Posts Tagged ‘ท่องเที่ยว’
ปีนี้ก็ยังคงมาดำน้ำ ช่วงนี้ถือว่า ดำน้ำถี่ทีเดียว ปีละครั้ง ถือว่าบ่อยมาก ทุกที 3-5 ปีครั้ง อย่างว่า สถานการณ์โควิด ออกนอกประเทศไม่ได้ ก็มาดำน้ำแทนละกัน
27/04/65
เดินทางด้วยสายการบินไทยสไมล์ วันที่ 27/04/65 ถึงตัวเมืองภูเก็ต นั่งรถรับส่งสนามบินที่จองไว้ล่วงหน้า มีแวะทานข้าวที่ร้าน บ้านอาจ้อ แถวสนามบิน อาหารท้องถิ่น ทำร้านสวยงาม เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย ที่นี่เคยเป็นบ้านพักตากอากาศของตระกูลหงษ์หยก เราเดินชมบ้านกันอย่างยาวนานและชิวมาก จนเจ้าของบ้านต้องโผล่มาดูว่า ยังอยู่กันอีกเหรอ ค่าเข้านำไปสมทบทุนดูแลเด็กๆ ในมูลนิธิ
บ่ายๆ ก็มุ่งเข้าตัวเมืองไปเช็คอินที่ Xinlor house โรงแรมในตึกแถวเดิมในย่านใกล้เมืองเก่า ห้องพักค่อนข้างน่ารัก ตกแต่งด้วยต้นไม้ มีแต่บันได ห้องของเราคือห้องที่ดีที่สุด มีโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่น และ มีระเบียงที่มีอ่างจากุซี่ให้แช่เล่นด้วย มองออกไปเห็นผู้คนบ้านตรงข้ามได้ ก็ต้องสวมชุดว่ายน้ำแช่น้ำเล่น ใข้ให้คุ้ม ก็แช่ทั้งเย็น ทั้งกลางคืนจ้า
ยามเย็นก็ไปเดินเล่น เจอกับ ญาติที่นัดทานข้าวเย็นกันไว้ บ้านอยู่ตรงข้ามกันที่กทม มาภูเก็ต ก็ป๊ะกันโดยบังเอิญก่อนเวลานัดอีกจ้า เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ก่อนไปแวะทานไอติมที่ร้านฮิปๆ มีโอ้วเอ้วเป็นส่วนผสมด้วย แต่น่าจะไม่ได้สั่ง เรานั่งทานกับหลานๆ และ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นเจ้ามือจ่ายให้ กราบงามๆ ขณะที่สาวๆ เดินไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านที่พี่ๆ เค้าคุ้นเคยกัน ทานเสร็จเราก็ตามไปที่ร้าน ไปนั่งเล่นกับกระต่ายขนนุ่ม อยู่ที่ร้านนี้กันนานมาก
จนมีคนชวนไปเดินเล่นถ่ายรูป ก็ตามออกไปด้วย ไปถ่ายรูปตรงทางข้ามม้าลายแถวตึกสแตนดาร์ด ใกล้ๆ ก็มีธนาคารไทยพาณิชย์กำลังสร้างอยู๋ เป็นตึกทรงโบราณสีขาว คาดว่า จะเป็นอีก landmark ในอนาคต สมควรแก่เวลาก็เดินไปยังร้านอาหารวันจันทร์ที่จองไว้ ทานข้าวเย็นจบแยกย้ายกับครอบครัวญาติ เจ้าของร้านเสื้อผ้าที่คุ้นเคยของพี่ๆ พาเดินเล่นยามค่ำคืน และไปนั่งดื่มที่ร้านDibuk House บรรยากาศดี มีบริกรเพียบ ร้านอยู่ได้ใช่ไหม
28/04/65
วันนี้เดินเล่นกันแค่ 3 สาว ยามสายลงไปทานเยนตาโฟสามพี่น้องข้างโรงแรม อร่อยดี พี่ๆ ทานกัน 2 ชามเลย กินกันเก่ง แวบไปนั่งทานเครื่องดื่มที่ร้านคาเฟ่ฝั่งตรงข้าม ฝนกระหน่ำมา ก็นั่งชิวเรื่อยๆ รอฝนหยุด แต่เดี๋ยวไม่ได้เก็บของ ต้องเช็คเอาท์ สุดท้ายก็เลยต้องลุยฝนกลับโรงแรมไป ไม่เป็นไรแค่ข้ามถนน มีร่มมา 1 คัน
เช็คเอาท์พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เดินเล่นไป เข้าร้านทานขนม ทานชา ในที่สุดก็ได้กินโอ้วเอ๋วแบบเต็มๆ จนไปแวะนวดเท้าเพื่อรอเวลาทานข้าวเย็นที่ร้าน La Gaetana (ลา เกตานา) ร้านนี้พี่ๆ จองแล้วอดกินไปแล้วรอบนึง คราวนี้กลับมาแก้มือ อร่อยค่า กุ้งตัวใหญ่มากกกก เจ้าของร้าน เป็นคู่สามีภรรยาที่เคยทำอาหารในโรงแรมมาก่อน ได้เวลารถมารับ พากลับไปรับกระเป๋าที่โรงแรม และพาไปส่งที่ท่าเรือ
ไปเจอกับผู้ร่วมทริปดำน้ำกับเรือดำน้ำ Live aboard ของพี่หมี เรือบุนนาค @mv.marinerbunnak บนเรือมีข้าวต้มให้ทาน แต่เราอิ่มกันมากกกกจากร้านอาหารแล้ว แถมยังมีผู้ร่วมทริปใจดี ซื้ออาหารร้านดังมาให้เพิ่มด้วย จำไม่ได้ละว่าคืออะไร
ขึ้นเรือปุ๊บ ก็ตรวจโควิดกันปั๊ป ทุกคนปลอดภัยจ้า บรีฟกันสั้นๆ ถึงการใช้ชีวิตบนเรือ ทริปนี้มี 4 กลุ่ม ลีดโดย พี่ปุ๊ย พี่แพน พี่ป้อง และ พี่เอื้อม นอนพักผ่อน พร้อมดำน้ำวันพรุ่งนี้
