กว่า 4 ชั่วโมง กับการชมคอนเสิร์ตแบบประภาส ดูแล้วอิ่มมากๆ เพลงเพราะ นักร้องเสียงดี มีการทำดนตรีใหม่ให้เหมาะสมกับนักร้องที่มาร้องเพลง
นักร้องหลักๆ มี เจนนิเฟอร์ คิ้ม ปาน ธนพร เบน ชลาทิส บี พีระพัฒน์ ป้าง นครินทร์ ลูกหว้าและโอ๋ ดูบาดู สามโทน และเฉลียง โดยมี เจี๊ยบ วรรธนา เป็นพิธีกร นอกจากนี้ยังมีดีเจ บ้อบบี้มาเล่านิทานหิ่งห้อยให้ฟังด้วย เพราะเชียว
เปิดด้วยเพลงแบบอะคาเปล่า น่าจะร้องโดย อะคาเปล่า 7 เป็น vtr คนดนตรี มั้ง อิอิ ไม่แน่ใจ ปิดท้ายด้วยคำโปรยว่า
"คลาสสิคอย่าดูถูกแจ๊ซ แจ๊ซอย่าดูแคลนป๊อป ป็อปก็อย่ารังเกียจลูกทุ่ง ลูกทุ่งเองก็อย่ารังงอนหมอลำ หมอลำอย่าคิดว่าคลาสสิคสูงส่ง"
พิธีกรคือเจี๋ยบ วรรธนา ก็ออกมาเปิดงาน กึ่งทางการ แนะนำนักร้องที่จะมาร้องเพลงของประภาสในแบบของตัวเอง เพลงของประภาส ร้องโดยนักร้องสุดฮิบแห่งยุค คนแรกคือ เจนนิเฟอร์ คิ่ม กับเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องวัยอลวน เนื้อเพลงประมาณ คนเรามีนิ้วไม่เท่ากัน โป้งชี้กลางนางก้อย ชื่อเพลงว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ นอกจากนี้ก็มีเพลงเสือ ออกมาวาดลีลากับ เสือไม่จริง แต่เป็นเนตรนารีต่างหาก ตามคำเจ๊แก เธอพูดเเบบกัดๆเจ็บๆว่า คุณประภาสเคยเขียนในหนังสือถึงเพลงเสือไว้สั้นๆว่า "ตั้งเเต่ครั้งเเรกที่ผมได้รู้จักฮันนี่ ผมก็รู้เลยว่า เธอคือเสือ" เจ๊คิ้มเปลี่ยนว่า อยากให้พี่จิกลงภาพเธอ เเต่งชุดเเบบฮันนี่ เเต่หันหลังให้เเทน เเล้วเขียนคำโปรยว่า "ตั้งเเต่ครั้งเเรกที่ผมเห็นยัยคิ๊ม ผมก็รู้เลยว่าเธอ..เป็นหมี" สุดๆ ก้คือเพลงไม้ขึดไฟกับดอกทานตะวัน สะกดคนดูนิ่งทั้งฮอล์ล ออกมาคุยช่วงก่อนเบรก บอกว่าชอบพี่เกียงมากๆ แอบเข้าไปหาที่ห้องเฉลียง โอ้แม่เจ้า เป็นวันพ่อแห่งชาติ อะอะ แวบๆ เห็นภรรยาและลูกๆ เปลี่ยนเป็นวันครอบครัวแห่งชาติแล้ว 555 พี่เกี๋ยงลูกไม่ได้มา แต่ก็ยังอุตส่าห์โชว์รูปให้ดู แหมก็น้องแก้มเค้าน่ารักซะนิ คุณพ่อก็ต้องปลี้มเป็นธรรมดา
ปาน ธนพร ออกมา เสียงสวยมาก รู้อยุ่ละว่าเสียงดี แต่ฟังเพลง RS ของปานซะจนติดหู ได้มาฟังร้องเพราะ ใส แบบนี้แล้ว อยากให้ได้ร้องแบบนี้ขายบ้างจังเลย มากับเพลง รักเป็นดั่งต้นไม้ พี่ชายที่แสนดี นั่งลงตรงที่เดิมของโคโค่แจ๊ส (เพลงโฆษณา)ร้องคู่กับพี่แต๋งที่ออมากเป๋าแซกโวโฟนให้ เพราะมากๆ เพลงนี้มีเกร็ดน่ารักดัวย ว่าตอนที่ทำเพลงนี้นรีกระจ่างยังเด็กมากประมาณ 19 พี่จิกอยากได้นั่งดนตรีที่สุงวัย เพื่อให้ดูอบอุ่นเป็นเด็กสาวกับชายหนุ่มเหลือน้อย จริงแล้วพี่แต๋งเสนอตัวเองว่าเล่นแซกได้ แต่พี่จิกบอกว่า พี่แต๋งแก่ไม่พอ แต่มาวันนี้ ไม่ต้องหาใคร ผมแก่พอแล้ว 555
