทีมไปซื้ออาหารเตรียมไว้ MVstarcraft จ๋า เราจะไปกับเธอ แต่ แต่ แต่ เจ้าหน้าที่ก็ทำไม้ทำมือให้ไปที่อื่น ที่คนหน้าเราไป 2 คิวได้ ประมาณว่า จบที่คนนี้ เฮ้ยยยยยย มีคนพูดภาษาอังกฤษให้พอเข้าใจ แล้วชี้ไปอีกที่ขายตั๋วว่านั่นคือ รอบถัดไป ก็ต้องเดินไป ต่อคิว ดูราคา ถูกจัง คนละ 140 php มีค่าธรรมเนียมตอนซื้ออีก 30 php และก็ค่าธรรมเนียมท่าเรืออีกคนละ 20 phpนะ เรือแบบไหนฟะ ก็แอบดีใจ Light อะไรสักอย่าง เวลาออกก็ 19.00 น. แต่พอถามเวลาเดินทาง จาก 1 ชั่วโมงกลายเป็น 3 ชั่วโมง มันคือ เรือข้ามเกาะแบบขนรถด้วย นั่งกินลมกันไป ก็ต้องรับสภาพ นั่งเขียนบันทึก นั่งเล่นไพ่การ์ดเศรษฐีกันไปหลายตาเลย ออกจริง 19.30 น.ได้ ต้องคอยบอกคนรับทางนู้น สุดท้ายเปลี่ยนคนรับ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ถึงที่พักก็สลบกันไป แต่คุ้มมมมมม 5555 เสียงพี่ชายของกลุ่มลอยมาเลย จะคุ้มมาก ถ้าพี่ยอมเล่น Plunge ด้วยนะคะ
Check – in ล่วงหน้า ทำได้ booking เดียว อีกอันมีปัญหา สอบถามทาง online ก็ช่วยไรไม่ได้ สรุป ไปหน้าเคาน์เตอร์นะคะ
วันที่ห้า
ฝนตกพรำๆ วันเที่ยวเมือง ไปวัดเต๋า ชม Heritage Monument อนุสรณ์รูปปั้นเหตุการณ์สำคัญๆ ของเมืองนี้ ใต้ฐานมีคนอาศัยอยู่ด้วย เป็นคนเฝ้าในตัว ใกล้ๆ มีบ้านเก่าอยู่ Yap-San Diego Ancestral House ข้าวของเต็มบ้าน ฝาบ้านเป็นผนังปูน บรรยากาศดูอึมครึม ถ้าให้อยู่นี่ก็มีเสียวนะ บ้าน 2 ชั้น พี่ชายของกลุ่มหนีออกไปนั่งเล่นข้างนอกละ คุยกับคนขายมุกจ้า แล้วก็เลยถ่ายรูปจากด้านนอกเข้ามาในบ้านให้เราไป 555 มารู้ทีหลังว่า ไม่ค่อยชอบบรรยากาศบ้านแบบนี้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

CR Champ
ไปชมโบสถ์ St.Nino ในวันอาทิตย์ คนเข้าโบสถ์กันเยอะมาก มาสัมผัสบรรยากาศจริง ถึงแรงศรัทธา การบูชาด้วยเทียน เผาเทียนทั้งเล่มบนเตากันเลย เดินไปจตุรัส ชม Magellan’s Cross ตรงหัวมุมมีร้านขายของที่ระลึกไว้ละลายทรัพย์ ถัดๆ ไปก็มี supermarket แต่ไม่มีขนมแล้ว ขึ้นรถถึงเห็นว่า ด้านหลังมีอีก supermarket นึง ก็ซื้อเท่าที่ได้ล่ะน่ะ ชิมแล้ว คิดว่า ของไทยเราถูกปากกว่า ได้แม็คเน็ตฉลามวาฬจากเด็กน้อยที่ยืนขายของอยู่ริมถนน 3 อัน 100 Peso ไปแวบดู Fort San Pedro จากด้านนอกกันอีกนิด ไม่ได้เสียตังค์เข้าไปดูข้างในนะ แหะๆๆ ไปทานข้าวกันค่า นั่งรถไปพอควรเลย ตั้งใจกินบุฟเฟต์อาหารทะเล แต่ราคาแพงเกิน คิดยิบย่อย เลยได้กินอาหารจีนแทน ก็ใช้ได้นะ มื้อนี้แพงสุดแล้ว อิ่มมากด้วย