เรือดำน้ำขนาดย่อมเยาว์ ความจุ 20 นักดำน้ำทริป มีห้องคู่ ที่เก็บของใต้เตียง ห้องน้ำรวม อาหารอร่อย สไตล์ไทยๆ มีคนดูแลโซนเครื่องดื่มและอาหารเป็นหนุ่มใต้ตาหวาน มือชงเครื่องดื่มประจำเรือ เราก็เมาเรือตามปกติ เป็นอยู่วันแรก แต่ก็ลงดำน้ำตลอดยกเว้น night dive
29/04/65
ไดฟ์ 1 เกาะห้าใหญ่ อุทยานแห่งชาติลันตา ไดฟ์แรก ดำเบาๆ ทดสอบกันไปก่อน ปะการังมีให้มองเยอะอยู่
ไดฟ์ 2 เกาะห้าเหนือ มีถ้ำให้ลอด ไปมา และมีดงปะการังอ่อนสวยงาม ฟูมาก สวยมากอยู่ และมีปัญหาเรื่องการจราจรเข้าถ้ำ เพราะกลุ่มที่ลงก่อน ไม่ได้เข้าทันที เพิ่งมาเข้าตอนที่กลุ่มหลังๆ ตามกันลงมาแล้ว ไปรอกันหน้าทางเข้าเพียบ ทำให้พี่ปุ๊ย ลีดเดอร์เรามุดเข้าไปเพื่อจัดระเบียบจราจรในน้ำ ขึ้นมาก็เล่นงานกันอย่างสนุกสนาน เราเลยเข้ากัน 2 รอบ รอบแรกแบบเร็วๆ แล้วไปเข้ารอบสอง แบบวนแล้ววนอีก ปลายไดฟ์ที่เราขึ้นไปแล้ว ไดฟ์ลีดเราเจอฉลามวาฬด้วย (ไดฟ์นี้พี่กั้งพลาด ยังเมาเรือ นอนสลบอยู่)
ไดฟ์ 3 เกาะห้า (No.6)
ไม่ดำ Night Dive
30/04/65
ได์ฟ 4 หน้าน้ำตกอาดัง ออกแนวดำทราย มองหาตัวนู้นนี้ ก็มีให้เห็นอยู่ กลุ่มครูเอื้อมดำลงไปก่อน มีปักตะเกียบเพื่อชี้เป้าไว้ให้ด้วย ที่เห็นจะๆ คือ นูดี้ยักษ์(เอาไฟฉายมาวางเทียบกันเลย) ม้าน้ำ กุ้งตัวน้อยๆ ในปะการัง คนอื่นเจอกันอีกเยอะ แต่เราวนไปมา ไม่กล้าไปไหนไกล
ไดฟ์ 5 หินแปดไมล์ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา น้ำแรงมากกกก เกาะทุ่นขึ้นและลงเท่านั้น ถ้าหลุด จงขึ้นผิวน้ำมาเลย เห็นปลาที่ว่ายน้ำต้านกระแสอยู่เคียงข้าง จำได้ว่า คือ Batfish
ไดฟ์ 6 ตาลัง (Stonehenge) ปะการังสวยมากกกกกกกกก ไม่เคยมาเลย ได้ไง มีกระแสน้ำพอประมาณ เค้าว่า เพราะมีกระแสน้ำนี่แหละ ปะการังอ่อนถึงสวย ฟู ขนาดนี้ พี่ปุ๊ยกับเอ็กซ์อยู่กันยาวววววววมาก จนทำให้ไม่สามารถไปดำ Sunset ที่อื่นได้ เพราะจะไปไม่ทัน แถบนี้ค่อนข้างเข้มงวด สั่งห้ามดำน้ำตอนกลางคืนอย่างเด็ดขาด
ไดฟ์ 7 ตาลัง Sunset Dive ไดฟ์นี้ เลยได้ลงซ้ำอีกครั้ง กระแสน้ำอ่อนลงแล้ว แต่ปะการังยังพอสวยอยู่ เจอม้าน้ำ นูดี้
01/05/65
ไดฟ์ 8 เกาะ 5 ใหญ่
ไดฟ์ 9 เกาะ 5 (no.6) มีคนเจอฉลามวาฬแบบใกล้ชิดมาก 2 ตัว แต่ไม่ใช่เรา ชมภาพไปนะ
ไดฟ์ 10 เกาะ 5 ไปรอฉลามวาฬ แต่ก็ไม่เจอ
02/05/65
ไดฟ์ 11 เกาะ 5 (no.6) ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อเจอฉลามวาฬ สำรวจแนวปะการัง แนวผาหินนี้ก็จนถ้วนทั่วมาก แก๊งๆๆๆ เสียงเรียกเสียงสวรรค์มาแล้ว หันขวับทันที ฉลามวาฬว่ายเข้ามาอย่างสง่างาม ตัวเล็กนะวันนี้ หันไปหาพี่สาว ยังมองกำแพงอยู่เลย ต้องว่ายไปกระตุกฟิน ชี้เป้า ถึงจะรู้ตัว เนื่องจากเราไม่มีกล้อง จึงลอยดูอย่างสงบ คนเข้าไปรุมกันสุด มีอีกกลุ่มที่ลงมาไล่กับเราด้วยเช่นกัน เป็นภาพที่สับสนวุ่นวายอลวนกันแท้ ตอนแรกเรานึกว่า ทุกคนได้เจอ ปรากฏว่า ไม่ช่ายยยย กลุ่มพี่แทนไม่เจอวันนี้ แต่เจอไปเมื่อวานแล้ว ส่วนกลุ่มพี่ป้องยังคงไม่เจอต่อไป เห็นว่ามีพี่คนนึงในนั้นที่ดำมานาน แต่ยังไม่เคยเจอฉลามวาฬเลยยยย สักวันค่ะ พี่ สักวัน
ไดฟ์ 12 เกาะ5 (no.6) และก็ยังคงอยู่ที่นี่ เพื่อรอฉลามวาฬ แต่ไม่เจอ คราวนี้ ได้ใช้ SME อีกแล้ว ทริปนี้ ได้ใช้ของคนอื่นหลายครั้งอยู่ เพราะอากาศจะหมด ต้องขึ้นก่อน แต่ผู้นำกลุ่มเรากับอีกผู้ร่วมกลุ่มยังเหลืออีกเยอะ เลยอยู่กันต่อ แรกๆ ยังฝากขึ้น ตอนหลัง ยื่น SME ให้หมุนขึ้นเองแล้ว 555
ไดฟ์ 13 ปิดะนอก มาเพื่อฝูงปลาข้างเหลือง แต่น้ำแรงมาก ไปไม่ไหว ได้แต่มาดูแนวผาแทน
เครดิตภาพ ภาพบนบก พี่เข็ม พี่กั้ง ภาพใต้น้ำ เพื่อนร่วมทริปทุกท่าน