เบน มากับเพลง ยังมี โชว์พลังซะสุดใจเลย ไข่เจียว มีโชว์เคาะกะทะ แล้วก็เต้นแท็บด้วย ร้องออกมาเป็นแนวเบนมากๆ
บี มากับเพลงรักดั่งต้นไม้ ปรับเป็นแนวปีเต็มที่ มีวุ้ๆ เพียบ ไล่เสียงซจนฟังยากเลย แต่รวมๆ ก็เพราะ แล้วก็ออกมาปิดด้วยเพลงอิฐก้อนหนึ่ง เพราะมากๆ ปลุกใจสุดๆ เลย มีคนเค้าบอกว่าบีร้องเพลง ครอบครัวดนตรีด้วย นึกไม่เห็นออกเลยอ่ะ
ป้าง มากับเพลงฟั้นเฟือน เพลงนี้เล่นเอาฮอล์ลเกือบแตก ร้องกันดังลั่น ร้อกเต็มคั่น เพราะกว่าพี่อ๊อฟเป็นร้อยเท่า 555 ตามด้วยเพลง ง่ายง่ายๆ ของเฉลียง รู้สึกเสียงจะไม่ค่อยเข้ากับแนวป้างปีจจุบันเลยดู ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เถอะนะ เปิดเพลงแรกมาซะตู๊ม เพลงต่อมาเบาซะก็ไม่แปลกร้องที่จะไม่ใจเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ตอนจบพี่เล่าเอาน้ำตาซึมเลยกับเพลง เพราะอะไร ร้องกับวงออเคสต้า เสียงพี่ป้าง แต่ดนตรีเพราะอะไรแบบพี่ป็อด สุดยอดแล้ว ตอนเดินออกมาร้องเพลงนี้ใส่สูทด้วย นึกว่าพี่ป็อดเดินออกมานะเนี่ย แอบคิด แอบลุ้น 😛
นอกจากนี้ยังมี ‘น้องตั๊ก’ (ผู้ขับร้องเพลงแก้วกัลยา) ศิลปินผู้พิการทางสายตา แต่จิตใจผูกพันความงาม มาขานขับเพลง ‘ต้นชบากับคนตาบอด’ เซอร์ไพรส์สุดๆ ‘น้าเพลิน พรมแดน’ ที่พูดไปร้องไป (แต่ไม่ยักบ่น) ในเพลง ‘อยากมีหมอน’ เวอร์ชั่นลูกทุ่ง มีปล่อยมุก หาวิธีให้นอนให้หลับ ทั้งยาเป้นกุรุด ทั้งเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ (สามโทนบอก รอบหน้าจะเอาไปซ่อน ดูสิคนจะฮาไหม)
ลูกหว้ากับโอ๋ ดูบาดูมาเล่นเพลง ชุดแดงเพลงเลย ร้องเพลงอะไรละเนี่ย ร้องเพลงรุ้งตัวอ้วนด้วย เริ่มแบบซึ้ง สนุก และจบซึ้ง มีเพลงประกอบรายการรักทรหดด้วย ลมหายใจของกันและกัน ตอนแรกลูกหว้าออกมาโซโล่ท่อนสวยก่อน อาจเป็นเพราะเรา คู่กันมาแต่ชาติไหน ก่อนที่ปรับจังหวะเป็นสนุกสนานมาร้องสู้กับเบน สนุกมาก แต่งตัวเหมือนเจ้าบ่าว เจ้าสาว แล้วแปลงให้โอ่เป็นบาทหลวง มาแร็บว่าความให้วะงั้นโอ๊ย สุดยอด ปลี้มลูกหว้ากะโอ๋ ดูบาดูมากๆ เลย
เพลงนิทานหิ่งห้อย จัดมาเป็นอีกหนึ่งช่วงที่ไม่ให้เฉลียงมาเล่าอะไรแล้ว แต่ให้ดีเจบ๊อบบี้ หรือ รุ่นพี่ของโนสจากเรื่องชายกลาง มาเล่า โดยใช้วงดนตรีออเคสต้า บรรเลงเพลงแทนตัวละครต่างๆ ในเรื่อง แต่ละชิ้น เล่นให้ฟัง เพราะมากๆ แล้วก็ให้ดีเจบ็อบบี้ เล่านิทาน เสียงหล่อจริงๆ แล้วก็เล่าเป็นนิทาน กำกับการเล่าเรื่องโดยบัวไร เล่าคนเดียวทำเป็นหลายเสียงเลย สนุกดี แต่บางคนอาจจหลับได้ ก็แหม นิทานนี่นา ถือว่าเป็นการออกแบบการโชว์ที่น่าสนใจ ไม่ซ้ำแบบใคร และขยันในการคิดมากๆ สมแล้วที่เป็นแนวเวิร์คพอยท์ แบบเด็กถาปัต