Cebu City tour บรรยากาศ

CR Dowrai
Cebu City tour Fort_resize

CR Dowrai
มุ่งไปสนามบิน ถึงเร็วมากกกก เพื่อ!!! เที่ยวภายในจาก Cebu – Manila คือ 16.45 น. ซึ่งเลื่อนมาจาก 14.30 น. แถม ดีเลย์จ้า ไม่ได้ดีเลย์ธรรมดานะ คือ ยังไม่ออกจากมะนิลาเลยด้วยซ้ำ ลุ้นสิคะ ไฟลท์ระหว่างประเทศมัน 19.20 PM จะทันเหรอ กว่าจะได้ขึ้นเครื่องก็ ร่วม 18.30 น. แล้ว ระหว่างนี้ ขอเอกสารจากสายการบิน ยืนยันเรื่องไฟลท์ดีเลย์ไว้ก่อนเลย ขอบคุณแฟนเพื่อนที่ส่งข่าวว่าต้องการเอกสารอะไรบ้าง ลงจากเครื่องวิ่งมาติดต่อส่วน Transfer เครื่องออกไปแล้วจ้า
นั่งรออีกพักใหญ่ กว่าจะได้ที่พัก รถรับส่ง คือคนมาติดต่อเป็นระยะๆ เลย เพลียกันแล้วล่ะ พี่สาวอยากออกไปทานข้างนอก เราขออยู่ห้อง ทานอาหารที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ละกันนะ อร่อยดีเหมือนกัน นั่งดู The Mask Singer ด้วย เพลินๆ
ที่พักวันนี้อยู่ย่านธุรกิจ ห่างจากสนามบินร่วมครึ่งชั่วโมงได้ แต่ถ้ารถติดก็คงยาว รุ่งเช้า ได้ไฟลท์ 9.20 น. ขอบ่นออกสื่อ เรื่องการจัดการรับมือของสายการบินหน่อยนะ คือ ก็ได้รับตามมาตรฐานนั่นแหละ แต่ข้อมูลที่ให้เนี่ย ไม่ตรงกันเลย ตอนแรกบอกมี 2 ไฟลท์ เราต้องออกตอน 7.20 น. เราก็งง เป็นไปได้ไง เราจองตั๋วมา มันมี แค่ 2 ไฟลท์ต่อวัน เช้ากับบ่าย มาบอกว่าเราต้องออกแต่ตีห้า เฮ้ย ป่านนี้เรายังไม่ได้นอนเลย พอจัดการได้เอกสารมา ถึงมาบอกใหม่ว่า เวลาที่เราเข้าใจนะถูกแล้ว เข้าใจว่า ต้องรับมือเยอะ เพราะภายในดีเลย์เยอะ แต่ช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องด้วยนะ ถึงกรุงเทพก็เที่ยงๆ เดินทางกันยาวดีแท้ แต่ละคนเข็ดกันไปอีกนานเลย ลั่นวาจากันไว้ว่า ถ้าไม่ได้บินตรงเซบู ก็จะไม่ขอมาแก้มือ แต่ แต่ แต่ ตอนนี้ฟิลิปินส์ โดนผู้ก่อการร้ายยึดบางเกาะจ้า เหตุเกิดปลายเดือน พ.ค. 60 จะสงบเมื่อไหร่ ถ้าจะไปจริงๆ แม่คงมองหน้า แต่แหม มีเป็นร้อยๆ เกาะนะคะแม่ขา