ทริปนี้มีการลงยันต์คาถา ด้วยครีมกันแดดแบบแท่ง แรกๆ ใช้ชื่อ เจต คนไม่มีดวง ซึ่งเราก็งงว่า ทำไมถึงใช้ชื่อคนไม่มีดวงล่ะ (มีที่มาจากทริปก่อนๆ ที่พอเจตขึ้นมาก่อนด้วยสักเหตุผลหนึ่ง หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้เจอฉลามวาฬ 555) งงๆ ไม่แน่ใจว่า ยังไงถึงเปลี่ยน แต่แน่ๆ ชื่อที่เปลี่ยนคือ ปรจารย์แห่งการดำน้ำ พี่ปุ๊ย 555 ผลคือ เจอฉลามวาฬจ้า แม้จะไม่ได้เจอครบทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เจอ จนแซวกันว่าต้องมีผลิตภัณฑ์ยันต์พี่ปุ้ยล่ะ พี่ปุ๊ยบอก พอๆ เดี๋ยวไม่ขลัง 555
อีกครั้ง กับ Cebu Omesna Peak, Canyoneering at Montaneza Falls, Aguinid Fall and Whale Shark Watching 20-23 OCT 2018OCT 2018
Posted October 27, 2018
on:กลับมาอีกครั้ง กับ Cebu อ่านว่า ซีบู ประเทศฟิลิปินส์ จากครั้งก่อนที่เราพลาดไม่ได้ไป Kawasan Fall เพราะเจอะพาุยฝนถล่ม แล้วครั้งนี้ล่ะ
เนื่องจากมาซ้ำ เราจึงพยายามหากิจกรรมที่ไม่เหมือนกันครั้งก่อน แต่คราวนี้มีสมาชิกใหม่มาร่วมด้วย ก็ยังต้องซ้ำกันเป็นส่วนใหญ่ ชาย 2 หญิง 6
แผนคราวนี้ 20 – 23 ต.ค. 2018 ปลายหน้าฝนเลยจ้า เรามากัน 4 วัน กับ การบินตรง BKK – Cebu สายการบินฟิลิปินส์ แอร์ไลน์ จากครั้งที่แล้วที่ลั่นวาจากันไว้ว่า ไม่มีบินตรงจะยังไม่มา เพราะเข็ดกับการดีเลย์ จนต้องข้ามวันกลับ และยังได้ราคาโปรโมชั่น 6970 บาท ก็จัดกันด้วยความรวดเร็ว
Day 1 Transfer from City airport to Moalboal via Osmena peak
เดินทางกันมาทั้งคืน มาถึงซีบูตอนเช้า แวะรับซิมฟรี แต่ละสายการบินของฟิลิปินส์จะมีแจกซิม ฟิลิปินส์ แอร์ไลน์แจก Globe ส่วน Cebu Pacific แจก Smart เราบินฟิลิปินส์ แต่เราไปซื้อค่าย Smart เพื่อสร้างความแตกต่างจากเพื่อนในทริป ให้มีความหลากหลายของคลื่นโทรศัพท์ เสียไป 300 เปโซ + top up ค่าโทร 200 เปโซ เผื่อต้องใช้โทรคุยกับเอเจนท์ คนขับ หรือ โรงแรม
แวะทานอาหารเช้ากันที่ร้าน Jullibee ร้านอาหารไก่ทอดท้องถิ่นของฟิลิปินส์ รสชาดธรรมดา เราว่า ร้านสีเขียวอร่อยกว่า ที่เป็นร้านไก่ย่าง ได้กินตอนมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ จากนั้นแวะไปรับพี่ร่วมทริปที่โรงแรม เค้ามาล่วงหน้า มาเที่ยวเมืองก่อนหน้า ออกเดินทางจากตัวเมือง ร่วม 9 โมงเช้า มีแวะซื้อน้ำตุนไว้ในรถด้วย
แนะนำ ทักทายเพื่อนร่วมทริปให้รู้จักกันให้ครบถ้วน คราวนี้มากันหลายทาง พี่น้องก็บ้านเรา เพื่อนเรา เพื่อนของเพื่อน ก็ทักทายกัน แวะทานข้าวริมทาง อาหารพื้นบ้านง่ายๆ 736 เปโซจ้ามื้อนี้ มุ่งสู่จุดหมายวันนี้คือ Omesna Peak อ่านเจอใน Pantip เป็นจุดแวะใหม่ที่ครั้งก่อนเราไม่ได้แวะ มีแบบเดินเทรคยาวๆ พาอ้อมไปมาด้วย แต่เราเริ่มที่จุดหลักเลย แม้จะเดินกันตอนเที่ยง แต่ว่าอากาศดีมาก เพราะมีเมฆบังในบริเวณนี้ ติดจะเย็นๆ ด้วยซ้ำ มีเมฆหมอกพัดผ่านมาเป็นระยะๆ ทางขึ้นรองเท้าให้รัดหน่อยจะดี มีไม้ให้เช่าเพื่อช่วยพยุง ใช้ไหม ใช้ก็ได้ ช่วยยันตอนขาลงได้ดี แต่เราไม่ได้ใช้นะ ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ก็โออยู่
ทางเดินสวย มีแนวหิน แนวเขา วิวเมืองเล็กๆ พอถึงยอด เป็นวิวอ่าว วิวทะเลอีกฟาก โดยมีหินแหลมคมเป็นยอดๆ ให้พาตัวไปยืนถ่ายรูป แอ็คท่ากันมันส์ อยู่กันนานเลย ถ่ายรูปกันเพลิน มีไกด์ท้องถิ่นผู้หญิง คอยพยายามช่วยเราถ่ายรูปอยู่ด้วย แต่ดูยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญหามุมเท่าไหร่ ส่วนคนถ่ายก็ต้องหามุม พยายามพยุงตัวเองให้รอดนะ อุบัติเหตุเกิดได้ง่ายมาก สำหรับที่สวยเกินคาด เพราะไม่ได้คาดหวัง เสียดายแทนพี่ๆ 2 คนที่ไม่มา ปกติพี่ผู้หญิงเราลุยไหนลุยนั่น คราวนี้มีพี่ผู้ชายมาเป็นผู้นำโยเยเลยนอนรออยู่ที่รถ เสียดายแทนจริงๆ
ใช้เวลากันเต็มที่กับที่นี่ ให้ทิปไกด์ไป 200 เปโซ นั่งรถกันต่อไปถึง Moalboal 17.30 น.