สามโทน เปิดด้วย ธงชัย ประสงค์สันติกับเพลง ควายไทยก่อน น่ารักเชียว แอบมีมุขใส่เป็นระยะ เจ้าตัวแอบบ่นน้อยใจว่า ทำไมอาจารย์จิกต้องให้ผมร้องเพลงนี้ด้วย แต่พอฟังเพลงที่คนอื่นๆร้องแล้ว โดยเฉพาะเบน ผมก็เข้าใจว่า ทำไม ผมถึงได้ร้องเพลงนี้ 555 เชิญคุณพระประชันมาช่วยบรรเลงเพลงให้ด้วย เพราะดี จากนั้นก็เปิดตัวสามโทนออกมาร้องเพลงสนุกสนานสไตล์สามโทน ขบวนการโป๊ง โปง ชี่ง สวัสดีปีใหม่ จบด้วย เจ้าภาพจงเจริญ มีแอบเล่าเรื่องแทรกการเมือง และจิกกัดแซวคนอื่นๆด้วย ระหว่างเพลงสวัสดีปีใหม่ พูดคุยทักทายกัน ตั้งชื่อลูกบุ๋มบิ๋มด้วย ให้ชื่อมัฆวาน เอากะเข้าสิ ยังแปลงเนื้อให้พันธมิตรถอนตัวไวไว ก่อนเปลี่ยนเป็นให้พันธมิตรกะรัฐบาลรวมใจ ถนอมส่งต่อให้ไฟใต้ดับไวไว เอ แล้วะงชัยจบไงละ จำไม่ได้แล้ว แต่ขอบอกว่า บอกกันโต้งๆ กลางเวทีว่าเอามุขเฉลียงมาเล่นจนหมดเลย ธงชัยสะใจมาก บอกป่านนี้พี่เจี๊ยบโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยุ่หลังเวทีแล้ว 555
เจี๊ยบ วรรธนา ออกมาเรียกคนดูให้เข้าพร้อมกับร้องเพลงรู้สึกสบายดี ซึ่งเฉลียงก็แอบบ่นว่า ต้องเป็นเพลงที่พวกเขาร้องเป็นเพลงแรก แหม น่าฉงฉานจริงๆ ฉาเหลียงม่ายเหลือเพลงแล้ว 555
เฉลียง ออกมาหลังเบรกก็มารีรอให้คนเข้าที่ให้พร้อมแล้วค่อยร้องเพลง เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ หลังจากโดนขโมยมุขไปเล่น ก็เลยมายืนกันเอ๋อๆ ว่าจะเล่นมุขอะไรดี เพลงก็โดนขโมยไปร้อง ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี จุ้ยบอก จริงๆ ไม่ต้องมาก็ได้นะเนี่ย คนอื่นเค้าร้องไปกันหมดแล้ว ร้องเพราะซะด้วย อิอิ คุยๆๆๆๆๆๆ เกี๊ยงก็แสดงตัวตนว่ายังอยุ่บนเวทีด้วยการถามว่า ผมจะได้ร้องเพลงไหมเนี่ย ทุกคนก็เลยให้เก๊ยงร้อง แน่นอน ไม่ใช้เพลงยังมี เพราะเบนร้องไปแล้ว เข้าใจก็ร้องไม่ได้เพราะผิดคอนเซป อันนั้นดี้แต่ง ก็เลยร้องเพลงเก็บใจ ร้องนิ่งๆ สไตล์ตัวเองแหละ แต่เจี๋ยบพยายามให้มีลีลา ไม่ให้ยอมแพ้เบน (เบนโดนหลายคนเล่นนะเนี่ย แต่ข่าวว่าหลังเวทีก็ไปแซวคนอื่นไว้เยอะ) จุ้ยก็ได้ร้องเพลง เที่ยวละไม พร้อมกับเล่นมุขเรื่องคำพูดไม่สุภาพ ที่บอกว่า เอาตูดแช่น้ำแล้วเดินต่อไป บอกรุ้สึกกระดากปากที่ต้องพูด เลยคุยกะพี่จิก แต่พี่จิกบอกว่า