ทริปนี้มีเหตุการณ์ชวนตื่นเต้น ชวนสะดุดอยู่ตลอด ก็รับมือกันไป การเดินทางราบรื่นบ้าง ไม่ราบรื่นบ้าง เราก็ต้องมีความสุขกันสิ่งที่ได้ทำเนอะ แต่ แต่ แต่ Canyoneering เปิดวันอาทิตย์ ถ้าเราไปนะ ถ้ารู้ว่าดีเลย์ ถ้าลุยไปเช้า บ่ายกลับ นี่ปิดจ๊อบได้เลย ถ้า ทั้งนั้น
น่าสงสารเพื่อน ไม่มีแว่นสายตาใส่ไปอีก 3 วันเต็ม คงอึดอัดน่าดู ให้ใส่ contact ต่อก็ไม่ยอมใส่
เรื่องน่าสนใจเรื่องนึงของที่นี่คือ เครือข่าวโทรศัพท์ 2 เครือข่ายใหญ่ของฟิลิปินส์นั้น ไม่สามารถโทรหากันเองได้ เข้าใจแล้วว่า ทำไมเบอร์โทรศัพท์ของทัวร์ถึงต้องมีวงเล็บอยู่  สายการบินฟิลิปินส์มีโปรร่วมกับค่ายหนึ่ง แจกซิมให้ฟรี โทรได้ 1 วัน ใช้เน็ตได้ไม่เกิน 10 Meg ลงทะเบียนง่ายมาก ก็ผลัดกันเปิดคนละวัน หุหุ จัดการบริหารได้ แต่ก็ซื้อเพิ่มมาด้วย เพื่อจะได้มี Net ใช้ แต่ แต่ แต่ ค่ายที่เราเลือก สัณญาณแถบ Oslob ไม่ดีจ้า เซ็งเลย มาใช้ได้ดีที่ Bohol แต่อีกนิด คือ มีค่ายกลางที่โทรหาได้ทั้ง 2 เบอร์ด้วยนะ แต่สัญญาณก็ไม่ค่อยครอบคลุมเท่าไหร่
สรุปค่าใช้จ่าย
ทัวร์ Island Trek คนละ 7500 PHP
Wow Bohol Tour คนละ 980 PHP
ค่ากิจกรรมเพิ่มเติม
  • ค่าดำน้ำตื้น 500 php
  • Danao Adventure Park 350+400+700 php
  • ปลาซาดีน+ฉลามวาฬ 2500 ดำน้ำตื้น/4500 ดำน้ำลึก php
ค่าเดินทางเพิ่มเติม ค่าเรือ ค่าธรรมเนียม 324.5 php
ค่ากิน 1940 php
ค่าทิป และ อื่นๆ 183.5 php
ค่าประกันเดินทาง MSIG 5 วัน 510 บาท
ที่พัก
Cebu city: Cebu Dulcinea Hotel and Suites (B) ห้องละ 2273.6 php อยู่ใกล้สนามบินไม่เกิน 10 นาที
Oslob: Down South 118 Beach Resort ห้องละ 2200 php ที่พักน่ารัก ร้านอาหารใกล้ๆ ไม่เห็น
Bohol: Vest Grand Suites (B) ห้องละ 952 บาท แนวโบราณ ออกจากซอยไปนิดหน่อยก็เจอถนนใหญ๋แล้ว
Cebu: city The Well Hotel (B) ห้องละ 1980 php ที่พักดี อาหารใช้ได้
Las Palmas Hotel (B) ที่พักที่สายการบินจัดให้ อยู่ย่านสีลม/สุขุมวิท บ้านเรา ห่างจากสนามบิน 20 นาทีแบบรถไม่ติด รอบๆ ร้านอาหารเพียบ
สรุปค่าประสบการณ์ ประมาณ 28,308.5 บาท
สมาชิกผู้ร่วมทริป 3 ก พี่หญิง พี่แชมป์ และ มิ้น
เครดิตภาพถ่าย ทุกคนเลยค่ะ


Categories