เข้าพัก โรงแรม D’Keco Hotel จองผ่าน Booking.com มีตัดบางส่วนผ่านบัตร และจ่ายสดบางส่วน
แวบไปจัดการค่าทัวร์ที่เหลือ และนัดหมายเวลาสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้ที่ Planet Action Tour เค้ามีที่พักด้วย จริงๆ พักกับที่พักเค้าเลยก็สวยดีนะ
มื้อเย็น ออกไปทานอาหารริมทะเล แบบไม่เห็นวิวเพราะฟ้ามืดแล้วที่ร้าน Lantaw Restaurant 1460 เปโซ
คืนนี้ สมาชิกห้องเรา คือ มิ้น อ้อม และตัวเอง นอนกันไวมาก สี่ทุ่มก็ปิดไฟนอนกันแล้วจ้า
Day 2 Canyoneering at Montaneza Fall, Hotspring & Snorkelling in Moalboal
เช้านี้ตื่นกันไวมากเพราะดูเวลาผิด เวลาที่ฟิลิปินส์เร็วกว่าเวลาไทย 1 ชั่วโมงนะ 7 โมงก็เดินออกไปหาข้าวเช้าทานที่ร้านตรงข้ามกับทัวร์ จริงๆ นัดหมายไว้ 8 โมงเช้า แต่ว่า อาหารช้า เลยขอเลทนิดนึง แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็เลทนิดๆ เหมือนกัน พร้อมออกเดินทางเวา 8.30 น. กับรถเลียนแบบรถขนทหาร อย่างเท่เลยจ้า นั่งรับลมกันไปร่วมชั่วโมงก็ถึงจุดฝึกซ้อมวิธีการใช้เชือก ให้หัดกันคนละรอบสองรอบ ผ่อนเชือก เดินตัวขนานกับพื้น พอบอกให้ Jump ก็ปล่อยมือ แล้วกระโดดลงมาเลย ขาควรจะต้องขนานกับผา 45 องศา
ระยะทางร่วม 3 กิโล กับเวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆ โรยตัว 4 น้ำตก กระโดด 3 น้ำตกจ้า พร้อมก็ลุยกันเลย เดินลุยตัดสวน ตัดป่าเข้ากันก่อน พร้อมหมวกกันน๊อก และ เสื้อชูชีพ ชอบเหลือเกิน เดินป่า ใส่เสื้อชูชีพเนี่ยะ ถึงน้ำตกแรก ทุกคนก็ชะงักกึก มันสูงมากกกกกก น้ำตกตัดตรง เจ้าหน้าที่ 3 คน จัดการเตรียมอุปกรณ์ มีผู้นำ 1 คน ลูกมืออีก 2 คน เห็นว่า ก็ญาติๆ กันทั้งหมด พร้อมแล้วก็อธิบาย และสาธิตวิธีการลง จุดที่ควรต้องอยู่ หลบหลีกไม่ไต่โดนน้ำตก เอียงตัวหลบบ้างในบางจุด เริ่มแรกก็ท้าทายแล้ว ใครเป็นคนแรกล่ะ ถ้าไม่ใช่เรา เหอ เหอ พร้อมลุย คนที่เหลือก็ทยอยกันลงมา ผ่านกันได้ด้วยความเรียบร้อย
น้ำตกที่ 1 ท้าทายมากจ้า สูงใช่ย่อยๆ เลย ยังดี ที่ลงตรงๆ เป็นส่วนใหญ่ ระยะทางไม่ใช่สั้นๆ เลยสำหรับการลงครั้งแรก มีจุดที่ต้องสู้น้ำอยู่บ้าง ทางลงก็ลงได้ 2 ทาง แบบสู้น้ำแล้ว Jump เลย หรือ เดินไปข้างๆ สบายๆ แล้วค่อยๆ ไต่ลง ให้เราเลือก เราขอ Jump เลย แต่ส่วนใหญ่ จะขึ้นกับการไต่ของเราว่า ไต่ไปทางไหนมากกว่า ก็จะได้ลงทางนั้น
น้ำตกที่ 2 ก็ท้าทายใช่ย่อย ทางช่องแคบ ช่วงน้ำไหล ต้องยั้งตัวสู้กับกระแสน้ำ ไต่ลงมาถึงด้านล่าง รองเท้าหลุดกระจายเลยจ้า ต้องไปไล่ตามเก็บ น้ำตกนี้น้ำแรงดีแท้
น้ำตกที่ 3 เราก็คนแรกเช่นเคย น้ำตกนี้ ต้องยกขาสูงเพื่อไต่ลง มีจุดที่ต้องย้ายข้าง จากขวามาซ้าย ก่อนจะ ไต่ลงเพื่อให้หลบน้ำตกได้ เราติดขัดเล็กน้อยแต่ก็ผ่านมาได้ แต่มิ้นมาคนที่สอง ติดอย่างหนัก จนผลสุดท้าย ต้องห้อยหัวลง เราเป็นหนึ่งคนกับ staff ด้านล่างที่เห็นสภาพความอุตสาหะในการลงมาของมิ้น 555 ลงมาได้ นอนหมดแรงเลย เสียดายไม่ได้ถ่ายวิดิโอให้เป็นที่ระลึก กล้องไม่อยู่ที่เรา มิ้นเป็นตัวอย่างที่ทำให้มีเจ้าหน้าที่มาอยู่ตรงจุดเปลี่ยน คนที่เหลือก็เลยลงมาได้อย่างสบาย กลายเป็นทุกคนบอกว่า เราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ดันลงมาได้เอง ทำให้มิ้นลำบาก เอ่อ ขอโทษค่ะ ที่ลงมาได้
มีคลิปมาให้ดู ถึงภาพตอนลง ทั้งจากด้านบน และ จากด้านล่าง จะเห็นว่า มันไปติดขัดที่ตรงไหนได้
น้ำตกที่ 4 น้ำตกนี้ก็สนุก เดินมามองทางลงกันไม่เห็นเลย ผามันตัดมาก ลงมาตรงๆ แล้ว เหมือนต้องปล่อยตัว วูบเอนมาทางด้านขวา เจ้าหน้าที่ช่วยบังคับทิศทางให้ จากนั้นก็ไต่ลงมา หรือถ้านึกสนุก เค้าก็จะให้ Jump ลงมาเลย เราว่า ประหยัดแรงกว่าเยอะ น้ำตกนี้ก็สูงอยู่เหมือนกัน 25 เมตรได้
บางจุดเจ้าหน้าที่เค้าอธิบายไปแล้ว แต่เราพึ่งเดินไปถึง ก็ยังไม่วายต้องลงไปก่อนคนแรก ทุกคนพร้อมใจกันถอย ขณะที่พี่กั้งก็อธิบายให้เราฟังอีกรอบ พร้อมหลบให้เราไปก่อนเลย เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ
จากนั้นก็เป็นช่วงกระโดด กระโดด แล้วก็กระโดด มีทั้งแบบมีช่องบังคับให้เสียวเล่นว่าจะชนไหมในระยะความสูง 5 เมตรได้ อีกจุดมีตำแหน่งยืน คือแง่งในการยืนที่แน่นอน ต้องอยู่ตรงนี้ก่อนจะกระโดด พอโดดลงไป ก็เจอกำแพง ต้องปีนขึ้นไปทั้งชูชีพ ก็มีความลำบากอยู่ เจ้าหน้าที่บอกว่า มีช่องให้มุดใต้น้ำได้นะ แต่คือ ใส่ชูชีพอยู่จะมุดยังไง จุดสุดท้าย เบาๆ แค่ 2 เมตร ช่วงตอนกระโดด สมาชิกหญิงคนใหม่ของเราเป็นผู้นำจ้า เพราะยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ถอยให้เราไปเหมือนพี่เรา เพราะฉะนั้นก็นำไปเลย จบกิจกรรมเดินตามทางไปเรื่อยๆ ไปเจอแม่น้ำร้อน กั้นเป็นบ่อธรรมชาติให้แช่น้ำเล่นได้
เป็นกิจกรรมที่สนุก และท้าทายมาก เรียกได้ว่า มัน เสียว และ ต้องใช้เทคนิคไต่เชือกยิ่งกว่าที่เคยเห็นกับ Kawason Canyoneering ซะอีก เราว่า ถือเป็นอีก Hi light ได้เลย ขาดแค่ น้ำตกสีไม่สวยเท่านั้นเอง
มิ้นมาสารภาพที่หลังว่า ถ้ามีผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยนะ จะของอแง แต่นี่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย เลยงอแงไม่ได้ 555 ส่วนพี่ผู้ชายอีกคนในทริป ไม่ไปตั้งแต่แรกแล้วจ้า นอนรออยู่ที่พักเลย
จบกิจกรรมน้ำตกก็ไปนั่งแช่น้ำร้อนที่บ่อน้ำร้อน ออกแนว บ่อโคลนมากกว่า อยู่ในป่า ร่มรื่นดี
นั่งรถตากลมจนตัวแห้ง มาทานข้าวกลางวันมื้อบ่ายมากกกกกก เป็นไก่ย่าง ปลาย่างตรงที่พักของทัวร์
นั่งพักสักพักก็เอาอุปกรณ์ดำน้ำตื้น เดินไปจุดดู Sardine Run แต่ว่า ให้เหมาะ ควรมาดูช่วงสายนะ เพราะตอนนั้น น้ำขึ้น จะเห็นชัดมาก จากประสบการณ์คราวที่แล้ว คราวนี้น้ำลด ปลาเลยไปอยู่ตรงที่ลึก เลยเห็นไกลๆ คราวนี้ก็ชมปลาเล็กปลาน้อยไปละกัน
ไปคืนอุปกรณ์ อาบน้ำ แล้วก็ไปกินข้าวกัน ข่าวว่า เพิ่งกินไปเองนะ แหะๆ
แล้วข่าวไม่ค่อยดีว่าด้วยเรื่อง มีฝนตกทั่วบริเวณ อาจจะทำให้เข้า Kawason ไม่ได้ แต่ต้องไปลุ้นหน้างาน
มื้อเย็น Cafe Cebuano Moalboal ร้านกึ่งบาร์ ดูดี หมดไป 4230 เปโซ
Day 3 Canyoneering at Kawason Fall
วันนี้กินข้าวตอน 7.30 น. สั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็จะเร็วเลย กลับไปเอากระเป๋าใหญ๋เช็คเอาท์เลย 9 โมงเดินทางไป Kawason Fall ถึงประมาณ 10 โมงเพื่อรับรู้ว่า ปิดให้บริการ เนื่องจากน้ำป่าเข้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แงงงงงงง ครั้งที่ 2 แล้วนะ
ทัวร์แนะนำให้ไป Aguinid Fall แทน เพราะเราไป Montaneza fall แล้ว ก็ต้องตามนั้น ไม่มีทางเลือกอื่น ปรากฏ น้ำตกนี้เป็นน้ำตกเดียวกับที่โรงแรมที่ oslob แนะนำให้ไปเที่ยวแทน Tumalog Fall แต่งตัวเต็มที่ หมวกกันน๊อก ชูชีพ เพื่อมาเที่ยวน้ำตกเด็กน้อย 555 ทีมสตามมากัน 4 คน เจอบังคับ Local guide อีก 2 คน พยายามชวน Photo photo ตลอด ตอนแรกๆ ก็ยังเซ็งๆ อยู่ พอทำใจได้แล้ว ก็ค่อยปล่อยใจไป ขำๆ ดีเหมือนกัน ก็ถ่ายรูปเล่นกันเต็มที่ ถ้าใครมา Oslob แล้วมีเวลา ก็แนะนำให้มาที่นี่นะ ขับรถมา 1 ชั่วโมงจ้า
ชิวกันพอสมควร เล่นกันไปท่ามกลางสายฝน จนตก จนหยุด เราก็ใช้เวลากันคุ้มค่าจริงๆ พอจะกลับ ก็ต่อรองกับทัวร์ว่า ไม่กลับไปกินข้าวด้วยแล้วนะ ขอให้รถคันนี้เลยไปส่งเราที่ Oslob เลยละกัน เจ้าหน้าที่ที่มากับเราเหมือนตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายโทรหาเจ้านายได้ ก็เลยตามใจเรา สบายไป ไม่ต้องนั่งรถย้อน แต่เจ้าหน้าที่ลำบากแทน แหะๆ เลยให้ทิปไปหนักหน่อย ค่าเสียเวลา และค่าหิว
มารู้ตอนหลัง จากคนที่ข้ามกิจกรรมอีกเช่นเคยว่า เจ้าหน้าที่มีห้ามคนเข้าไปเป็นช่วง ตามปริมาณฝน มิน่า เราถึงรู้สึกว่า เหมือนได้ครอบครองพื้นที่อยู่แค่กลุ่มเดียว ไม่เห็นมีกลุ่มใหม่เพิ่มเข้ามาเท่าไหร่ น้ำตก 5 ชั้น ก็พาเพลินได้ การจัดการระบบของที่นี่ค่อนข้างดี กระจายรายได้ให้คนท้องถิ่นชัดเจน
เราเข้าที่พักกันได้ ก็อาบน้ำ สั่งอาหารมากินกลางวันมื้อบ่ายแก่อีกเช่นเคย วันนี้ชิวๆ เลยจ้า พักผ่อนกันสุดๆ นั่งๆ นอนๆ เดินเล่นในทะเล เจอหมู่บ้านปูเสฉวน เล่นโดรน กินข้าว เล่นเกมกัน ย้ายมุมนั่งไปเรื่อยๆ ตามฝน ตามแดด
จ่ายค่าทัวร์ Whale Shark watching กับโรงแรมโลด เราตัดใจจาก Kawason Canyoning กันเรียบร้อย แม้ทัวร์จะเสนอให้จ่าย 1500 เปโซถ้าจะยังคงไปในวันรุ่งขึ้น ดีแล้วที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะคืนนี้ฝนก็ตกกระหน่ำอีกเช่นเคย
ค่าอาหารกลางวัน + เย็น + ทิป 5900 เปโซ
2 ทุ่มกว่าๆ ก็เข้านอนกันแล้วจ้า แต่นั่งเล่นกันมาหลายชั่วโมงมากเลยนะ