ถ้าให้พี่เปลี่ยนเนิ้อร้องท่อนนี้ พี่เปลี่ยนคนร้องดีกว่า จุ้ยเลยบอกว่าไม่เป็นไรครับพี่ ผมร้องได้ ไงละ 555 แต่พี่แต่งมีแปลให้ว่า จิกมันพูดแบบนี้ ถ้าต้องเปลี่ยนเนื้อร้อง กูเปลี่ยนมึงดีกว่า อิอิ ปิดท้ายด้วยอื่นๆ อีกมากมาย ที่เฉลียงแถลงว่า แต่งตรงกับคนร้องแต่ละท่อน เกี๊ยง เป็นคนตรงๆ ได้เนื้อ จุ้ย ชอบหนีเรียน เลยได้ท่อน เด็กหนีไม่ยอมเรียน แต๋ง ได้ท่อนต้นไม้เพราะจะตั้งชื่อลูกชายว่าต้นไม้ (แถไปได้ 555) ส่วนเจี๊ยบ เลยโดนเพราะได้เนื้อคนเลว ก็เลยเป็นคนเลว ฮา…
เฉลียงมาไม่ครบองค์ประชุม ดี้หาย เพราะต้องไปแคนาดา ไปช่วย นพดลเจรจาเรื่องเขาพระวิหาร 555 ส่วนนกไม่ได้พูดถึง เข้าใจเองว่า ไม่มีเพลงให้ร้องไง แต่ก็มาดูนะ เพราะเจออยู่ตอนช่วงพักครึ่ง มีพักครึ่งด้วยครับ เพราะคอนเสิร์ตยาวมาก
แล้วพี่จิก ประภาส ก้ขึ้นมาบนเวที มายืนข้างเปียโนตัวที่ไม่ได้ใช้ตลอดคอนเสิร์ตเลย ไม่รุ้มาตั้งทำไม มากล่าวคำขอบคุณสั้นๆ 2 ฐานะ ฐานะที่หนึ่งคนจัดคอนเสิร์ต ฐานะที่ 2 คนเขียนเพลง บอกว่า คอนเสิร์ตนี้ทำให้เค้าอยากเขียนเพลงอีกหลายเพลงเลย และตบท้ายด้วยเพลงใหม่ที่แต่งให้กับคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะ ที่เขียนแทนใจนักเขียน ว่าเขียนเพลงเพราะอะไร ในเพลงเขียนให้เธอ …………………""เขียนดวงดาวให้สุกสกาวบนฟากฟ้า เขียนต้นหญ้า…" นึกถึงคำพี่จิกที่พูดถึงอาชีพนี้ว่า"ผมมีกระดาษแผ่นนึง ผมให้ใครทำอะไรบนกระดาษของผมก็ได้" ชอบอีกอัน "มหานครใดๆหาใช่แรงผลักดันฉัน" คำเท่มาก "มหานคร" เหมือนมีสำเนียงเหน็บเล็กน้อย นักประพันธ์ยิ่งใหญ่เค้าได้แรงบันดาลใจจากเมืองหลวงนั่นนี่ แต่ประภาสเปล่า ใครจะทำไม."(copy มาจากเว็บเฉลียงจ้า) โดยให้จุ้ยกะเกี๊ยงที่เขียนเพลงเหมือนกันเป็นตัวแทนร้องให้ เพราะถ้าร้องเองได้คงร้องตั้งแต่อัลบั้มแรกแล้ว
สุดท้ายจริงๆ จบด้วยการออกมาร้องเพลงรวม ในเพลง คนดนตรี ว่าแต่นึกว่าเพลงนี้พี่อ๋อง สุรสีห์เป็นคนแต่งเนื้อซะอีก ที่แท้เป็นคนร้องเท่านั้นเอง อิ่มในการฟังเพลง และดูโชว์มากๆ
อาจจะมีอีกหลายเพลงที่ลืมเขียน ก็ยังนึกไม่ออก ไว้จะมาเพิ่มเติมแล้วกันนะ ถ้านึกออก ตอนนี้ครบทุกเพลงแล้ว ต้องขอขอบคุณเว็บเฉลียงเป็นอย่างสูงที่แบ่งปันข้อมูลกันมา
ไปดุกับที่บ้านครบเซ้ท แม่ พี่สาวทั้ง 2 เพื่อนพี่ที่เป้นขาประจำ และสองหนุ่มพี่ฟุ้ยและแจ็ค โดนจับนั่งคู่กัน ก็แหมตอนแรกอีกทีต้องเป็นแฟนแจ๊คนินา ก็นั่งคู่กันไป
คอนเสิร์ตเพลงแบบประภาส แสดง 4 รอบ
5 ก.ค. 51 รอบค่ำ ราคา 900 บาท ศูนย์วัฒนธรรม นั่งชั้น 2