ที่พัก Downsouth Beach Resort, Oslob วันนี้ เราก็นอนกับเพื่อนกลุ่มเดิม เคยมาพักที่นี่แล้ว ก็เลยกลับมาอีก แต่ราคาแพงขึ้นเป็น 1000 เปโซเหมือนกันนะ จองตรง มีแถมเรือคยัค
Day 4 Whale Shark watching, Cebu city and Cebu Airport
ตีห้าครึ่ง พร้อมออกเดินทางไปเลยจ้า ใช้เวลา 15 นาที เราไปลงเป็นลำแรกๆ เลย ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ ระบบการจอดรถ ให้ไปจอดด้านนอก ไม่มีรถแน่นข้างในแล้ว เรือเมื่อออกไปแล้ว จะไปเข้าแถวเป็นแนวยาว ไม่มีการรวมกลุ่มใดๆ ส่วนเรือให้อาหารจะคอยล่อให้เป็นแนว เป็นการเฉลี่ยคน และให้แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี สู้รบกับแค่คนในเรือตัวเอง วันนี้คลื่นค่อนข้างสงบนะ ฉลามวาฬก็มากันเยอะ ไม่ต่ำกว่า 5- 6 ตัว มีตัวใหญ่มาก คอยกินอาหารอยู่ แบบแนวดิ่งเลยนะในบางจังหวะ เหมือนเลี้ยงปลาสวายเลย แล้วก็มีนางแบบชุดขาวเข้ากล้องอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ตอนหลัง เราไม่ถ่ายรูปละ นั่งมองอย่างสงบ สบายกว่าเยอะ ให้เวลา 30 นาทีเช่นเคย
กลับถึงที่พักยังไม่ 7 โมงเลย ก็เลยไปพายเรอคยัค เล่น Stand up Padding กันต่อ ทะเลสงบเลยบังคับค่อนข้างง่าย อาบน้ำ กินข้าว นั่งคุย เขียนบันทึก รอรถมารับกลับเข้า Cebu City ตอน 11 โมง
นั่งกันมาไม่นอน มีคนบ่นหิวแล้ว ก็แวะทานข้าวร้านอาหารริมทาง ริมถนนเช่นเคย เหมาปลาเค้ามาหมดร้านเลยมั้ง โดนไป 1020 เปโซ (ปลาตัวเล็ก 8 ตัว) บ่ายสามก็ถึงตัวเมือง แวะเดินเล่นในห้างรอเวลาขึ้นเครื่องบิน ทานร้านอาหารจานด่วน Mang Inasal ร้านไก่ย่าง เราว่า เจ้านี้อร่อยกว่า ไก่ทอดนะ หมดไป 881 เปโซ
ถึงสนามบิน ก็ต้องมีค่า Airport Fee 850 เปโซ อ้อ เรารวมเหรียญให้คนขับรถไปเป็นทิปเพิ่มด้วย น่าจะหลายตังค์อยู่ วันนี้ ไม่มีดีเลย์ใดๆ มีถ่ายภาพเป็นที่ระลึกให้ในสนามบินด้วย บริการตัวเองนะ กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ท่องเที่ยวแบบผจญภัย กับ ประเทศเพื่อนบ้าน ใครชอบ หรือ อยากลองแนวนี้ ตามๆกันมาเลย นอกจาก Canyoning ที่เราไปมา หรือ พลาดไป ก็ยังมีที่ Tison Falls ด้วยนะ จะออกแนวใช้เทคนิคเหมือนกับที่ Montaneza Fall
ค่าใช้จ่าย
- ค่า Package Tour กับ Planet Action Tour http://www.action-philippines.com/
- Pick up from the airport, Osmena Peak, 2 Canyoning (3 Days) and drop off at the airport คนละ 7300 เปโซ
- Whale Shark watching (ซื้อกับโรงแรม รวมรถรับส่ง และอุปกรณ์) คนละ 1300 เปโซ
- ค่าเครื่องบิน Philippine Airlines คนละ 6970 บาท
- ค่าธรรมเนียมสนามบินที่ Cebu city กรณีเดินทางต่างประเทศ 850 เปโซ
- ค่าโรงแรม
- D’Keco Hotel 2 คืน คนละ 1274 บาท เปโซ โรงแรมใหม่ มีที่ตากผ้าบนดาดฟ้า ไม่มีร้านอาหารในโรงแรม
- Downsouth 118 at Oslob 1 คืน คนละ 1150 เปโซ โรงแรมดูน่ารัก น่านั่งเล่นพักผ่อน
- ค่าอาหาร + tip คนละ 3050 เปโซ
รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ 17,300 บาท
อัตราแลกเปลี่ยน .605 บาท – 1 เปโซ
สมาชิก 8 คน 3 ก อ้อม มิ้น วิ พี่โป้ง พี่หญิง
- เราจะพลาด Kawason Fall กันอีกกี่ครั้ง ถ้ามีคราวหน้า ต้อง ธ.ค. – เม.ย. เท่านั้น และ บินตรง ราคาโปรโมชั่น
- พี่โป้งใช้โรงแรมคุ้มมาก
- ผู้หญิงเรา แข็งแกร่งกันทุกคน ไม่มีงอแง
เครดิตภาพถ่าย กล้องพี่กั้ง กล้องกบ กล้องพี่หญิง กล้องมิ้น
ปีน ไต่ ไถตัวบนเขาจ๊อกต่อง แฝดน้องของ เขาสันช้างเผือก นอนเหมืองสมศักดิ์ (บ้านป้าเกล็น) เยือนซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี 2-3 ธ.ค. 60
Posted December 5, 2017
on:- คนละ 20,175 บาท ซื้อเร็วไปนิดนึง ถ้าได้โปรจะได้ที่ 15000 เหมือนกัน
- มาฮานแอร์คนละ 15,000 บาท
ล่องแก่งแม่แตง โหนสลิง Flight of The Gibbon 2 วันที่เชียงใหม่ 29-30 สิงหาคม 2558
Posted September 5, 2015
on:
ไปชิวกันไหม กับ 2 วันที่เชียงใหม่ ฟังดูคล้ายจะไม่ค่อยคุ้ม แต่เราไปแบบเน้นกิจกรรม ล่องแก่งครึ่งวัน โหนสลิงครึ่งวัน เล่นจบ กลับบ้านเจ้า ไม่มีเที่ยวที่ใด ร่วมกับตั๋วเครื่องบินราคาพอกับค่ารถทัวร์ ไปกลับ โดย Thai Lion Air 990 บาท รวมทุกอย่างแล้ว ก็ จัดกันไปค่า
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลา 8.55 น. เป็นเที่ยวบินที่ถูกเปลี่ยนจากรอบ 5.50 น. ทำใจไว้แล้วว่าต้องโดนเปลี่ยนแน่ๆ แผนวันแรกจึงเป็นไปอย่างสบายๆ ระบบการเปลี่ยนของไทยไลออนแอร์ทำได้ดี มีการส่งอีเมล์แจ้ง โทรศัพท์มาแจ้ง แล้วให้สิทธิในการเปลี่ยนเป็นรอบใดก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องตัดสินใจนะ เปลี่ยนได้แค่ครั้งเดียว ถึงเชียงใหม่ 10 โมงกว่าๆ ก็หิวกันแล้ว ทั้งๆ ที่ก็ทานข้าวเช้านะ ตุ๋ม ไกด์นำเที่ยวในครั้งนี้ พาเราไปทานข้าวซอยร้าน ข้าวซอยคุณแม่ ณ มุมใดมุมหนึ่งของคูเมือง เป็นร้านที่อยู่ในบ้าน มีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว คนต่างชาตก็มากันเรื่อยๆ ขี่จักรยานมาก็มี พี่สาวหันมาถาม มาขี่จักรยานกันไหม คือว่า จะขนมาไหมคะ เราจริงจังกันขนาดนั้นเลยเหรอ
อิ่มท้องแล้วก็มุ่งหน้าสู่ อำเภอกึ๊ด ผ่านตลาดสดก็แวะซะหน่อย ได้ของกินติดมือกันมาเพียบ ได้ข่าวว่า ยังไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะ กินกันตลอด ถึงแค้มป์สำหรับเปลี่ยนชุด และอาจเป็นที่ทานข้าวด้วยสำหรับบางกลุ่ม จากนั้นก็นั่งรถสองแถว หรือ เรียกให้หรูก็ 4 Wheel มีหลังคาเป็นเรือยางจ้า เก๋มะ โขยกเขยกเข้าไป มีการทำถนน ขยายถนนอยู่ด้วย อีกหน่อยเส้นทางคงจะกว้างขวาง เข้าไปยังจุดเริ่มต้นสบก๋าย ถึง เมืองกึ๊ด กับเส้นทาง 10 กิโลเมตรใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ แล้วแต่กระแสน้ำ ฟังคำบรรยาย ข้อระวังต่างๆ อย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางฝนโปรยปรายเบาๆ นอกจาล่องแก่งแล้ว ก็ยังล่องแพได้ด้วยนะ ระหว่างที่ล่อง ก็เห็นมีจุดลงจุดอื่นอีกด้วย ระยะที่สั้นขึ้นอีก น่าจะแค่ชั่วโมงเดียว
ความตื่นเต้น มีไม่มากเนื่องจากเกือบทุกคนเคยผ่านลำน้ำว้าแบบแรงมาแล้ว แถมครั้งนี้น้ำยังไม่แรงเต็มที่ แต่ก็พอมีแก่งเรียกรอยยิ้ม เรียกเสียงได้บ้าง ครั้งนี้เราไปกัน 2 ลำ ลำนึง 5 คน หญิงล้วน อีกลำเป็นชาย 3 หญิง 1 พร้อมกับนายท้าย 1 คน สมาชิก 1 ท่านงดกิจกรรมนี้ ตั้งใจจะนอนชิวๆ รอตรงแคมป์ แต่โดนเสียงเรียกร้องให้มาด้วยกัน มาถ่ายรูปให้ซะงั้น อดนอนสบายๆเลย ทุกแก่งลำหญิงล้วนผ่านไปได้อย่างสบาย อาจมีชนหินเล็กๆ บ้าง แต่ก็คัดท้ายเอียงไปมาต่อเนื่องได้แบบไร้ปัญหา ผิดกับอีกลำ ติด คือเรื่องธรรมชาติค่ะ 555 ขย่ม โยกเรือกันใหญ่ ไม่ค่อยจะไปไหนเลย แถมลงคนละร่องด้วย หินเพียบ จะรอดเหรอ ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม แม้จะดูไม่อันตรายในความรู้สึกเราเลยก็ตาม มีเจ้าหน้าที่คอยยืนๆ มองๆ พร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่ 2 แก่งหลักๆ
อีกหนึ่งความต่างคือ ข่าวว่า หัวเรือ 2 คนก็ช่างต่าง ความขยันในการพายผิดกัน หัวเรือลำเรา สั่งหยุดแล้วยังไม่ค่อยหยุดกันเลย ขณะที่อีกลำสั่งพายก็ยังไม่ค่อยจะพาย แต่จริงๆก็คือ ไม่ได้ยินค่า นี่คือเหตุผลสำหรับลำแรก ส่วนอีกลำ คงเพราะว่า สั่งพาย ยังไม่ทันพาย ก็สั่งหยุดซะแล้ว อะ แก้ตัวให้แล้วนะ บางครั้งไม่ต้องสั่งพายยังได้เลย ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอาศัยแรงส่งมากนัก คิดอยู่ว่า ถ้าน้ำแรงกว่านี้จะเป็นอย่างไร แล้วที่เค้าว่า ล่มกันบ่อย ล่มเพราะอะไร ชิวอ่ะ
มีช่วงล่องยาวๆ ให้ลงไปลอยคอเล่นได้ เห็นลำฝรั่งเค้าลอยกันอยู่ เราก็มองหน้ากัน แล้วก็ตัดสินใจไม่ลง เพราะกลัวจะขึ้นลำบาก ปรากฏ พอฝรั่งขึ้นเรือ เค้ายืนกันน้ำอยู่ใต้เข่าอีกค้า 555 โดนหลอกกันเต็มๆ พายไปเรื่อยจนถึงแคมป์ ทานผลไม้ที่ทีมล่องแก่งจัดให้ไว้ พร้อมเครื่องดื่ม ร่วมกับของว่างที่ซื้อกันเข้ามาด้วย อิ่มหนำก็เปลี่ยนชุดเปนชุดแห้ง เดินทางกันต่อ ไปยังที่พัก Tree House บ้านต้นไม้ อีกหนึ่ง Hi Light ของทริปนี้รึเปล่า เพราะดูบางคนจะตื่นเต้นกว่าตอนล่องแก่งอีก ฮาาาา เจ้าของคือ ลุงสุขกับป้าผง ได้ไอเดียบ้านจากลูก กลับมาทำที่บ้าน ทำมา 5 – 6 ปีแล้ว มีฝรั่งมาช่วยจัดการให้ด้วย และก็ได้ผลประโยชน์ด้วยแหละ เห็นจัดเป็น Package เลย พามาจากสนามบิน พาชมลำธาร พักผ่อนกันสบายๆ
ถึงกันตอนเย็น พอมีเวลาเดินชม เดินรอบที่พักยามมีแสง บรรยากาศดีมากกก อากาศสบายๆ ไม่ร้อน ไม่หนาว บ้านหลังหลัก โล่งสบาย มีส่วนที่สร้างเพิ่มเติม ฝั่งตรงข้ามลานส่วนรวมสวยดี แต่ห้องพักโซนนั้นรู้สึกว่าทึบไปหน่อย ลุงเจ้าของบ้านพาไปชมด้วย แล้วก็เดินลงไปกะจะไปให้ถึงลำธาร แต่เจอเสียงหมาสกัดดาวรุ่งซะก่อน เลยต้องย้อนกลับ ไม่กลัวนะ แต่ก็เพื่อความปลอดภัย ใส่ปลอกคอแบบกันเอี้ยวคอ กันกัดด้วยอ่ะ ไม่รู้ว่าป่วยหรือดุ
มื้อเย็นกินกันท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวง นั่งคุยกันไป เมาท์กันไป มีบริการนวดด้วยค่า ชั่วโมงละ 200 บาท ได้สัมผัสกับธรรมชาติกันเต็มที่ เพราะวันนี้ Wifi และสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีจ้า แต่เห็นว่าปกติมีนะ แต่วันนี้เสาที่ส่งสัญญานไฟดับ นอนกันเร็วเชียว ห้องนอนก็มีทั้งห้องรวม ได้ถึง 8 คน ห้อง 2 คน 2 ห้อง และ ห้อง 3 คน 1 ห้อง ในบ้านหลัก เราชอบห้องรวมนะ มันโล่งดี แถมกางมุ้งด้วย เก๋ๆ
ตื่นเข้ามารับบรรยากาศยามเช้า นอนกันเต็มอิ่ม มีตื่นกันบ้าง แต่ก็นอนกันต่อแหละ ลงมาทานข้าวต้ม ชงโอวัลติล ชงกาแฟกันตามสบาย คลาสถ่ายรูปก็มี คลาสโยคะก็มา พร้อมออกเดินทางจากบ้านต้นไม้ มุ่งสู่ แม่กำปอง เพื่อไปโหนสลิง ณ Flight of The Gibbon นั่งรถ หลับยาวเลยกว่า 2 ชั่วโมง จริงๆ ถ้าจากตัวเมืองก็ 1 ชั่วโมงแหละ แต่เราเลือกไปพักที่บ้านต้นไม้กันชิวๆ ยอมเดินทางกันนิด แต่ใครจะเลือกกลับมาพักในตัวเมือง เดินเล่นรับแสงสีก็แล้วแต่สไตล์จ้า
มาถึงปุ๊บ ทานข้าวกลางวันก่อนเป็นอันดับแรก รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายของ Flight of the Gibbon แล้วนะ อาหารเติมได้จ้า เน้นผักเป็นหลัก มีดนตรีเหนือขับกล่อมด้วย อากาศเย็นๆ ติดลำธาร เตรียมตัว แต่งตัว พร้อมขึ้นรถไปจุดปล่อยตัว ฟังคำบรรยาย ข้อความระวังเพื่อความปลอดภัย ถ้าไม่ประมาทก็ไม่มีอันตราย สำคัญคือ ห้ามกระโดด ไม่งั้นหลุดจากเส้นลวด ตกไปตายแน่ๆ ตัวล็อคเพื่อความปลอดภัย ห้ามปลดล็อคเองโดยเด็ดขาด ข้อนี้เชื่อฟังกันดี กลุ่มหนึ่งรับได้ไม่เกิน 9 คน คราวนี้เรา 11 คน เลยต้องมีผู้ดูแล 4 คน ค่อนข้างห่างกัน เราอยู่ปลายแถว แถมไม่เห็นหัวแถวเลย ใครมีกล้องก็ถ่ายกันไป ตุ๋มก็ช่วยถ่ายให้เท่าที่โอกาสอำนวย ได้ภาพสวย ใช้ได้จ้า
เคยโหนสลิงของเจ้าเดียวกันที่ชลบุรี รู้สึกได้ว่าที่นี่ค่อนเร็ว สตาฟทำให้เร็วด้วยแหละ พยายามจะเล่นมุข เพื่อให้ครึกครื้น คนเล่นสบาย เพราะยืนเฉยๆ ให้เจ้าหน้าที่จัดการไป เรามีหน้าที่ นั่งลง แล้วก็ไหล มีจุดออกกำลังเยอะหน่อยก็ช่วงที่จะต้องไปฐานสูงสุด เดิน เดิน เดิน เดิน สมาชิกร่วมลำคลองงู หันมาถาม นี่ลำคลองงูหรือเปล่า แหม นิดเดียวเอง 1 ใน 1000 ของลำคลองงูเลยพี่ เมื่อถึงจุดหมายสภาพก็เป็นดั่งภาพจ้า 555 มองเห็นชะนีน้อยโหนไปมาด้วยนะ
สลิงช่วงยาวสุด เมื่อก่อนอยู่ที่ 300 เมตร ปัจจุบันทำเส้นใหม่อ้างว่า 800 เมตร แต่ความรู้สึกว่าไม่ถึงหรอก น่าจะสัก 400- 500 เมตรได้ แต่ว่าไงก็ว่าไปค่า นอกจากโหนเดี่ยวแล้ว โหนสลิงคู่ก็มี ทำทางเดินบันไดวน บันไดไม่แนวข้ามฟาก เพื่อสร้างความหลากหลาย จุดโรยตัวลงแบบตรงๆ ภาพรวมก็สนุกดี เล่นไม่ยาก ไม่ร้อนเลย อยู่ในร่มเงาเกือบจะตลอด ป่าสีสันก็สดใส เขียวชอุ่ม มีบริการภายถ่ายด้วย แต่ราคาแอบแพงจ้า ก็รายได้เสริมละนะ
จบจากกิจกรรมก็ไปเดินเล่นได้ แถบนี้เป็นแหล่ง Home Stay ยอดฮิตอีกแหล่งหนึ่ง มีร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ เดินชมหมู่บ้าน กินไส้อั่ว กินขนม กินไอติมกันไป สมควรแก่เวลา กลับเข้าตัวเมือง ไปทานข้าวเย็นที่ร้าน เพชรดอยงาม อาหารพื้นเมืองมากๆ สั่งมาแล้วก็ลองกันคนละนิดละหน่อย เอ้อ อิ่มแฮะ มุ่งสู่สนามบิน สำหรับเที่ยวบิน 20.45 น.
เป็นทริปผจญภัยที่สบายๆ ย้อนไปอ่านดู คำว่าสบายเพียบเลย ไม่โหดเลยเนอะ ชิวได้อีก ใครจะลองตามเส้นทางก็จัดไปค่ะ ข้อมูลการเดินทางคงช่วยไม่ค่อยได้ งานนี้เหมารถตู้ตลอดทาง
ไปเที่ยวครั้งนี้ใช้บริการตุ๋มให้จัดการจองทุกอย่างยกเว้นตั๋วเครื่องบินให้จ้า
ล่องแก่งแม่แตง ใครยังไม่เคยล่อง แนะนำ น่าจะสนุก ใครเคยผ่านลำน้ำว้ามาแล้ว ก็ถือซะว่ามาเล่นๆ แต่จริงๆ สำหรับระยะ 10 กิโล ก็มีแก่งให้สนุกสนานพอสมควรนะ คราวนี้เราใช้บริการของ Chiang Mai Adventure
Flight of the Gibbon www.treetopasia.com ราคาคนไทยโปรดสอบถามจ้า
ที่พัก บ้านต้นไม้ เชียงดาว 086 117 0434 Email treehousemaemae@gmail.com
หรือลองไปตามเส้นทาง ฝรั่งพาเที่ยวก้สบายๆ ดี 3 วัน 2 คืน ยาวนานกว่าเราhttp://www.yhibklong.com/2014/08/airbnb.html
เครดิตภาพ กล้องตุ๋ม กล้องกบ